เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] นิยาย บท 306

ตอนที่ 305 (II) ปิดฉาก

fd43ab8d2cd4d7ce4d1061fb5f72ee0e.png

Sign in Buddha’s palm 306 ขออภัยโทษ

“เป็นไปไม่ได้?!” “เจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางมีร่างกายที่ไร้เทียมทานยกเว้นจะเป็นขอบเขตเซียนเทพปฐพีใครกันที่จะสังหารเขาได้เขาจะตายได้อย่างไร?”

เจ้าสํานักผู้วิเศษไม่สามารถหลุดออกจากสภาวะตกใจ

ในฐานะที่เป็นครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเชียนเทพปฐพี่ของสํานักผู้วิเศษเจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางไม่เพียงแต่มีร่างกายคงกระพันแต่ยังมีความสามารถยากจะหยั่งถึงแม้จะเผชิญหน้ากับครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเชียนเทพปฐพี่หลายคนก็ยังสามารถถอยกลับไปได้โดยไม่ร้อนรนผู้แข็งแกร่งในระดับนี้จะกล่าวว่าตกตายไปแล้วได้อย่างไร?

นอกจากนี้ยังมีครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีอีกหกคนเดินทางไปยังเมืองฉางอันพร้อมกับเจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางยังจะมีใครในโลกนี้ที่จะเป็นศัตรูได้?

เจ้าสํานักผู้วิเศษไม่มีทางเชื่อถือเรื่องนี้
ถ้าบุคคลที่พูดไม่ใช่ศิษย์สายตรงสํานักผู้วิเศษที่มีพรสวรรค์สูงเกรงว่าเขาคงไม่อาจยั้งมือตบตีจนตายไปแล้ว“ท่านเจ้าสํานัก นี่เป็นเรื่องจริงแท้แน่นอน ข้า เห็นด้วยตาตนเองว่าเจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางถูกเจาะทะลวงร่างโดยตํานานยุทธแห่งอาณาจักรถัง ทั้งยังกําจัดจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้ด้วย…” ดวงตาของศิษย์สํานักผู้วิเศษแสดงความหวาดกลัวออกมาอย่างมิอาจประมาณ
เมื่อเห็นสิ่งนี้เจ้าสํานักผู้วิเศษก็เงียบไปในทันที

บรรพชนระดับครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพ ปฐพี่ตกตายพร้อมกันถึงเจ็ดคนนี่เป็นการทําลายล้างอย่างแท้จริงเป็นไปไม่ได้ที่ศิษย์สาวกคนใดจะกล้าหลอกลวงเขานอกจากนี้มันยังง่ายมากที่จะยืนยันว่าบรรพชนได้ตกตายลงหรือไม่เพียงแค่กลับไปยังนิกายแล้วตรวจสอบดวงไฟแห่งชีวิตของบรรพชนว่าดับไปแล้วหรือยัง

สิ่งนี้ไม่มีทางจะปลอมแปลงได้

ใบหน้าของผู้นํานิกายใหญ่หนักอึ้งเมื่อพวกเขา นึกถึงเรื่องนี้ โดยเฉพาะผู้นํานิกายเฮยหยวนที่ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวน่าเกลียดอย่างมาก

นิกายเฮยหยวนด้อยกว่านิกายใหญ่แห่งอื่นๆในเรื่องรากฐานไม่มีแม้แต่เซียนเทพปฐพี่กําเนิดขึ้นในนิกายทุกอย่างได้รับการหนุนหลังจากปฐม บรรพชนตอนนี้ปฐมบรรพชนกลับตกตายไปแล้วเป็นเรื่องร้ายแรงอย่างยิ่งสําหรับนิกายเฮยหยวน

หลังจากวันนี้ไป ไม่ว่านิกายใหญ่แห่งอื่นๆ จะ เผชิญกับชะตากรรมเช่นไร แต่นิกายเฮยหยวนจะต้องพบเจอกับจุดจบอย่างแน่นอน

หลายปีที่ผ่านมา นิกายเฮยหยวนได้กระทํา เรื่องไร้ยางอายมากมาย ไม่รู้ว่ายั่วยุศัตรูไปมากเท่าไหร่แล้วหากปฐมบรรพชนยังอยู่ศัตรูเหล่านั้นก็ได้แต่แค้นอยู่ในอกไม่ว่าในใจจะไม่ยินยอมเพียงใดแต่ตอนนี้ปฐมบรรพชนได้ล่วงลับไป แล้ว…

ผู้นํานิกายเฮยหยวนคิดถึงเรื่องนี้ พลันรู้สึกสั่น สะท้านในทันใด

“ตํานานยุทธอาณาจักรถัง เป็นไปได้ไหมว่าเขาคือเซียนเทพปฐพี…” เจ้าตําหนักเทพเจ้าหิมะเงียบไปนานในที่สุดก็พูดออกมาด้วยน้ําเสียงเรียบๆ

