Sign in Buddha’s palm 49 เป็นเพราะข้าเอง
“นั่นมันพวกเขานี่?”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉิน
ไม่ไกลนักมีคู่ปู่หลานคู่หนึ่งนั่งเร่ขายของอยู่
ปู่และหลานคู่นี้ก็คือคู่ปู่หลานคู่เดียวกับที่ซูฉินมาถามเส้นทางคราแรกที่มาถึงเขาหวู่หนาน
ในเวลานั้นซูฉินเป็นคนเตือนให้พวกเขากลับไปโดยเร็วที่สุดเพราะหิมะกำลังจะตกหนักในช่วงกลางวัน มันไม่ปลอดภัยเท่าไหร่กับการที่ยังอยู่ข้างนอก
ซูฉินไม่ได้คาดคิดว่าปู่และหลานชายคู่นี้จะอาศัยอยู่ที่นี่
เมื่อซูฉินมองไป ชายชราก็สังเกตเห็นซูฉินเช่นกัน
“นายท่าน!”
“นายท่านทำไมจึงมาอยู่ที่นี่ได้?”
ชายชราสะดุ้งเด้งตัวขึ้นวิ่งเหยาะเข้ามาหาในทันที และมองมาด้วยอาการสำนึกขอบคุณ
เป็นเรื่องจริงแท้ที่ชายชรารู้สึกขอบคุณซูฉินเป็นอันมาก เพราะหลังจากที่ซูฉินได้เตือนพวกเขาเมื่อวาน ตัวชายชราก็รีบกลับหมู่บ้านไปพร้อมกับหลานชาย
ตรงตามที่คาดการณ์ไว้
หลังจากนั้นไม่นานหิมะก็ตกหนักอีกครั้ง
หิมะที่ตกหนักครั้งนี้มากกว่าครั้งก่อนๆ เสียอีก ถ้าชายชรากลับมาช้ากว่านี้อีกนิด เกรงว่าจะเกิดอันตรายขึ้นจริงๆ
กล่าวได้ว่า
ซูฉินได้ช่วยชีวิตน้อยๆ ของคู่ปู่หลานเอาไว้
เช่นนี้ชายชราจะไม่รู้สึกขอบคุณต่อซูฉินได้อย่างไร?
ในเวลานี้เด็กชายตัวน้อยก็ได้มายืนอยู่ที่ด้านหลังของชายชราอย่างระมัดระวังตน มีความประพฤติเรียบร้อยเป็นอย่างมาก
หลังจากที่โดนชายชราเตือนสติเมื่อวาน เด็กน้อยก็ตระหนักว่าซูฉินเป็น ‘ปรมาจารย์‘ อย่างแท้จริง
“ข้าบังเอิญผ่านทางมาน่ะ ก็เลยเข้ามาเยี่ยมชมเสียหน่อย”
ซูฉินตอบกลับอย่างสบายๆ
เขาก็เดินผ่านมาจริงๆ นั่นแหละ ไม่ได้โกหกแต่ประการใด
“เป็นเช่นนี้นี่เอง”
ชายชราเชิญซูฉินมานั่งร่วมกับเขาทันที
ในขณะที่ชายชรากำลังพูดคุยอยู่กับซูฉินอยู่นั้น ชาวบ้านคนอื่นๆ ก็เดินมาเมียงมอง
โดยปกติแล้วชาวบ้านเหล่านี้ไม่เคยออกจากเมืองเลยตลอดทั้งชีวิต พวกเขามีบุคลิกเรียบง่ายและเมื่อเห็นซูฉิน พระภิกษุสวมใส่จีวร พวกเขาก็อยากจะมาถวายสิ่งของมีค่าที่สุดที่มีให้กับซูฉิน
ซูฉินไหนเลยจะยอมรับสิ่งต่างๆ จึงปฏิเสธไปทีละคนด้วยรอยยิ้ม
“นายท่าน แซ่ของข้าคือหลี่ นายท่านสามารถเรียกข้าว่าเฒ่าหลี่ก็ได้” ชายชรากล่าวด้วยความเคารพ
ถึงซูฉินจะดูหนุ่ม เหมือนช่วงวัยยี่สิบกว่าๆ แต่เฒ่าหลี่ก็ไม่เคยมองว่าซูฉินเป็นเด็กหนุ่มเลย
แม้ว่าเฒ่าหลี่จะไม่เคยออกจากเมืองไปไหน แต่เขาก็ไม่ได้ไร้การศึกษา
ตามที่ได้ยินมา มี ‘เทพเซียน‘ ที่มีอายุยืนยาวอยู่บนโลกนี้ และ ‘เทพเซียน‘ อายุยืนยาวเหล่านี้สามารถมีชีวิตอยู่ได้หลายร้อยปี แต่รูปลักษณ์ของพวกเขากลับยังคงเหมือนกับวัยหนุ่มสาว คงความอ่อนเยาว์ตลอดไป
ในความคิดของผู้เฒ่าหลี่ตอนนี้ ซูฉินไม่ต่างไปจาก ‘เทพเซียน‘
เมื่อวานซูฉินเดินไปบนหิมะหลายพันลี้โดยไม่ทิ้งรอยเท้า เนื้อตัวก็ไม่มีแม้แต่ฝุ่นเกาะ ถ้าไม่ใช่เทพเซียนแล้วจะเป็นอะไรได้?
