เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] นิยาย บท 65

Sign in Buddha’s palm 65 ยุทธภพสั่นสะเทือน, ไยสวรรค์จึงอยุติธรรม

“คัมภีร์เก้าสุริยัน?”

ซูฉินดีใจเป็นอย่างมาก

‘วิชาเก้าสุริยัน‘เป็นหนึ่งในวิชาคัมภีร์ชั้นยอดของวัดเส้าหลิน เมื่อฝึกสำเร็จไปจนถึงจุดสูงสุดแล้วว่ากันว่าร่างกายจะคล้ายกลับกลายเป็นดวงสุริยันลูกมหึมา แผดเผาให้ภูเขาต้องลุกโชน น้ำทะเลยังต้องเดือดเป็นไอ!

น่าเสียดายนัก เช่นเดียวกันกับ‘ฝ่ามือยูไล‘ ‘คัมภีร์เก้าสุริยัน‘ ก็ได้สูญหายไปเมื่อหลายร้อยปีก่อน

ทว่าการสูญหายไปของคัมภีร์เก้าสุริยันนั้นต่างไปจากตอนที่ฝ่ามือยูไลหายสาบสูญ

ฝ่ามือยูไลนั้นสาบสูญไปอย่างสมบูรณ์พร้อมๆ กับการมรณภาพของ ‘อรหันต์‘ รูปสุดท้ายของวัดเส้าหลิน ไม่มีร่องรอยการคงอยู่ของฝ่ามือยูไลเลยยกเว้นพื้นที่หวงห้ามภูเขาด้านหลัง

อย่างไรก็ตาม กับคัมภีร์เก้าสุริยัน ได้หลุดรอดออกจากวัดเส้าหลินไปสู่โลกภายนอก

ลือกันว่าที่นักพรตจางสายเลือดจอมยุทธแห่งเขาหวู่ตั้งประสบความสำเร็จมาได้ถึงขนาดนี้เพราะเขาได้คัมภีร์บางส่วนของวิชาเก้าสุริยันมาตั้งแต่ยังเป็นหนุ่ม ใช้หยินส่งเสริมหยางเพื่อสร้างพลังงานฉี สร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วยุทธภพ…

“ไม่เลวๆ“

ซูฉินรู้สึกถึงความละเอียดลออและงดงามหมดจดของวิชาเก้าสุริยันประทับลงในจิตของเขา จากนั้นจึงพยักหน้าออกมาเล็กน้อย

ด้วยระดับในปัจจุบันของซูฉินเป็นเรื่องธรรมดาที่จะเห็นว่า ‘วิชาเก้าสุริยัน‘ เป็นวิชาอันสูงส่ง ซึ่งอยู่ในขอบเขตของระดับ‘อรหันต์‘

แม้จะยังด้อยกว่าฝ่ามือยูไลไม่น้อย แต่เมื่อเทียบกับเคล็ดวิชาของมารพุทธะแล้วก็ไม่ทิ้งห่างกันมากนัก

ช่วงเวลาต่อมาชีวิตของซูฉินก็กลับสู่ปกติสุขอีกครั้ง

สิ่งที่แตกต่างออกไปเพียงอย่างเดียวก็คือ ซูฉินไม่จำเป็นต้องกวาดลานทุกวี่วันอีกต่อไป

เนื่องจากความแข็งแกร่งของซูฉินถูกเปิดเผยออกมาแล้ว เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินและเหล่าหัวหน้าตำหนักที่รู้สึกราวกับซูฉินเป็นบรรพบุรุษสงฆ์ ไหนเลยจะกล้าให้เขากวาดพื้นต่อไป?

และซูฉินก็ไม่ได้มีความเห็นอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้

ตั้งแต่ที่เขาเข้าสู่ระดับอรหันต์ เขาก็ต้องการเวลาพอสมควรในการทำความคุ้นเคยกับพลังใหม่ที่สูงขึ้นและเพื่อสร้างรากฐานให้มั่นคง

ส่วนเรื่องการลงชื่อเข้าใช้….

