เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] นิยาย บท 48

สรุปบท ตอนที่ 48: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]

ตอน ตอนที่ 48 จาก เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 48 คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายAction เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

Sign in Buddha’s palm 48 หมดเรื่องหมดราว

คฤหาสน์ตระกูลซู

เต็มไปด้วยความวุ่นวายพลุกพล่าน

การแสดงออกของหลิวกงกงมีทั้งไม่แน่ใจและความรู้สึกกลัวอยู่ในส่วนลึกของดวงตา

ในฐานะยอดปรมาจารย์ หลิวกงกงมีความสามารถเหนือกว่าจอมยุทธส่วนใหญ่ในยุทธภพ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของวิสัยทัศน์หรือวิธีการจัดการสิ่งต่างๆ ก็ตาม

เพราะเหตุนี้เองหลิวกงกงจึงเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นหมายความว่าอย่างไร

ยิ่งรู้มากก็ยิ่งน่ากลัวมาก

ในมุมมองของหลิวกงกง ต้องเป็นจุดสูงสุดของระดับชั้นที่หนึ่งเท่านั้นจึงจะสามารถจัดการเรื่องราวทั้งหมดนี้ได้อย่างง่ายดายและเรียบร้อย

ดังนั้นความคิดแรกของหลิวกงกงจึงคิดว่าอาจจะเป็นจ้าวกงกงขันทีชุดม่วงจากวังหลวงที่เป็นคนลงมือ แต่เขาก็ต้องสลัดความคิดนี้ทิ้งไปทันทีที่ปรากฏขึ้นในหัว

ประการแรกจ้าวกงกงจะไม่ออกจากวังหลวงเป็นแน่

ประการที่สองแม้นเป็นจ้าวกงกงจริงๆ ที่ลงมือ เขาจะไม่ให้คนจดจำเขาในฐานะ ‘องค์ยูไล‘ แน่ๆ

“ตระกูลซู?”

ความคิดของหลิวกงกงเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เริ่มสงสัยว่ายอดปรมาจารย์ระดับจุดสูงสุดบังเอิญผ่านทางมาหรือแท้จริงแล้วเขาเกี่ยวข้องอะไรสักอย่างกับตระกูลซู?

จากนั้นไม่นานหลิวกงกงก็ส่ายหัวและคิดว่ายอดปรมาจารย์ระดับจุดสูงสุดคงจะบังเอิญผ่านทางมาที่นี่

หลิวกงกงรู้เรื่องการแต่งงานขององค์ชายหลี่เชิงกับบุตรีตระกูลซูอยู่แล้ว

ก่อนหน้านี้เขาก็ได้ตรวจสอบปูมหลังตระกูลซูโดยตรง

ในช่วงห้าร้อยปีที่ผ่านมาในตระกูลซู ผู้ฝึกยุทธที่แข็งแกร่งที่สุดที่เคยมีมาก็เป็นแค่เพียงระดับชั้นที่สี่เท่านั้น

ไม่มีสักคนเดียวที่อยู่ในสามระดับบน

แน่นอนว่าตระกูลซูก็เป็นเพียงตระกูลในเมืองเล็กๆ อย่างเมืองเยี่ยนเฉิง ถ้ามีความเกี่ยวข้องใดกับยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งก็คงเป็นเรื่องตลกแล้ว

“จะต้องพาองค์ชายกลับวังคืนนี้”

หลิวกงกงตัดสินใจอยู่ภายในใจตน

ในตอนนี้องค์ชายหลี่เชิงไปกระตุ้นความสนใจองค์ชายองค์อื่นๆ เข้าแล้ว และยังไปข้องเกี่ยวกับยอดปรมาจารย์ระดับจุดสูงสุดที่ไม่รู้ที่มาที่ไปนั่นอีก…

แม้ว่าจะเป็นยอดปรมาจารย์อย่างหลิวกงกง เขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ

ถึงหลิวกงกงจะรู้ว่ายอดปรมาจารย์ระดับจุดสูงสุดไม่ได้มุ่งร้ายต่อองค์ชาย มิฉะนั้นองค์ชายหลี่เชิงคงจะเสียชีวิตไปนานแล้ว

แต่ไม่ว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้นหรือไม่ มีเพียงแต่จะต้องส่งองค์ชายหลี่เชิงกลับวังเท่านั้นหลิวกงกงถึงจะรู้สึกสบายใจขึ้นมาได้

เป็นปกติที่หลิวกงกงจะไม่รู้ตัวว่าซูฉินได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในสีหน้าทั้งหมดของตัวเขาในตอนนี้

ตอนที่ซูฉินเห็นโชคชะตาบ้านเมืองขนาดมหึมาในร่างของหลี่เชิง เขาก็จับตำแหน่งของหลิวกงกงไว้ด้วยดวงตาแห่งสัจจะเรียบร้อยแล้ว

ขณะที่กลุ่มมือสังหารเริ่มลงมือ เมื่อจิตสังหารแพร่กระจายไปทั่วโถง หลิวกงกงคนนี้ก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติ และรีบตะบึงมาที่คฤหาสน์ตระกูลซู

น่าเสียดายยิ่งที่เมื่อหลิวกงกงมาถึงคฤหาสน์ซูทุกอย่างก็สายเกินไปเสียแล้ว

ด้วยเหตุนี้ซูฉินจึงต้องออกมือ

“ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะพบกัน”

