เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] นิยาย บท 322

d1150e308b0c617c86c78d177e9f234e.png

Sign in Buddha’s palm 322 (1) แบ่งจิต! กลับคืนต้นกําเนิด! สถิตเทพ!

ตั้งแต่รู้ว่า ประตูเซียน มีมาตั้งแต่ยุคเฟื่องฟูกระแสปราณฉีครั้งล่าสุด เกิดจากการที่ผู้ทรงพลังถึงขีดสุดหลายคนร่วมมือกันบุกทะลวงความว่างเปล่าและเปิดโลกใบเล็กขึ้นมา ซูฉินก็เริ่มสงสัยเกี่ยวกับประตูเซียนมากขึ้น

เพียงแค่ว่าเรื่องของ ประตูเซียน ถือเป็นความลับสุดยอดแม้แต่ในนิกายใหญ่จํานวนมาก รวมถึงสํานักชะตาฟ้าที่รู้เรื่องผู้คนมากมาย ก็ยังไม่รู้เกี่ยวกับประตูเซียนมากนัก

แต่วิญญาณดาบตรงหน้าที่นักพรตหมื่นดาบทิ้งเอาไว้นั้นแตกต่างกัน

ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณแรกกําเนิดของนักพรตหมื่นดาบ วิญญาณดาบได้สืบทอดความทรงจําของนักพรตหมั่นดาบมาด้วย และในสมัยนั้น นักพรตหมื่นดาบก็ได้เดินทางท่องไปทั่วโลก ความเข้าใจที่มีต่อประตูเซียนจะต้องมากกว่าสํานักชะตาฟ้ามาก

ท้ายที่สุดประตูเซียนก็ถูกสร้างโดยผู้ทรงพลังถึงขีดสุด และมีไอพลังของผู้ทรงพลังถึงขีดสุดคอยปกป้องเอาไว้ แม้จะเป็นการคํานวณชะตาของสํานักชะตาฟ้าก็ตาม ก็ไม่ได้รู้อะไรมากนัก จะนํามาเทียบกับนักพรตหมื่นดาบที่ค้นหาร่องรอยของประตูเซียนเป็นการส่วนตัวได้อย่างไร?

“เจ้าของได้พบประตูเซียนแล้ว”

ร่างลวงตาของชายวัยกลางคนเงียบอยู่นานก่อนจะพูดขึ้นมา

“โอ้?”

ดวงตาของซูฉินเป็นประกาย

“แค่ไม่รู้ว่าได้เข้าไปภายในประตูเซียนหรือไม่” ชายวัยกลางคนส่ายศีรษะพร้อมกับพูดออกมาว่า “แต่เจ้าของได้บอกกับข้าไว้ในตอนสุดท้าย ทางเข้าประตูเซียนนั้นอันตรายอย่างยิ่งจนแทบจะไม่สามารถเอาชีวิตรอดได้เลย เป็นเหตุผลที่มันยังคงอยู่ดีไม่มีใครไปแตะต้อง…….”

ร่างลวงตาวัยกลางคนเล่าสิ่งที่นักพรตหมื่นดาบเมื่อสี่พันปีก่อนได้บอกออกมาด้วยความรู้สึกที่ไม่ยินยอมและทําอะไรไม่ถูกแฝงอยู่

เพื่อให้สามารถฝ่าฟันอุปสรรคทั้งหมดในยุคกระแสปราณฉีเงียบงันและก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี ผู้ใดบ้างที่ไม่ใช่ลูกรักสวรรค์? มีความภาคภูมิใจในตนเองแค่ไหน? แต่ผลลัพธ์กลับเป็นการเฝ้าดูตนเองถูกจํากัดไว้ด้วยสภาพแวดล้อมบนโลก ค่อยๆ โรยราสู่ความชราทีละก้าว เมื่อรู้ว่าใกล้จะตายก็ยังต้องตามหาประตูเซียนต่อไป……