“ได้สิ”
ซูฉินไม่รู้ความคิดของฝ่ายตรงข้าม
แต่ถึงจะรู้เขาก็คงไม่ได้พูดอะไรมากเกี่ยวกับความเกรงกลัวในใจของเฒ่าหลี่
ตอนนี้เขาเป็นหนึ่งในจุดสูงสุดระดับชั้นที่หนึ่ง ที่แปรสภาพมาแล้วสองครั้ง ในแง่ของพลังการต่อสู้กล่าวได้ว่าเขาคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดรองลงมาจากระดับ ‘อรหันต์‘ และมันก็ไม่ต่างไปจาก ‘เทพเซียน‘ ในสายตาของผู้เฒ่าหลี่
“นี่หลานเจ้ารึ?”
ซูฉินหันไปมองเด็กน้อยที่อยู่ด้านหลังเฒ่าหลี่
ด้วยการสังเกตจากดวงตาแห่งสัจจะ ซูฉินเห็นเส้นเลือดของเด็กน้อยคนนี้ปลอดโปร่งมาก หากเขาได้ฝึกวิทยายุทธจะสามารถเข้าสู่สามระดับกลางได้ภายในสิบปี หากมีโอกาสในอนาคตก็คงไม่ใช่ความหวังที่เลื่อนลอยที่เด็กน้อยจะกลายเป็นยอดยุทธในสามระดับบน
แน่นอนว่าซูฉินใช้เวลามองอยู่ครู่หนึ่ง และไม่ได้มีความหมายอื่นใดอีก
สุดท้ายแล้วด้วยความแข็งแกร่งของซูฉินในปัจจุบัน แม้แต่ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งเขาก็ตบดิ้นมาแล้ว นับประสาอะไรกับยอดยุทธในสามระดับบน เขาไม่ได้สนใจอะไรมากนัก
เมื่อซูฉินกำลังจะกลับไปวัดเส้าหลิน
ก็มีเสียงดังกึกก้อง
แผ่นดินสั่นสะเทือนขึ้นมาในฉับพลัน
“หืม”
ซูฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย
ทันใดนั้นเองน้ำเสียงตื่นตระหนกก็ดังขึ้นมา
“เทพแห่งขุนเขา เทพแห่งขุนเขาทรงพิโรธ!”
ทันทีที่ได้ยินคำกล่าวนั้น ใบหน้าของคนทั้งเมืองก็ซีดเผือด
พวกเขาอาศัยอยู่ในเมืองเล็กๆ แถวตีนเขาหวู่หนาน อาศัยพื้นที่โดยรอบเขาหวู่หนานในการดำเนินชีวิต และเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะหวาดกลัวกับสิ่งที่เรียกว่า ‘เทพแห่งขุนเขา‘ เป็นอย่างมาก!
แม้แต่ผู้เฒ่าหลี่เมื่อเขาได้ยินคำว่า ‘เทพแห่งขุนเขาพิโรธ‘ ร่างกายของเขาก็เริ่มสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ใบหน้าเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
“เทพแห่งขุนเขา?”
ซูฉินเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า สีหน้าเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม “ไม่ใช่เทพแห่งขุนเขา แต่เป็นหิมะถล่ม!!!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]