Sign in Buddha’s palm 60 เพียงสะบัดมือก็กระพือใจผู้คนให้ตะลึงงัน!
ด้านหน้าโถงศาลาการประชุมใหญ่
ทุกคนต่างตะลึงงัน
สาวกพรรคมารฟื้นสภาพจิตใจกลับมาได้บ้าง แม้ว่าจะตกใจแต่พวกมันก็พอจะเข้าใจได้บ้างว่าซูฉินปิดบังตัวตนเอาไว้อย่างแนบเนียน พวกมันต่างแอบสบถในใจว่าพวกลาหัวโล้นวัดเส้าหลินนี่มันทั้งชั่วร้ายและเจ้าเล่ห์เสียจริง
แต่กับเหล่าศิษย์วัดเส้าหลิน รวมถึงเจ้าอาวาสและหัวหน้าตำหนักต่างตกตะลึงกันอย่างสิ้นเชิง
สาวกพรรคมารไม่รู้รายละเอียดเบื้องลึกของซูฉิน พวกมันจะไปรู้มาจากไหนได้เล่า?
ซูฉินอยู่ในวัดมากว่ายี่สิบปี เป็นพระกวาดลานมากว่ายี่สิบปี ศิษย์ส่วนใหญ่มักจะรู้จักซูฉินและทักทายกันเป็นประจำ
บุคคลเช่นนี้หรือที่เป็นบรรพบุรุษสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ของวัดเส้าหลิน?
เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินตกตะลึง หัวหน้าลานจิปาถะตกตะลึง เหล่าหัวหน้าตำหนักและหัวหน้าฝ่ายวินัยสงฆ์ต่างก็ตื่นตะลึง…
“เจินกวน? สงฆ์ศักดิ์สิทธิ์นิรนาม?”
หัวหน้าคนใหม่ของลานจิปาถะรู้สึกได้เพียงเสียงอื้ออึงที่อยู่ในหัว ก่อนที่หัวหน้าลานจิปาถะคนเก่าจะมรณภาพไปท่านได้สั่งเสียให้เขาดูแลเจินกวนให้ดี
ทว่าตอนนี้…
หัวหน้าลานจิปาถะคนใหม่เกิดรู้สึกขึ้นมาว่า ทุกสิ่งในวัดเส้าหลินกลับกลายเป็นสิ่งที่เขาไม่คุ้นเคยอีกต่อไป
“เขาคือบรรพบุรุษสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในวัดของพวกเรา?”
ทันใดนั้นเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินก็นึกย้อนไปถึงความทรงจำเมื่อหกปีก่อน ปรากฏเป็นร่างคลุมเครือที่เข้ามาหา ระหว่างที่เขาตกอยู่ในอาการธาตุไฟเข้าแทรก
ในตอนนั้นเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินก็รู้สึกว่าร่างคลุมเครือดูยังหนุ่มมาก ดูไม่เหมือนว่าเขาอายุมากกว่าร้อยปีเลย
แม้เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินจะมีข้อสงสัยอยู่เมื่อตอนนั้น แต่สุดท้ายเขาก็คิดว่าตนเองคิดมากเกินไป
แล้ววิธีการ ขั้นตอนต่างๆ ที่บรรพบุรุษสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ใช้ในการแก้ปัญหานั้นช่างลึกล้ำ จะมีอายุน้อยไปได้อย่างไร?