อีกแง่หนึ่ง หากเซียนเทพปฐพีในยุคกระแสปราณฉีเงียบงันได้อยู่ในยุคเฟื่องฟูกระแสปราณนี้ สุดท้ายแล้ว อย่างน้อยก็ต้องก้าวไปสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่ขั้นสูงสุด ไม่อ่อนแอไปกว่าจ้าวทะเลบูรพา และมีหวังที่จะทะลวงไปสู่ขอบเขตทลายนภากาศของผู้ทรงพลังถึงขีดสุด

“อันตรายอย่างยิ่งแทบจะเอาชีวิตไม่รอด……”

ใบหน้าของซูฉินครุ่นคิด

นี่คล้ายกับการคาดเดาของเขาและสํานักชะตาฟ้า มันเป็นสถานที่ที่ผู้ทรงพลังถึงขีดสุดเปิดความว่างเปล่าออกมา แน่นอนว่าไม่ได้อยู่บนโลกมนุษย์ หากต้องการพื้นเข้าไปภายในประตูเซียนจากโลกมนุษย์ จะต้องผ่านช่องว่างแห่งความว่างเปล่า

ช่องว่างแห่งความว่างเปล่านั้นเต็มไปด้วยพลังของมิติ และตัวตนที่อยู่ต่ากว่าผู้ทรงพลังถึงขีดสุดไม่สามารถข้ามไปได้เลย มีแต่จะถูกทําลายด้วยพลังของมิติช่องว่างอันไร้ที่สิ้นสุดเท่านั้น

“นักพรตหมื่นดาบรู้ข้อมูลอื่นๆ เกี่ยวกับประตูเซียนหรือไม่?” ซูฉินแตะปลายคางพร้อมกับถามต่อไป

ตามความคิดของซูฉิน ในอนาคตเขาจะต้องได้ไปประตูเซียนด้วยตนเอง และลงชื่อเข้าใช้ในทุกๆ ที่ภายในประตูเซียนที่สามารถลงชื่อเข้าใช้ได้ ดังนั้นเขาจึงต้องการล่วงรู้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประตูเซียนเอาไว้ล่วงหน้าเป็นธรรมดา

“ข้อมูลอื่นๆ เกี่ยวกับประตูเซียน?”

ร่างลวงตาวัยกลางคนก้มศีรษะครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เจ้าของได้กล่าวออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจว่า หากไม่ใช่เพราะประตูเซียน ช่วงเวลาที่กระแสปราณฉีจะเฟื่องฟูคงอยู่ต่อไปได้อีกสองพันปี”

“ผู้ทรงพลังถึงขีดสุดหลายคนบุกเข้าไปภายในความว่างเปล่าและเปิดโลกใบเล็กขึ้นมาเป็นประตูเซียน แต่ในตอนแรกสิ่งที่ผู้ทรงพลังถึงขีดสุดสร้างขึ้นมาได้ไม่ใช่โลกใบเล็ก อย่างมากสุดมัน ก็สามารถมองว่าเป็นพื้นที่อันกว้างใหญ่ได้ แม้จะสามารถรองรับสิ่งมีชีวิต แต่เนื่องจากกฎเกณฑ์ที่ไม่สมบูรณ์ ก็ยากนักที่จะเกิดผู้ฝึกยุทธขึ้นมาได้

ร่างลวงตาวัยกลางคนกล่าวออกอย่างช้าๆ

“งั้นรึ?”

ดวงตาของซูฉินเป็นประกาย

ทันใดนั้นเขาก็นึกไปถึงวิหารการสงคราม

ในฐานะที่มันเป็นสมบัติมิตพื้นที่ วิหารการสงครามก็ไม่ได้อยู่บนโลกเช่นกัน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่แตกต่างจากโลกมนุษย์คือ ถึงแม้จะมีพลังงานฟ้าดินมากมายภายในวิหารการสงคราม แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะทะลวงขั้นต่อไปได้ เนื่องจากขาดแคลนพลังของกฎเกณฑ์

จอมยุทธทั้งหลายที่เข้าไปภายในวิหารการสงครามล้วนมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วหลังออกมาจากวิหารการสงคราม

กล่าวอีกนัยหนึ่ง การอยู่ในวิหารการสงครามจะไม่มีความก้าวหน้า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]