เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] นิยาย บท 321

e67614b96d73cb44f2131aedc9044847.png

Sign in Buddha’s palm 321 นักพรตหมื่นดาบ

ขณะที่บรรพชนนิกายใหญ่และตํานานยุทธคนอื่นๆ กําลังมองจุดที่เกิดการต่อสู้สั่นสะเทือน เลือนลั่นของซูฉินเมื่อคร่อยู่นั้น

ซูฉินก็ได้กลับไปที่วังหลวงแล้ว

จักรพรรดิถัง ซูเยวหยุน และคนอื่นๆ พากันล้อมวงเข้ามาในทันที ลังเลกันอยู่ว่าจะพูดอะไรดี จ้องมองมาที่ซูฉินอย่างใกล้ชิด

“หากมีคําถามใดก็ถามมาได้เลย” ซูฉินยิ้มอย่างอ่อนโยน หลังจากที่เข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี ทุกย่างก้าวของเขาสอดรับกับพลังฟ้าดินไปหมด แม้จะไม่มีไอพลังออกมา มันก็ยังทําให้ผู้คนใจสั่น

ยิ่งมีความแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งรับรู้มันได้ชัดมากขึ้นเท่านั้น

“พี่สาม ที่ปรากฏต่อหน้าพวกเราเมื่อครู่…” จักรพรรดิถังลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยังถามออก อย่างระมัดระวัง

“นั่นคือร่างจําแลงของข้าเอง” ซูฉินกล่าวอย่างใจเย็น

ก่อนที่จะกลายเป็นเซียนเทพปฐพี ซูฉินจําเป็นต้องปกปิดการมีอยู่ของร่างจําแลง ท้ายที่สุด ร่างจําแลงก็มักจะเป็นสิ่งที่มีได้เพียงแค่ในขอบเขตเซียนเทพปฐพี่เท่านั้น ขอบเขตที่ต่ํากว่าเซียน เทพปฐพียังมีจิตวิญญาณแรกกําเนิดไม่เพียงพอด้วยซ้ํา จะกล้าแยกจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้อย่างไร?

แต่ซูฉินอาศัย [จิตมารแยกวิถี] และโอสถจํานวนมากมายนับไม่ถ้วนเพื่อเสริมจิตวิญญาณของตนเอง เขาถึงกล้าที่จะแยกร่างจําแลงออกมาตั้งแต่ตอนที่อยู่ในขอบเขตตํานานยุทธ

ส่วนตอนนี้ที่ซูฉินได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตตํานานยุทธโดยสมบูรณ์แล้ว ไม่จําเป็นต้องปกปิดการมีอยู่ของร่างจําแลงอีกต่อไป

“ร่างจําแลง….

จักรพรรดิถังกะพริบตา

“ไม่ต้องกังวล ร่างจําแลงและตัวข้านั้นไม่ได้มีความแตกต่างใด” ซูฉันอธิบายอย่างอดทน

“นายท่าน เซียนเทพปฐพจากนิกายเทพเจ้าสายฟ้าได้ตายลงอย่างสมบูรณ์แล้วหรือ?” ชายชราเฟยยถามออกอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก หลังจากที่เห็นว่าคนอื่นไม่มีคําถามอื่นใด

“ตกตายโดยสมบูรณ์แล้ว” ซูฉินพยักหน้าเล็กน้อย

หลังจากเผาเหลยเฉียนฉือจนกลายเป็นความว่างเปล่าด้วยดวงตาตะวันสีทอง ซูฉินก็หยุดอยู่ที่เดิมชั่วครู่ ตรวจสอบพื้นที่ด้วยจิตวิญญาณแรกกําเนิดและอาณาเขตขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง ปิดท้ายด้วยการใช้ดวงตาแห่งสัจจะสอดส่อง เมื่อยืนยันได้ว่าเหลยเฉียนจือถูกทําลายจนสิ้นแล้วจึงได้จากมา

ต้องตัดรากถอนโคนให้หมดจด ซูฉินจะไม่ทราบเรื่องที่แม้แต่ขอบเขตวิทยายุทธสามระดับล่างยังล่วงรู้ได้อย่างไร?

“ตกตายไปแล้วก็นับเป็นเรื่องดี” ชายชราเฟยยวและตํานานยุทธอีกหลายคนถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เดิมที่พวกเขากังวลว่าเหลยเฉียนฉือจะหลบหนีไปด้วยจิตวิญญาณแรกกําเนิดและหันกลับมา แก้แค้นในอนาคต แต่ตอนนี้ดูเหมือนซูฉันจะขจัดความกังวลของพวกเขาไปจนสิ้นแล้ว

“ลุงสาม ท่านแข็งแกร่งเกินไปจริงๆ แม้แต่ปู่หมื่นดาบก็เทียบท่านไม่ได้…” หลีหว่านกล่าวออกอย่างตื่นเต้น

“ปู่หมื่นดาบ?”

ซูฉินตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง

ในเวลาต่อมา ซูฉินก็ค่อยๆมองไปที่หลีหว่าน มองดูเจตจํานงดาบภายในร่างของหลีหว่าน

เจตจํานงดาบนี้มาจากตอนที่หลีหว่านถูกพาตัวไปโดยพรรคหมื่นดาบ บรรพชนดาบได้ใส่มันเข้าไปภายในร่างของหลีหว่านเพื่อให้การยึดร่างเป็นไปได้โดยราบรื่น

เจตจํานงดาบนี้ได้ถูกบรรพชนดาบทําความเข้าใจมาแล้วบนยอดเขาดาบพันจ้างบนเกาะหมื่นดาบ ว่ากันว่าเป็นหนึ่งในมรดกของนักพรตหมื่นดาบที่มีค่ายิ่ง

เมื่อซูฉินพาหลีหว่านกลับมา ก็ได้ตรวจสอบเจตจํานงดาบนี้ด้วยความระมัดระวังแล้ว และไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งใด เจตจํานงดาบนี้ลึกลับอย่างยิ่ง แม้มันจะเป็นลักษณะกาฝากฝังอยู่ในร่างกายของหลีหว่าน แต่ก็คงจะอยู่ได้ไม่กี่ร้อยปี หลังจากหลายร้อยปีต่อจากนี้ เจตจํานงดาบเล่มนี้คงจะพังทลายลงอย่างสมบูรณ์

อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ที่ซูฉินเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี และจ้องไปที่เจตจํานงนี้อีกครั้ง เขาก็ได้พบเห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
“หึ!”

ใบหน้าของซูฉินดูเย็นชา ยกมือขวาขึ้นแล้วกดลงมาเบาๆ

ฉับพลัน เจตจํานงดาบลวงตาภายในร่างของหลีหว่านก็ถูกดึงออกมาโดยพลังของซูฉินอย่างกะทันหัน

เจตจํานงดาบเป็นเพียงลักษณ์ลวงตา กลิ้งหมุนไปมาอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดก็กลายเป็นร่างลวงตาของชายวัยกลางคนที่มีดวงตาเปรียบเสมือนดาบ

“นักพรตหมื่นดาบ?”

ซูฉันมองไปที่ชายวัยกลางคนก่อนที่จะกล่าวออกมาเบาๆ

แม้ว่าซฉันจะไม่เคยเห็นนักพรตหมื่นดาบมาก่อน แต่เขาก็เชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าร่างลวงตาของชายวัยกลางคนที่อยู่เบื้องหน้าของเขานั้น แม้จะไม่ใช่นักพรตหมั่นดาบ แต่ก็ต้องมีความสัมพันธ์กับนักพรตหมื่นดาบเมื่อสี่พันกว่าปีก่อนเป็นแน่

ไม่เช่นนั้น ยกเว้นแต่เซียนเทพปฐพีวิถีดาบและนักพรตหมั่นดาบเมื่อสี่พันกว่าปีก่อน จะมีใครปลดปล่อยเจตจํานงดาบที่บริสุทธิ์ขนาดนี้ออกมาได้?

“เจ้าของตัวจริงนั้นตกตายไปนานแล้ว ข้าเป็นเพียงวิญญาณดาบที่เจ้าของได้หลงเหลือเอาไว้” ชายวัยกลางคนถอนหายใจออกมา กล่าวออกตามความจริง

วิญญาณดาบนั้นเรียกได้ว่าเป็นพลังส่วนหนึ่งของเซียนเทพปฐพีในวิถีแห่งดาบ ที่แยกจิตวิญญาณส่วนหนึ่งของตนเองออกมาปรับแต่งอาวุธวิเศษ

ในแง่หนึ่ง วิญญาณดาบนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นอิสระ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดกับนักพรตหมื่นดาบ แต่อาจจะสืบทอดบางส่วนจากความทรงจําของนักพรตหมื่นดาบมา สร้างขึ้นเป็นชีวิตใหม่

วิญญาณดาบไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นสสารรูปแบบวิญญาณเสียมากกว่า

แน่นอนมีหลายวิธีที่จะให้กําเนิดวิญญาณดาบ ที่พบบ่อยที่สุดคือการที่ดาบวิเศษได้คงอยู่มานานหลายพันหลายหมื่นปี จิตวิญญาณบางประเภทจะถือกําเนิดขึ้นเองตามธรรมชาติ

อย่างไรก็ตามวิญญาณดาบที่ควบแน่นขึ้นมาตามธรรมชาตินั้นใช้เวลานานเกินไป ใช้เวลาอย่างน้อยเป็นหมื่นปี ยิ่งกว่านั้น กลิ่นอายของชายวัยกลางคนตรงหน้าก็มาจากแหล่งพลังเดียวกันกับนักพรตหมั่นดาบ เป็นไปได้ว่านักพรตหมั่นดาบจะตัดบางส่วนของจิตวิญญาณเพื่อมาปรับแต่งมันจริงๆ

“วิญญาณดาบ?”

ซูฉินหรี่ตาลงเล็กน้อย แต่ภายในใจก็ค่อนข้างเชื่อ

นักพรตหมื่นดาบเป็นเซียนเทพปฐพี่ที่อยู่มาตั้งแต่สี่พันกว่าปีก่อน มันก็สมเหตุสมผลว่าเขาได้ตายไปนานแล้ว จะมีชีวิตมาจนถึงปัจจุบันได้อย่างไร?

“เจ้าของนั้นหวังจะถ่ายทอดมรดกของเขาสืบไป” ร่างลวงตาของชายวัยกลางคนกล่าวออกในทันที มันให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่
ความแข็งแกร่งของซูฉินนั้น แม้แต่นักพรตหมั่นดาบเมื่อสี่พันปีที่แล้วก็อาจจะไม่สามารถสู้ได้ นับประสาอะไรกับวิญญาณดาบในตอนนี้?

ต้องรู้ว่าถ้านิกายเป็นมรดกตกทอดจากเซียนเทพปฐพี่จริงๆ มันย่อมมีมรดกสะสมอยู่มากมายอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ทําได้แม้กระทั่งผลักดันผู้คุมกฎภายในนิกายให้เป็นครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี จากนั้นจึงหลับใหลด้วยวิธีปิดผนึกตนเอง ค่อยตื่นขึ้นอีกครั้งยามเมื่อนิกายเผชิญภัยร้าย
แต่พรรคหมั่นดาบ…..

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]