เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] นิยาย บท 75

สรุปบท ตอนที่ 75: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]

สรุปตอน ตอนที่ 75 – จากเรื่อง เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] โดย Internet

ตอน ตอนที่ 75 ของนิยายActionเรื่องดัง เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

Sign in Buddha’s palm 75 ระดับนภาชั้นที่สอง

“นี่คือเศษเสี้ยวส่วนหนึ่งของจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ระดับชั้นที่หนึ่ง?”

จ้าวกงกงดูเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก จ้องตรงไปที่จี้หยกที่ห้อยข้างเอวของซูเยว่หยุน

แม้ว่าเศษเสี้ยวจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ภายในจี้หยกจะถูกซ่อนเอาไว้อย่างแนบเนียน แต่จ้าวกงกงก็เป็นถึงจุดสูงสุดระดับชั้นที่หนึ่ง หากเขาสนใจในสิ่งใด ปกติแล้วย่อมไม่สามารถซ่อนอะไรจากสายตาเขาได้

“นี่มันอะไรกันเนี่ย?”

“เป็นไปได้หรือที่เบื้องหลังของสตรีชาวบ้านที่องค์ชายอภิเษกด้วยจะมียอดปรมาจารย์ระดับจุดสูงสุดอยู่?”

จ้าวกงกงรู้สึกว่านี่มันไร้สาระเอามากๆ

ยอดปรมาจารย์ระดับจุดสูงสุดนั้นหายากเพียงไร? หากมีตัวตนเหล่านี้อยู่เคียงข้าง มิใช่ว่าชีวิตจะแสนสุขสบายหรือ?

องค์จักรพรรดิถังนั้นได้ซ่อนตัวตนของหลี่เชิงไว้ท่ามกลางฝูงชน จ้าวกงกงนั้นเป็นบุคคลที่รู้ทุกเรื่องดีที่สุด แม้แต่หลิวกงกงที่คอยปกป้องหลี่เชิงก็ได้จ้าวกงกงนี่แหละที่เป็นผู้จัดแจงมอบหมาย

จ้าวกงกงรู้ทุกเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของหลี่เชิง ส่วนบุตรีตระกูลซูที่อภิเษกกับองค์ชายหลี่เชิงรวมถึงตระกูลของนาง ข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับตระกูลซูก็ถูกส่งถึงมือจ้าวกงกงมาตั้งแต่แรก

สิ่งที่จ้าวกงกงไม่คิดฝันคือบุตรีตระกูลซูซึ่งแสนจะธรรมดาในสายตาเขา กลับมียอดฝีมือยืนอยู่เบื้องหลัง?

“มันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญหรือเปล่า?”

“จี้หยกนี้ ซูเยว่หยุนบังเอิญเก็บมาได้?”

ความคิดของจ้าวกงกงแปรเปลี่ยนผันอย่างรวดเร็ว และในที่สุดก็ต้องตัดความคิดนี้ทิ้งไป

ท่ามกลางเหล่ายอดปรมาจารย์ระดับจุดสูงสุด ยอดปรมาจารย์ที่กลั่นจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้นั้นมีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย

แทบไม่มียอดปรมาจารย์ระดับจุดสูงสุดคนใดเต็มใจที่จะสละส่วนหนึ่งของจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของตนมาใส่ไว้ในจี้หยกเช่นนี้

แล้วหากซูเยว่หยุนบังเอิญเก็บจี้หยกมาได้จริงๆ จี้หยกนั้นจู่ๆ จะไปข้องเกี่ยวกับยอดปรมาจารย์ระดับจุดสูงสุดได้อย่างไร?

“การแบ่งแยกจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกมา หากไม่มีทักษะลับที่เกี่ยวข้อง แม้แต่จะเป็นยอดปรมาจารย์ระดับจุดสูงสุดเองก็ไม่สามารถกระทำได้ นอกจากนี้หลังจากแบ่งแยกจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์แล้วยังสูญเสียฐานพลังไปส่วนหนึ่งอีกด้วย”

“ยกเว้นไว้แต่คนที่มอบให้จะสำคัญกับตนเองมากจริงๆ มิฉะนั้นคงไม่มียอดปรมาจารย์ระดับจุดสูงสุดคนใดที่จะทำเช่นนี้”

ความคิดของจ้าวกงกงแล่นแปลบปลาบราวกับประกายไฟ

“คนผู้นั้นคือใครกัน?”

จ้าวกงกงพยายามนึกหาความเป็นไปได้ไล่ไปทีละอย่าง

ในระหว่างที่จ้าวกงกงกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้นั่นเอง

องค์ชายหลี่เชิงที่ถูกซูเยว่หยุนเกลี้ยกล่อม ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจยอมไปพระราชวังตะวันออกพร้อมกับจ้าวกงกงก่อนสักระยะ แล้วระหว่างนี้เขาจะขอราชโองการให้รับซูเยว่หยุนตามเข้าไป

“จ้าวกงกง ไปกันเถอะ”

องค์ชายหลี่เชิงมองไปที่ซูเยว่หยุนอย่างไม่ยินยอมเท่าใดนักแล้วจึงกล่าวกับจ้าวกงกง

“ความจริงแล้ว…การเจรจาต่อรองก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้…”

จ้าวกงกงเงียบไปครู่หนึ่งแล้วทันใดนั้นก็ยิ้มให้กับซูเยว่หยุน “เนื่องจากแม่นางซูได้อภิเษกสมรสเข้ากับราชวงศ์แล้ว เธอคงต้องใช้เวลาสักพักเพื่อจะได้รับตำแหน่งพระชายา คงมิผิดแปลกหากจะย้ายเข้าพระราชวังตะวันออกก่อนเวลาสักหน่อย…”

จ้าวกงกงเหลือบมองไปที่จี้หยกข้างเอวของซูเยว่หยุนอีกครั้งแล้วโค้งคำนับเล็กน้อย จากนั้นจึงกล่าวคำ “ท่านทั้งสอง รีบเสด็จไปพระราชวังตะวันออกกันเถิด”

เมื่อจ้าวกงกงกล่าวเช่นนี้

องค์ชายหลี่เชิงและซูเยว่หยุนต่างตกอยู่ในความงุนงง

เกิดอะไรขึ้น?