เมื่อผู้นํานิกายคนอื่นๆ ได้ยินคํากล่าวนั้นริมฝีปากของพวกเขาก็ขยับ พยายามจะพูดบางอย่างแต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา’
ไม่ว่าซูฉันจะเป็นเซียนเทพปฐพีหรือไม่ก็ตามครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีทั้งเจ็ดก็ได้ตกตายไปแล้วสํานักผู้วิเศษและนิกายเทพเจ้า สายฟ้าแทบจะรับความสูญเสียนี้ไม่ไหวส่วนนกายใหญ่อื่นๆ เช่นตําหนักเทพเจ้าหิมะและนิกายเฮยหยวนแทบจะล่มสลายอย่างสมบูรณ์

นักพรตเจ้าสํานักเอกะวิถีเองก็รู้สึกไม่อยากจะเชื่อเช่นเดียวกันในตอนแรกเขาคิดว่าซูฉินจะสามารถรักษาชีวิตไว้ได้ท่ามกลางการล้อมสังหาร ของเหล่าครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีทั้งเจ็ดคนแต่ไม่ได้คาดคิดว่าตํานานยุทธเมืองฉางอันจะสังหารทั้งเจ็ดจนหมดเช่นนี้

การมีชีวิตรอดกับการฆ่าสังหารเป็นสองสิ่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

มีหลายสาเหตุที่ทําให้รอดชีวิตไปได้ อาจจะมีเครื่องมือช่วยชีวิตที่ทรงพลังอย่างมากหรืออาจจะเกรงกลัวจนหลบเลี่ยงไปล่วงหน้า

แต่อย่างหลังคือ ต้องเกิดการปะทะกันด้วยพลังอย่างแท้จริง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักพรตสํานักเอกะวิถีที่รู้ดีว่าครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีทั้งเจ็ดนั้นจะต้องเตรียมการมาอย่างดีไปยังเมืองฉางอันพร้ อมกับใช้ทักษะโจมตีผสานและด้วยผลของทักษะโจมตีผสานขนาดเจอกับเซียนเทพปฐพีก็ยังต่อกรได้จะตกตายลงได้อย่างไร?

“ตอนนี้พวกเราควรทําเช่นไรดี?”

ผ่านไปครู่หนึ่ง เจ้าสํานักเทพโอสถก็ถามออกมาด้วยความขมขื่น
การตกตายของครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่ทั้งเจ็ดเป็นแรงสั่นสะเทือนที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนสําหรับนิกายใหญ่ถึงขนาดที่นิกายใหญ่หลายแห่งอาจล่มสลายจากเหตุการณ์นี้สิ่งที่สําคัญที่สุดยามนี้คือต้องรู้ว่าควรทําเช่น ไรต่อไป?

รู้หรือไม่ว่าครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีทั้งเจ็ดได้ตายไปแล้วแต่ซูฉินยังคงมีชีวิตอยู่

หากไม่รีบหามาตรการรับมือโดยเร็วที่สุดบทเรียนที่พรรคหมื่นดาบเคยประสบอาจจะตามมาถึงตัวนิกายใหญ่แห่งอื่นๆ ในที่แห่งนี้ได้

“ท่านเจ้าสํานัก ว่ากันว่าในส่วนลึกของสํานักผู้วิเศษของท่านมีสมบัติที่สืบทอดมาตั้งแต่ยุคเฟื่องฟูกระแสปราณฉีครั้งล่าสุดมิใช่หรือทําไมไม่นําสมบัติล้ําค่านั้นออกมาต่อสู้อีกสักครั้งเล่า?” ผู้นํานิกายเฮยหยวนมองไปที่เจ้าสํานักผู้วิเศษด้วยเสียงอันลึกล้ํา

สมบัตินี้ว่ากันว่าเป็นอาวุธวิเศษที่ผู้ทรงพลังถึงขีดสุดได้ทิ้งเอาไว้ และผู้ที่ทรงพลังถึงขีดสุดนี้ก็เป็นตัวตนที่เหนือกว่าขอบเขตเซียนเทพปฐพีแม้แต่ในช่วงสุดท้ายของยุคเฟื่องฟูกระแสปราณฉีกมีไม่มากนัก

แม้แต่สมบัติที่อ่อนแอที่สุดก็ยังเหนือกว่าอาวุธวิเศษมีแม้กระทั่งสมบัติที่เกิดปัญญาสามารถฟื้นฟูตัวเองได้อย่างอิสระ

“สมบัติล้ําค่า?”

