เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] นิยาย บท 64

Sign in Buddha’s palm 64 อวตารแห่งองค์ยูไล, คัมภีร์เก้าสุริยัน

“พวกเจ้าทั้งหมดเข้ามาเถิด”

เสียงนี้เหมือนดังมาจากทุกทิศทาง ก้องอยู่ในหูของเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินและเหล่าหัวหน้าตำหนัก

“นี่คือ?”

ร่องรอยความประหลาดใจปรากฏขึ้นในดวงตาของเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวิน

แม้ว่าเขาจะแน่ใจว่ามาจากห้องตรงหน้าแน่ๆ แต่ก็ไม่รู้อยู่ดีว่าดังมาจากจุดไหน

หัวหน้าตำหนักคนอื่นๆ ก็เช่นเดียวกัน พวกเขาต่างมองหน้ากัน ก่อนที่จะค่อยๆ เปิดประตูออกอย่างระมัดระวังแล้วจึงเดินเข้าไป

การตกแต่งภายในห้องนั้นแสนจะธรรมดา ตราบใดที่อยู่ในวัดเส้าหลินมามากกว่าสิบปี ใครๆ ก็สามารถมีห้องส่วนตัวแบบนี้ได้

ในฐานะของสุดยอดพรรคแห่งยุทธภพ วัดเส้าหลินมีพื้นที่กว้างขวางอย่างมาก ไม่ต้องกังวลเรื่องที่ดินที่พักอาศัยว่าจะไม่เพียงพอ

หลังจากที่เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินและหัวหน้าตำหนักเดินเข้าไปในห้อง พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมองซูฉินที่นั่งเอาขาไขว้กันอยู่บนเตียง

ในขณะนี้ซูฉินได้เก็บซ่อนกลิ่นอายเอาไว้อย่างสมบูรณ์ราวกับว่าเขาได้หลอมรวมไปกับความว่างโล่งของอากาศธาตุ หากเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินไม่ได้มองเห็นอยู่ล่ะก็ เขาก็จะไม่เชื่อถือเด็ดขาดว่ามีคนนั่งอยู่ตรงหน้าเขา

“พวกเราขอเข้าพบซุนเจ่อ[1] (ผู้ทรงสมณศักดิ์อันสูงส่ง)…”

เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินและหัวหน้าตำหนักทั้งหลายต่างก้มหัวลงกล่าวคำราวกับเสียงกระซิบ

ผู้ทรงสมณศักดิ์อันสูงส่งเป็นชื่อที่ใช้ในการให้ความเคารพพระสงฆ์เส้าหลินที่บรรลุระดับ ‘อรหันต์‘ ซุนเจ่อในทางพุทธนั้นมีหลายความหมาย แต่ส่วนใหญ่นั้นหมายถึง ‘พระสมณะ‘ และ ‘ผู้มีปัญญาอันยิ่งใหญ่‘

“ลุกขึ้นเถิด”

ซูฉินมองลงไปยังเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินและเหล่าหัวหน้าตำหนักที่กำลังทำความเคารพเขา

ตั้งแต่ตอนที่เขาออกมาจากโถงประชุมใหญ่ ซูฉินก็คาดเดาไว้อยู่แล้วว่าเรื่องแบบนี้จะต้องเกิดขึ้น จึงเป็นธรรมดาที่เขาจะมินึกแปลกใจ

หลังจากเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินลุกขึ้นพร้อมๆ กับหัวหน้าตำหนัก พวกเขาก็ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างว่างเปล่า ไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี

“หากมีคำถามอันใด พวกเจ้าสามารถถามออกมาได้เลย”

ซูฉินเหลือบมองไปที่เจ้าอาวาสที่ใบหน้าเรียบนิ่ง เขาถอนหายใจแล้วพูดออกมาอย่างสบายๆ

ซูฉินรู้สึกว่าถ้าเขาไม่เปิดปากกล่าวคำ คนเหล่านี้ก็จะยืนอยู่ที่นี่ตลอดไป

เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินและหัวหน้าตำหนักมองหน้ากัน และในที่สุดหัวหน้าลานอรหันต์ก็ยืนขึ้นแล้วพูดออกมาอย่างสุขุม “ขออนุญาตกล่าวถามผู้ทรงสมณศักดิ์อันสูงส่ง เมื่อสิบปีก่อนยามเมื่อศิษย์ของข้าที่ถูกล่อลวงด้วยเศษเสี้ยวจิตมาร เป็นท่านที่สังหารเขาเช่นนั้นหรือ?”