เหตุใดเจ้ากงกงจึงเปลี่ยนใจกะทันหัน?

แม้ว่าหลี่เชิงจะไม่เคยได้ใกล้ชิดจ้าวกงกง แต่เขาก็พอรู้ว่าจ้าวกงกงเป็นคนเช่นไรตามคำเล่าลือจากคนอื่นๆ

ทั่วทั้งวังหลวง นอกจากองค์จักรพรรดิแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้จ้าวกงกงเปลี่ยนใจได้

องค์ชายก็ไม่สามารถ

ขุนนางก็ทำไม่ได้

แต่เมื่อครู่…

องค์ชายหลี่เชิงและซูเยว่หยุนมองหน้ากันและทำได้เพียงกัดฟันเดินตามจ้าวกงกงไป

ครึ่งวันต่อมา

ในพระราชวังราชวงศ์ถัง

“สาวชาวบ้านที่องค์รัชทายาทอภิเษกสมรสด้วยนั้นมีตัวตนที่ยิ่งใหญ่อยู่เบื้องหลัง”

จ้าวกงกงโค้งคำนับลงเล็กน้อย

จากนั้นจ้าวกงกงก็แจ้งให้องค์จักรพรรดิถังทราบเรื่องที่ตนค้นพบจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดในตัวของซูเยว่หยุน

“โอ้?”

การแสดงออกขององค์จักรพรรดิไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ราวกับสิ่งที่เขาได้ฟังไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับความเป็นความตายของตนเอง

วัดเส้าหลิน

นับตั้งแต่ที่ลงชื่อเข้าใช้ ได้รับพระสูตรอมิตาภาบรรพกาลมา ซูฉินก็เหมือนได้กลับเข้าสู่ยามที่ฝึกฝนวิทยายุทธทั้งเก้าระดับชั้นอีกครั้ง รู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งที่ก้าวหน้าขึ้นในทุกๆ วัน

ข้อเสียอย่างเดียวคือต้องเสียโอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำมากเกินไป

“อีกไม่ไกลแล้ว”

“ใกล้จะถึงขั้นตอนในการตัดผ่านแล้ว”

ที่ภูเขาด้านหลัง ซูฉินนั่งไขว้ขวาขัดกัน หมุนวนแก่นแท้แห่งพลังโคจรไปรอบร่างอย่างช้าๆ เพื่อปรับสภาพร่างกายของตน

หลังจากที่ใช้โอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำไปหลายสิบเม็ด ระดับการบ่มเพาะของซูฉินก็พุ่งขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของขอบเขตระดับนภาชั้นที่หนึ่ง

“มาเริ่มกันเลย”

ใจของซูฉินไหววูบ ทันใดนั้นโอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำกว่ายี่สิบเม็ดก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา

เพื่อให้แน่ใจว่าการตัดผ่านครั้งนี้จะไม่ผิดพลาด ซูฉินยอมทุ่มทุนที่สะสมเอาไว้ออกมา เตรียมพร้อมสำหรับการพัฒนาด้วยโอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำถึงยี่สิบเม็ด

ต้องรู้ว่าโอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำเพียงเม็ดเดียวก็เพียงพอให้อรหันต์ทั่วๆ ไปต้องย่อยและดูดซึมยาวนานกว่าสองถึงสามเดือน เมื่อรวมยี่สิบเม็ดเข้าด้วยกันฤทธิ์ยาคงน่าสะพรึงกลัวในระดับที่พอจะระเบิดร่างของอรหันต์จากภายในได้เลย

ถ้าไม่ใช่เพราะการคุ้มครองของพระสูตรอมิตาภาบรรพกาล ซูฉินจะไม่กล้าทำเช่นนี้เลย

กลึก อึก

ซูฉินกลืนโอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำแล้วเริ่มโคจรพลังตามแนวทางของพระสูตรอมิตาภาบรรพกาล เพื่อปรับแต่งตัวยาที่กำลังแผ่ออกมา

ในทันทีนั้นเอง ร่างกายของซูฉินเริ่มแปรสภาพไปอีกครั้งอย่างช้าๆ

เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ไอพลังของซูฉินก็มีขนาดใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้น ไพศาลราวกับจะไม่มีที่สิ้นสุด

ถ้าไม่ใช่เพราะพื้นที่หวงห้ามภูเขาด้านหลังมีตราประทับฝ่ามือยูไลที่ถูกทิ้งไว้โดยอรหันต์ถัว ไอพลังของซูฉินคงจะพุ่งทะลุฟากฟ้าไปนานแล้ว และทั่วทั้งวัดเส้าหลินจะตกอยู่ในไอพลังของเขา

ในที่สุดแก่นแท้แห่งพลังของซูฉินก็เริ่มเดือดพล่านมากยิ่งขึ้น จนถึงจุดหนึ่งเหมือนว่ามันจะทะลวงผ่านกรงขังที่ครอบเอาไว้และพุ่งขึ้นไปสู่ขอบเขตใหม่

เพล้ง!

“ก้าวข้ามไปถึงขอบเขตอรหันต์ระดับนภาชั้นที่สองได้ในที่สุด”

ซูฉินค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา รอยยิ้มปรากฏชัดบนใบหน้า

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]