อ่านสรุป ตอนที่ 76 จาก เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] โดย Internet
บทที่ ตอนที่ 76 คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายAction เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
Sign in Buddha’s palm 76 การค้นพบของเฉียนขู่
พื้นที่หวงห้ามภูเขาด้านหลัง
หลังจากที่ซูฉินทะลวงขั้น เขาก็หอบหายใจอย่างรุนแรงพยายามสูบพลังฉีฟ้าดินรอบตัวราวกับวาฬตัวใหญ่ที่กลืนน้ำทะเลทั้งหมดลงไป
“หิวเหลือเกิน…”
ตอนนี้สิ่งซูฉินรู้สึกมีเพียงอย่างเดียวคือ กระดูกทุกชิ้น กล้ามเนื้อทุกส่วนกำลังสั่นสะท้านดูดกลืนพลังฟ้าดินที่หลั่งไหลเข้ามาในร่างกายอย่างไม่รู้จักหยุดหย่อน
ช่างน่าเสียดายที่พลังฟ้าดินนั่นเบาบางลงไปเสียแล้วหลังการตัดผ่านของเขา จึงไม่สามารถเติมเต็มความต้องการของร่างกายได้
ซูฉินจึงจำต้องควักโอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำออกมาอีกสองสามเม็ดเป็นทางเลือกสุดท้าย
หลังจากกลืนโอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำสีใสบริสุทธิ์ลงไปแล้ว ตัวยาก็กระจายไปทั่วทุกส่วนของร่างกาย
หลังจากผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง
ซูฉินลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง
“ไม่คาดคิดเลยว่าหลังจากที่ตัดผ่านเข้าสู่ระดับนภาชั้นที่สองแล้วจะต้องใช้พลังฟ้าดินจำนวนมหาศาลขนาดนี้เพื่อมาเสริมสร้างร่างกาย…”
ซูฉินกระซิบกระซาบอยู่กับตนเอง
ถ้าก่อนหน้านี้หากเขาไม่ได้เตรียมโอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำไว้เพียงพอ เกรงว่าเขาคงทำได้เพียงดูดซับพลังฟ้าดินอย่างช้าๆ และอาจเกิดความเสียหายขึ้นกับร่างกายได้
“แต่ทุกอย่างก็เสร็จสิ้นแล้ว”
“ตอนนี้ข้าได้เข้าสู่ขอบเขตอรหันต์นภาชั้นที่สองแล้วจริงๆ…”
ซูฉินหันกลับไปมองที่ฝ่ามือของตน รับรู้ถึงพลังอย่างถี่ถ้วน
“ถ้านับเพียงแก่นแท้แห่งพลัง มันพุ่งขึ้นสูงอย่างน้อยก็สองถึงสามเท่า ส่วนร่างกายแม้จะไม่ทะยานขึ้นเหมือนแก่นแท้แห่งพลังแต่มันก็ถูกปรับปรุงไปในทางที่ดีขึ้นไม่น้อย จิตสัมผัสสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เองก็เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่า ขอบเขตที่ใช้ได้นั้นขยายขึ้นไปอีกเยอะเลย…”
ซูฉินยังคงสำรวจตัวเองต่อไปและในที่สุดจึงได้ข้อสรุป
“ตอนนี้ข้าแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมอย่างน้อยก็ห้าเท่าเมื่อเทียบกับก่อนตัดผ่าน!”
ซูฉินพอใจมาก
เดิมทีอรหันต์ก็เป็นตัวตนที่สุดยอดในหมู่ยอดฝีมืออยู่แล้วสามารถปราบเหล่ามารร้ายและภูตผีปีศาจได้ทั้งหมด
แต่ตอนนี้ซูฉินคนเดียวเทียบเท่ากับอรหันต์ห้าคน
สิ่งนี้คืออะไรกัน?
ตราบที่ซูฉินต้องการจะทำ เขาสามารถครองยุทธภพได้เลย ไม่ว่าราชวงศ์ถังหรืออาณาจักรเหมิ่งหยวนก็ทำได้แค่หลีกทางให้
“ก่อนอื่นต้องปรับระดับชั้นให้มั่นคงเสียก่อน”
ซูฉินค่อยๆ ผ่อนคลายความคิดของตนเอง
การปรับขอบเขตระดับชั้นให้มั่นคง ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะเกิดปัญหาแต่ประการใด ตอนนี้ซูฉินได้เข้าสู่ระดับนภาชั้นที่สองอย่างสมบูรณ์แล้ว เว้นแต่เขาจะประสบกับอาการธาตุไฟเข้าแทรกหรือแก่นแท้แห่งพลังติดขัดก็ไม่มีทางที่ระดับพลังจะตกลงไปได้
วิชาสายพุทธขึ้นชื่อเรื่องรากฐานอันลึกซึ้งอยู่แล้ว นับประสาอะไรกับพระสูตรอมิตาภาบรรพกาลที่เขาฝึก?