สิบปีที่แล้วครอบครัวของอัจฉริยะคนหนึ่งในลานอรหันต์ถูกสังหารทั้งตระกูล และตัวเขาก็ถูกหลอกใช้จากจิตมารสุดท้ายก็กลายไปเป็นทายาทของมารพุทธะที่หมายทำลายวัดเส้าหลิน

ในเวลานั้นทายาทมารพุทธะขวัญกระเจิงเพียงเพราะใบไม้แห้งใบเดียวและสุดท้ายก็พบเป็นร่างไร้ชีวิตที่ด้านนอกวัดเส้าหลิน

แม้เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินและเหล่าหัวหน้าตำหนักจะคาดเดาว่าเป็นฝีมือของบรรพบุรุษสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ แต่เรื่องราวนี้ก็ไม่เคยได้รับการยืนยัน

“เป็นข้าเอง”

ซูฉินกล่าวคำเบาๆ

เจินซิ่งถูกล่อลวงโดยมารพุทธะจนจิตใจบิดเบี้ยวไปตั้งนานแล้ว ไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้

ที่จริงแล้ว เจินซิ่งไม่ได้เป็นตัวของตัวเองอีกต่อไป แต่เป็นจิตมารอวตารของมารพุทธะ

ซูฉินจึงทำได้แค่สังหารเขาลงเพียงเท่านั้น

“ขอบคุณผู้ทรงสมณศักดิ์อันสูงส่งด้วย ที่ลงมือสำเร็จโทษมารร้ายผู้นั้น”

ดวงตาของหัวหน้าลานอรหันต์หรี่ลงและเขาก็ถอยออกไป

ในตอนที่หัวหน้าลานอรหันต์เอ่ยถามเรื่องนี้ออกไป หัวหน้าตำหนักคนอื่นๆ รวมถึงเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินก็เรียกความกล้าที่จะถามสิ่งที่คั่งค้างสงสัยในใจ

ตัวอย่างเช่นทำไมมารเฒ่ากลืนโลหิตจึงตกตายอยู่ที่ด้านนอกหอคอยสะกดมาร การเปลี่ยนแปลงของตราประทับที่พื้นที่ต้องห้ามภูเขาด้านหลังและเรื่องอื่นๆ

ซูฉินไม่ได้ปฏิเสธ แต่ตอบคำถามทีละคน

ตอนนี้เขาได้เข้าสู่ขอบเขตระดับ ‘อรหันต์‘ แล้ว อย่างน้อยเขาก็ไร้ผู้ต่อกรในอาณาจักรแห่งนี้ ตราบใดที่ประเด็นที่ถามไม่ได้เกี่ยวข้องกับความลับอะไร เขาก็ขี้เกียจเกินกว่าจะโป้ปด

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง

ซูฉินมองไปที่เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินและเหล่าหัวหน้าตำหนัก แล้วจึงพูดเบาๆ “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว พวกเจ้าก็กลับกันไปได้แล้วหละ”

ในครึ่งชั่วโมงนี้ เหล่าชายชราเหล่านี้ต่างถามคำถามราวกับเป็นเจ้าหนูจำไมที่อยากรู้อยากเห็นไปเสียทุกอย่าง ถ้าไม่ใช่เพราะข้าวปลาอาหารตลอดยี่สิบปีที่เขาได้ดื่มกินมา เขาคงขับไล่คนเหล่านี้ออกไปแล้ว

หลังจากได้ยินดังนั้น เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินและเหล่าหัวหน้าตำหนักต่างไม่กล้าขัดคำกล่าวของผู้ทรงสมณศักดิ์อันสูงส่ง รีบลากลับทันที

ซูฉินได้ไขข้อสงสัยให้พวกเขาไปได้มากยกเว้นไว้แต่บางคำถามเท่านั้น ส่วนใหญ่เป็นปัญหาเกี่ยวกับเรื่องการฝึกฝนวิทยายุทธ

ไม่ว่าจะเป็นเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินหรือหัวหน้าตำหนัก พวกเขาต่างได้รับอะไรกลับไปมากมายจากการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ครึ่งชั่วโมงนี้

โดยเฉพาะหัวหน้าตำหนักหลายคนที่ตอนนี้กำลังคิดใคร่ครวญ เกรงว่าหากปิดด่านฝึกตนไปสักชั่วระยะเวลาหนึ่ง คงจะก้าวหน้าไปถึงระดับชั้นที่สองได้เป็นแน่

ลานธรรม

หลังจากที่เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินและเหล่าหัวหน้าตำหนักออกจากลานจิปาถะ พวกเขาก็มุ่งมาที่นี่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]