นอกเหนือจากนี้เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินมั่นใจมากว่าบรรพบุรุษสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่ศิษย์จากรุ่น ‘ฮุ่ย‘
จากกรณีนั้นเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินจึงไม่สามารถคิดเป็นอื่นได้ นอกเสียจากท่านจะเป็นบรรพบุรุษในอดีตซึ่งเจ้าอาวาสไม่รู้จัก
อย่างไรก็ตามสิ่งที่เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินไม่คาดคิดก็คือ บรรพบุรุษสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่ศิษย์รุ่น ‘ฮุ่ย‘
แต่เป็นศิษย์รุ่น ‘เจิน‘
“ศิษย์น้องเจินกวน…”
เจินชื่อมองไปที่ซูฉินด้วยสายตาว่างเปล่า สีหน้าสับสน
เมื่อสิบปีก่อน มารเฒ่ากลืนโลหิตได้แอบเข้าไปในหอคอยสะกดมาร กลืนกินเหล่ามารร้ายในหอคอยเป็นจำนวนมากที่ด้านในหอคอย จนสุดท้ายก็เข้าสู่ระดับชั้นที่สองในบัดดล
ในเวลานั้นเมื่อภิกษุสงฆ์ที่ลาดตระเวนหน้าหอคอยสะกดมารกำลังจะต้องตายด้วยฝีมือของมารเฒ่ากลืนโลหิต ร่างคลุมเครือก็ปรากฏขึ้นแล้วสังหารมารเฒ่ากลืนโลหิตทิ้ง
ขณะนี้
ร่างที่เลือนรางในความทรงจำบางส่วนของเจินชื่อ ก็ค่อยๆ หลอมรวมเข้ากับซูฉินที่ยืนอยู่ตอนนี้
หลังจากนั้นเพียงไม่นาน
ตอนที่ทุกคนยังตกตะลึงกันอยู่
เสียงหัวเราะแผ่วเบาจากจอมมารในชุดคลุมสีดำก็ดังขึ้น
“เจ้าเป็นสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์นิรนามจริงๆ!”
“เจ้าเป็นสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์นิรนามจริงๆ!!”
ดวงตาของจอมมารชุดดำเปล่งประกายเป็นแสงสีดำอันมืดมิดราวกับว่ามันเป็นเหวลึก
“เนื่องจากเจ้าเป็นสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์นิรนามผู้นั้น วันนี้ข้าจะใช้เลือดของเจ้าเพื่อเป็นบันไดให้ข้าก้าวสู่ระดับตำนานยุทธ!!!”
จอมมารชุดคลุมดำพลันกระทืบเท้า ทันใดนั้นพลังมารก็เดือดพล่านกระจายออกไปทุกทิศทาง
แม้ว่าจอมมารจะไม่รู้ว่าทำไมซูฉินถึงหลบเลี่ยงการตรวจสอบของมันได้
แต่ไม่ว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไร คู่ต่อสู้ที่เขาใฝ่หาก็มายืนอยู่ตรงหน้านี้แล้ว เขาจะอดทนถามคำถามให้เสียเวลาไปทำไม
“ข้าฝึกฝนอย่างหนักในทะเลทรายตะวันตกมาเป็นเวลาห้าสิบปี เฝ้าดูภัยธรรมชาติ สัมผัสถึงฟ้าดิน และตั้งใจสรรสร้างเคล็ดวิชานี้ขึ้นมา”
“ข้าหวังว่าสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์นิรนามนี่จะไม่ทำให้ข้าต้องผิดหวังนะ!!”
ทันทีที่จอมมารชุดดำเงียบเสียง พลังมารอันไม่มีที่สิ้นสุดก็เข้าปะทะกันเองอย่างต่อเนื่อง แล้วหลอมรวมกันกลายเป็นพายุทรายสีดำที่หมุนวนไม่หยุด
“ไม่ดีแล้ว!!”
หนังศีรษะของฮุ่ยเหวินชาวาบ
ต่อหน้าพายุทรายสีดำอันนี้ แม้แต่ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งอย่างเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินยังสั่นสะท้าน ความรู้สึกวิกฤติถึงแก่ชีวิตเกิดขึ้นในใจของเขา
“องค์ท่าน… ผู้อาวุโส การลงมือนี้น่าจะเป็นการลงมือเต็มกำลังของจอมมาร พวกเรามาตั้งค่ายกลอรหันต์แห่งวัดเส้าหลินร่วมกันเถิด เพื่อจะได้ต้านมันเอาไว้ได้ชั่วคราว”
เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินไม่รู้จะเรียกซูฉินว่าอะไรดี จึงได้แต่เรียกว่า “ผู้อาวุโส”
ในสายตาของเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินนั้น แม้ซูฉินจะเป็นบรรพบุรุษสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ความแข็งแกร่งของเขาก็คงไม่อาจจะต้านทานจอมมารในตอนนี้ได้
ดังนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีอย่างเต็มกำลังของจอมมาร ถ้าให้พูดตามตรง ก็มีเพียงแต่จะต้องถอยหนี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]