ซูฉินต้องการสร้างความมั่นคงให้กับขอบเขตระดับชั้นเพราะเขาต้องการสร้างความคุ้นเคยกับพลังที่พุ่งสูงขึ้น
ในช่วงหลายเดือนต่อมาซูฉินก็เริ่มอ่านหนังสือปรัชญาทางพุทธและสิ่งอื่นๆ ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน
แม้ว่าซูฉินจะได้อ่านหนังสือเหล่านี้มากว่าสองทศวรรษแล้ว แต่ตอนนี้ซูฉินได้เข้ามาสู่ขอบเขตอรหันต์ เมื่อมีรากฐานสูงขึ้น การอ่านซ้ำอีกครั้งกลับได้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป
ระหว่างนี้ ซูฉินก็ไม่ลืมที่จะลงชื่อเข้าใช้ ไม่ว่าจะเป็นโอสถหรือคัมภีร์ที่ได้มาก็ถูกซูฉินโยนเก็บไว้ในคลังของระบบ ซึ่งเขาจะนำไปใช้ในภายหลัง
การไหลของเวลาภายในคลังของระบบแทบจะแน่นิ่ง ฉะนั้นจึงไม่มีปัญหาเรื่องยาหมดอายุแต่อย่างใด
ในขณะที่อ่านพระธรรมคัมภีร์ ซูฉินก็คอยชี้แนะ ‘เฉียนขู่‘ ไปด้วยเป็นครั้งคราว
หลังจากที่เณรน้อยรูปนี้เข้าสู่ระดับชั้นที่เจ็ดแล้ว เขาก็เตรียมที่จะพุ่งขึ้นสูงสามระดับกลางในเวลาอันสั้น
แต่สุดท้ายซูฉินก็หยุดเขาเอาไว้
ผู้ครอบครองดวงใจพุทธะนั้นแสนจะสะดวกสบายในการฝึกวิทยายุทธมากเสียจนคนทั่วไปไม่อาจจะจินตนาการถึง
อย่างไรก็ตามผู้ที่ครอบครองดวงใจพุทธะในอดีตทุกคนล้วนไม่สามารถบรรลุถึงระดับ ‘อรหันต์‘ ได้ แต่คนที่มีความสามารถปานกลางกลับสามารถก้าวไปถึง
ซูฉินพอจะคาดเดาเหตุผลบางอย่างได้
นั่นเป็นเหตุผลที่เขาให้ ‘เฉียนขู่‘ รักษาความมั่นคงในระดับชั้นก่อน ค่อยๆ สัมผัสความแตกต่างในแต่ละขอบเขตแล้วจึงค่อยทะลวงขั้นขึ้นไป
ในวันนี้
เมื่อซูฉินคิดว่าจะต้องใช้โอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำอีกกี่เม็ด ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงบางอย่างและมองออกไปด้านนอกพื้นที่หวงห้ามภูเขาด้านหลัง
เห็น ‘เฉียนขู่‘ ยืนอยู่ที่ทางเข้าอย่างระมัดระวัง ไม่รู้ว่าควรเข้ามาดีหรือไม่
“เข้ามา”
เสียงอันสงบนิ่งดังขึ้นในหูของ ‘เฉียนขู่‘
แม้ระดับชั้นที่หกและระดับชั้นที่เจ็ดนั้นแตกต่างกันเพียงหนึ่งระดับเท่านั้น แต่มันก็เป็นความแตกต่างระหว่างขอบเขตสามระดับกลางกับขอบเขตสามระดับล่างด้วย
คอขวดกั้นกลางระหว่างขั้นนี้ ไม่รู้ว่ามีผู้ฝึกยุทธติดอยู่ช่วงนี้กันกี่คน
“ขอบคุณท่านผู้ทรงสมณศักดิ์ฯ”
‘เฉียนขู่‘ ลุกขึ้นแล้วกล่าวด้วยความเคารพ
“ในเมื่อเจ้าได้ตัดผ่านเรียบร้อย ก็ไปได้แล้วล่ะ” ซูฉินมองไปที่เฉียนขู่แล้วกล่าวคำ
“ท่านผู้ทรงสมณศักดิ์ฯ…”
เพียงแต่เฉียนขู่นั้นลังเลเหมือนอยากจะพูดบางสิ่ง
“มีอะไรอย่างนั้นหรือ?” ซูฉินขมวดคิ้วมุ่น ถามออกไปตรงๆ
จากที่ซูฉินรู้จักเฉียนขู่ในช่วงสองสามปีมานี้ หากอีกฝ่ายไม่มีเรื่องอะไรจริงๆ เขาจะไม่กล้ากล่าวคำออกมาเช่นนี้
“ผู้ทรงสมณศักดิ์ฯ ข้าได้พบประตูหินใต้เนินเขาที่อยู่ใกล้ๆ ลานธรรม”
“ประตูหินแกะสลักลวดลายเป็นพระพุทธรูป แลดูลึกลับอย่างมาก”
เมื่อเล่าถึงเรื่องนี้ เฉียนขู่หยุดพูดไปชั่วครู่แล้วจึงเล่าต่อ “ประตูหินบานนั้นหนักมาก ข้าไม่สามารถผลักมันให้เปิดออกได้เลย”
“ประตูหิน…”
ซูฉินพึมพำเป็นน้ำเสียงทุ้มต่ำ และแผ่จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไปอย่างรวดเร็วราวกับพายุ กวาดผ่านสถานที่ที่เฉียนขู่กล่าวถึงหลายต่อหลายครั้ง
อย่างไรก็ตาม
ซูฉินประหลาดใจมากที่เขาไม่พบสิ่งใดตามที่เฉียนขู่บอกเล่าให้ฟังเลย
“ท่านผู้ทรงสมณศักดิ์ฯ”
“ข้ารู้สึกว่าบางสิ่งภายในประตูหินนั่นกำลังดึงดูดข้าให้เข้าไปหา…”
เฉียนขู่รู้สึกสับสน
มีบางสิ่งด้านหลังประตูหินนั่นที่ดึงดูดเฉียนขู่ แต่เขาไม่สามารถเปิดประตูนั้นได้ ทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นในใจ
ซูฉินนิ่งเงียบ
ถ้าเฉียนขู่ไม่ได้โกหก นั่นหมายความว่าประตูหินบานนั้นต้องมีวิธีการบางอย่างที่บดบังความสามารถของจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]