ซูฉินมองไปที่น้องสาวของเขาซูเยว่หยุน รวมถึงทุกคนในตระกูลซู

“ยามใดที่ข้าสำเร็จระดับอรหันต์ อยู่ยงคงกระพันในใต้หล้าอย่างแท้จริงแล้ว มันคงจะไม่สายเกินไปที่จะกลับมาพบกันอีกครั้ง”

ซูฉินคิดอยู่ในใจตนเองเงียบๆ

แม้ว่าตอนนี้ซูฉินจะอยู่ในระดับชนชั้นนำของยุทธภพ และได้แปรสภาพพลังไปถึงสองครั้ง แต่ก็ยังไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าตนเองอยู่ยงคงกระพัน

อย่างน้อยๆ ก็ยังมีตัวตนในระดับเดียวกับซูฉินอยู่ในยุทธภพ

ตัวอย่างเช่น ราชครูแห่งเหมิ่งหยวน นักพรตจางแห่งเขาหวู่ตั้ง และขันทีชุดม่วงในวังหลวงราชวงศ์ถัง

แน่นอนว่าอาศัยเคล็ดวิชาจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนที่เขาเชี่ยวชาญและร่างกายที่ได้รับการเสริมแกร่งมาจากตราประทับภูเขาด้านหลังวัดเส้าหลิน พลังในการต่อสู้ของซูฉินแท้จริงแล้วสามารถบดขยี้ยอดปรมาจารย์ระดับจุดสูงสุดทั่วๆ ไปได้เลย เรียกได้ว่าเป็นตัวตนที่ไร้พ่ายรองลงมาจากระดับ ‘อรหันต์‘ เลยก็ว่าได้…

แต่กระนั้น หากไม่ได้ก้าวเข้าสู่ระดับ ‘อรหันต์‘ ในเร็ววัน ซูฉินยังรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก

ส่วนตอนนี้…

ซูฉินก็แค่ต้องการยืนยันว่าตระกูลซูนั้นเป็นไปด้วยดี

ในเวลาต่อมา

คืนนั้น หลิวกงกงได้เข้าพบองค์ชายหลี่เชิงและสารภาพตัวตนของเขาออกไป

หลังจากครึ่งชั่วโมงแห่งความตกตะลึง องค์ชายหลี่เชิงก็ยังไม่อาจเชื่อถือทั้งหมด เพียงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

สุดท้ายแล้ว จนถึงตอนนี้ฐานที่มั่นหลักของพรรคมารก็เป็นสถานที่เดียวที่ซูฉินสามารถลงชื่อเข้าใช้ได้ถ้าไม่นับวัดเส้าหลิน

หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง

หิมะก็ตกลงมาจากท้องฟ้าอย่างช้าๆ

ซูฉินยืนอยู่ด้านหน้าฐานที่มั่นหลักของพรรคมารด้วยสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย

“ดูเหมือนว่าจะสามารถลงชื่อเข้าใช้ที่นี่ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น”

ซูฉินทอดสายตาที่เต็มไปด้วยอารมณ์ออกไป รับรู้ได้ถึงความล้ำค่าของ ‘ดินแดนแห่งขุมทรัพย์‘ อย่างวัดเส้าหลินมากขึ้นเรื่อยๆ

แม้จะเป็นสถานที่เช่นแท่นบูชาของพรรคมารก็มีทรัพยากรให้ซูฉินลงชื่อเข้าใช้ได้เพียงแค่ครั้งเดียว

แต่วัดเส้าหลินล่ะ?

ซูฉินลงชื่อเข้าใช้มามากว่าสิบห้าปี…

‘เต๋าสะสม‘ มีอยู่ในที่นั้นมากแค่ไหนกัน ถึงขนาดให้ซูฉินลงชื่อซ้ำราวกับ‘ทอผ้าขนแกะ‘[1]…

“ใกล้ถึงเวลาแล้ว”

ซูฉินหมุนตัวจากไป

เนื่องจากเวลานี้ยังเช้าอยู่ ซูฉินจึงไม่ได้รีบกลับวัดเส้าหลินแต่วางแผนจะเดินเล่นสำรวจดูว่ามีสถานที่อื่นอีกไหมที่สามารถลงชื่อเข้าใช้ได้

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ซูฉินก็เดินทางมาถึงเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่ง

เมืองเล็กๆ แห่งนี้ตั้งอยู่ที่ตีนเขาหวู่หนานและชาวบ้านต่างดำรงชีพด้วยการล่าสัตว์

ซูฉินไม่ได้ปิดบังรูปลักษณ์ของเขาเอาไว้ เดินเข้าไปในเมืองอย่างเปิดเผย

หลังจากที่เข้าเมืองมาได้ไม่นาน ซูฉินก็เบนสายตามองไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง

——————————————————

[1] ทอผ้าขนแกะ撸羊毛หมายถึง พฤติกรรมที่นักลงทุนได้รับผลประโยชน์หรือผลตอบแทนจากการเข้าร่วมกิจกรรมการลงทุนโดยไม่ลงทุน ซึ่งการลงทุนนี้ทำให้ผู้ดำเนินกิจการไม่ได้รับประโยชน์ แต่เป็นผู้เข้าร่วมที่ได้รับประโยชน์แทน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]