ท่าทีของเจ้าสํานักผู้วิเศษเปลี่ยนไปอย่างมากเขาส่ายศีรษะโดยไม่ลังเล “สมบัติล้ําค่านี้คือรากฐานของสํานักผู้วิเศษของข้าเว้นแต่จะเกิดหายนะจนนิกายถูกทําลายอย่างแท้จริง ไม่มีใครสามารถกระตุ้นสมบัติล้ําค่านี้ได้”

สิ่งที่เจ้าสํานักผู้วิเศษกล่าวออกคือความจริง นอกจากผู้ที่ทรงพลังถึงขีดสุดแล้ว แม้แต่เซียนเทพปฐพีก็แทบจะไม่สามารถควบคุมสมบัติล้ําค่า สูงสุดนี้ได้ เพราะไม่ว่าอย่างไรสมบัติล้ําค่านี้ก็ไปถึงจุดสูงสุดแล้วมีชีวิตมีปัญญาเป็นของตนเองเป็นบางสิ่งที่น่าเหลือเชื่อยิ่ง

“ข้ามีข้อเสนอ” ในตอนนั้น นักพรตสํานักเอกะ วิถีก็พูดขึ้นในทันที
ฉับพลัน

ผู้นํานิกายใหญ่ทุกคนต่างก็มองไปยังนักพรต เจ้าสํานักเอกะวิถีที่มีทีท่าราวกับคิดอะไรบาง อย่างอยู่ พวกเขาก็พลันตกตะลึง

พวกเขาตระหนักได้ในทันใดว่าในบรรดานิกาย ใหญ่ทั้งหลาย สํานักเอกวิถีเป็นนิกายแห่งเดียวที่ไม่เคยยั่วยุซูฉินมาก่อน

นอกจากสํานักเอกะวิถีแล้ว วิหารหมื่นพุทธก็ เช่นเดียวกัน แต่กลุ่มลาหัวโล้นจากวิหารหมื่นพุทธนั้นมีพฤติกรรมแตกต่างจากคนปกติมาตลอดอยู่แล้ว

“ท่านจ้าววิถี ว่ามาเถิด”

ผู้นํานิกายใหญ่ทุกคนมองมายังนักพรตเจ้าสํา นักเอกะวิถีด้วยสายตาที่ร้อนแรงแผดเผา

แม้ว่าสํานักผู้วิเศษและนิกายเทพเจ้าสายฟ้าจะ ได้รับการปกป้องโดยสมบัติล้ําค่า แต่สมบัติล้ําค่าก็เป็นมรดกที่ใช้ปกป้องนิกายเท่านั้นไม่สามารถนํามันไปสังหารศัตรูได้

ถ้าซูฉันเลือกที่จะตัดหนทางของนิกายใหญ่แทนที่จะต่อสู้กับสมบัติล้ําค่า ลูกศิษย์ของสํานักผู้วิเศษและนิกายเทพเจ้าสายฟ้าที่ออกมาจากนิกายคงถูกดักฆ่าทีละคนและจะไม่มีใครหยุดมัน
ได้

“เรื่องนี้ง่ายมาก”

แต่ถ้าไม่ทําเช่นนี้ รอจนซูฉินมาเยือนหน้าประตูบ้านไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องชื่อเสียงของนิกายเลยเกรงว่านิกายใหญ่คงจะต้องหายไปจนสิ้น
ณ เมืองฉางอัน

ชายชราเฟยยวและนักพรตเฒ่าสํานักเอกะวิถีก็ตามมาอย่างใกล้ชิด
“พี่สาม ท่านสบายดีไหม”ซูเหยวหยุนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามแม้นางจะรู้ว่าซูฉินเป็นฝ่ายชนะจาก คําบอกเล่าของนักพรตเฒ่าแต่ก็ยังแอบกังวลอยู่ เล็กน้อย

หลังจากสนทนากับจักรพรรดิถังและคนอื่นๆอยู่สองสามคําซูฉินก็เดินจากไปกลับไปยังโถงพระราชวังใต้ดินอันสูงตระหง่าน
จักรพรรดิถังเองก็กลับมายังตําหนักไท่จื้อย่างมีความสุข

ภายในโถงพระราชวังใต้ดินอันสูงตระหง่าน
ตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณเปล่งแสงพุทธคุณออกมาธงวูถูถูกปักอยู่กึ่งกลางโถงพระราชวังค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นล้อมพระราชวัง สูงตระหง่านภายใต้การคุ้มกันของตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณและธงปูฏไอพลังมาบรรจบกันจนถึงขีดสุดแม้จะเป็นเซียนเทพปฐพี่เดินผ่านมาก็อาจจะไม่สามารถสังเกตเห็น นับประสาอะไรกับคนอื่นๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]