ซูฉินจะรอจนฟ้ามืด ยามที่ไม่มีใครเพ่นพ่านแล้ว เขาจะออกมาลงชื่อเข้าใช้

ระบบลงชื่อเข้าใช้เป็นความลับที่ใหญ่ที่สุดของซูฉิน เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะยอมให้ใครล่วงรู้

เวลาค่อยๆ ผ่านไป

การตายของจอมมารและข่าวการล่มสลายของพรรคมารแพร่กระจายไปทั่วอาณาจักรถังราวกับพายุโหม

หลังจากที่จอมมารกลับเข้าสู่ยุทธภพ เขาไม่ได้ขึ้นเขาไปเยือนวัดเส้าหลินเป็นที่แรก แต่กลับไล่กวาดล้างสำนักพรรคธรรมะในราชวงศ์ถังเสียก่อน

ในช่วงเวลานั้นความแข็งแกร่งระดับชั้นที่หนึ่งของจอมมารเป็นที่ล่วงรู้กันไปทั่วทั้งยุทธภพมาตั้งนานแล้ว

แม้แต่จอมยุทธที่มากไปด้วยชื่อเสียงก็ยังเชื่อว่าจอมมารไม่ใช่ยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดธรรมดาๆ แต่เป็นยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดที่แปรสภาพพลังของตนไปอย่างน้อยสองครั้งแล้ว

อย่างไรก็ตาม

ไม่มีใครคาดคิดว่าจอมมารที่หมายจะปกครองโลกเช่นนี้ ต้องมาสิ้นชื่อที่วัดเส้าหลิน?

อาณาจักรต้าถัง

วังหลวง

บรรยากาศภายในวังนั้นเย็นยะเยือก

ชายชราสวมชุดคลุมลายมังกรกำลังจ้องมองเอกสารในมือ

“ระดับตำนานยุทธ?”

“วัดเส้าหลินมีตำนานยุทธผุดขึ้นมา และสังหารจอมมารจนแดดิ้นไปแล้วอย่างนั้นหรือ?”

ชายชราที่สวมชุดคลุมลายมังกรแน่นอนว่าต้องเป็นองค์จักรพรรดิถัง คิ้วของเขาขมวดอยู่เล็กน้อยราวกับไม่สามารถคิดตัดสินใจในบางประการได้

“จ้าวกงกง”

องค์จักรพรรดิถังวางแผ่นเอกสารในมือแล้วกล่าวเบาๆ

“ขอรับฝ่าบาท”

ปรากฏร่างขันทีสวมใส่เครื่องแบบตามฉบับของขันทีหลวงสีม่วงสดโผล่มาที่ด้านข้างขององค์จักรพรรดิถังอย่างเงียบเชียบแล้วจึงโค้งคำนับ

“เจ้าว่าข่าวนี้จริงเท็จประการใด?”

จักรพรรดิถังมองไปที่จ้าวกงกงแล้วกล่าวออกด้วยน้ำเสียงทุ้มลุ่มลึก

แม้ตามข้อมูลจะระบุว่าจอมมารได้คำรามลั่นและตะโกนว่า “เจ้าคือระดับตำนานยุทธ” ก่อนที่เขาจะสิ้นชีพ

แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นในเวลานั้น องค์จักรพรรดิถังไม่สามารถยืนยันมั่นใจได้เพียงแค่อาศัยเชื่อถือข้อมูลชุดนี้

สุดท้ายแล้วนี่ก็ไม่ใช่แมวหมา แต่เป็นตำนานยุทธที่อยู่เหนือสรรพชีวิตทั้งหลาย

“เรียนฝ่าบาท ข้ารับใช้เฒ่ามิสามารถยืนยันเรื่องนี้ได้”

จ้าวกงกงที่สวมชุดม่วงโค้งคำนับและกล่าวด้วยความอ่อนน้อม

“เฮ่อ”

“น่าเสียดายแล้ว”

องค์จักรพรรดิถังถอนหายใจออกมาเบาๆ “เวลาของข้าใกล้จะหมดลงแล้ว”

ในความเป็นจริงนั้น

ถ้าไม่ให้จ้าวกงกงสละฐานการบ่มเพาะบางส่วนและบังคับยืดอายุขัยให้กับตน

องค์จักรพรรดิถังน่าจะสวรรคตด้วยโรคชราไปตั้งแต่ไม่กี่ปีก่อนแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]