Sign in Buddha’s palm 81 บุกทะลวงต่อเนื่อง
“การบ่มเพาะในระดับอรหันต์ยากเย็นเสียจริง”
“ข้าใช้เวลาเป็นปีกว่าจะสำเร็จจุดสูงสุดของนภาชั้นที่สอง”
ซูฉินถอนหายใจออกมาเบาๆ แสดงออกถึงอารมณ์ความรู้สึก
ในขณะนี้ร่างกายของซูฉินราวกับมีสายน้ำไหลเวียนไปทั่วร่างตลอดเวลา พลังฉีและเส้นเลือดเหมือนกับมหาสมุทรอันไพศาล
เมื่อฝึกฝนวิทยายุทธมาถึงระดับนี้ กล่าวได้ว่าอยู่เหนือขอบเขตของมนุษย์ไปโดยสิ้นเชิง สามารถบดขยี้ขอบเขตที่ต่ำกว่าได้อย่างง่ายดาย
“เนื่องจากระดับนภาชั้นที่สองได้มาถึงจุดสูงสุดแล้ว ข้าก็ควรจะคิดเรื่องการทะลวงขั้นต่อไปได้แล้ว”
ซูฉินคิดอยู่ภายในใจเงียบๆ
ระดับนภาทั้งเก้าชั้นของขอบเขตอรหันต์ ช่องว่างของนภาแต่ละชั้นห่างไกลกันเสียยิ่งกว่าวิทยายุทธทั้งเก้าระดับชั้น
“แต่ไม่ควรจะเร่งรีบเกินไป ใช้เวลาให้เต็มที่”
“ควรรอสักพักก่อนจะเริ่มการทะลวงขั้น”
ถึงซูฉินจะมีความคิดที่จะทะลวงผ่าน แต่ก็ไม่ได้มุทะลุ
เมื่อเทียบกับการฝึกฝนวิทยายุทธทั้งเก้าระดับชั้น ขอบเขตอรหันต์นั้นข้องเกี่ยวกับพลังฉีที่ควบคุมโลกนี้เอาไว้ จำต้องระมัดระวังให้มากขึ้น
สำหรับวิทยายุทธทั้งเก้าระดับชั้น แม้จะเกิดข้อผิดพลาดขึ้นระหว่างการฝึกฝน ซูฉินก็สามารถพึ่งพาร่างกายที่แข็งแกร่งมาต้านทานเอาไว้ได้
แต่กับขอบเขตระดับอรหันต์
หากมีบางสิ่งผิดพลาดเกิดขึ้น ผลกระทบที่จะตกมาถึงซูฉินย่อมมีมาก
ในกรณีดังกล่าว แม้ซูฉินจะมาอยู่ในจุดสูงสุดของระดับนภาชั้นที่สองแล้วและไม่มีทางจะพัฒนาได้ต่อ เขาก็ยังต้องการเวลาพักฟื้นและปรับสภาพตนให้ถึงพร้อมที่สุด
อย่างไรก็ตามซูฉินนั้นแตกต่างไปจากเซียนเฒ่าทั้งหลายที่ใกล้จะสิ้นอายุขัยเต็มที เขานั้นยังมีเวลาอีกเจ็ดร้อยกว่าปี จึงไม่ต้องรีบร้อนแต่อย่างใด
สามเดือนถัดมา
ซูฉินได้ปรับสภาพตนเองให้อยู่ในช่วงที่ดีที่สุดแล้ว
“ข้าสามารถเริ่มทะลวงขั้นได้แล้ว”
ซูฉินนั่งไขว้ขาขัดสมาธิอยู่บนภูเขาด้านหลัง
ในชั่วพริบตา แก่นแท้แห่งพลังก็เริ่มโคจรไปตามหลักวิชาอมิตาภาบรรพกาลอย่างรวดเร็ว
ฟู่ว
พื้นที่หวงห้ามภูเขาด้านหลังทั้งหมดเกิดพายุหมุนวนอีกครั้ง และยังคงแผ่กระจายออกไปทุกทิศทาง
ทันใดนั้น
พายุจากพลังฟ้าดินก็เกิดขึ้นอีกครั้งที่วัดเส้าหลิน
เห็นได้ชัดว่าครานี้เหล่าศิษย์วัดคุ้นเคยกับมันแล้ว และพวกเขาไม่เอะอะโวยวายเหมือนตอนที่เจอมันเป็นครั้งแรก
เพราะในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แม้แต่ศิษย์ที่ใจเสาะหน่อยก็ไม่ได้ตกใจกับมันแล้ว
“ผู้ทรงสมณศักดิ์ฯ ทะลวงขั้นอีกครั้งแล้ว…”
ไม่ว่าหัวหน้าตำหนักจะงงงวยแค่ไหน แต่ก็ไม่มีใครในหมู่พวกเขามีท่าทีตกใจในขณะนี้
ในบันทึกโบราณของวัดเส้าหลินไม่ได้บอกไว้ว่าการฝึกฝนของเหล่าอรหันต์นั้นยากเย็นราวกับปีนป่ายสวรรค์หรอกหรือ?
เหตุไฉนซูฉินจึงทะลวงขั้นได้ง่ายดายราวกับการดื่มกินข้าวปลาอาหารเพียงเท่านั้น
…
พื้นที่หวงห้ามภูเขาด้านหลัง
เมื่อพลังฉีฟ้าดินอันไม่มีที่สิ้นสุดกำลังวิ่งเข้าหาซูฉินอยู่นั้น ซูฉินก็ยัดเม็ดโอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำเข้าไปราวกับมันเป็นขนมขบเคี้ยว
ความก้าวหน้าของซูฉินค่อยๆ ลดลง
หลังจากนั้นไม่นาน
“มาถึงนภาชั้นที่สามในที่สุด”
ซูฉินเปิดเปลือกตาขึ้น ร่องรอยแห่งความสุขปรากฏชัดบนใบหน้า
การพัฒนาระดับในครั้งนี้ก็ยังเหมือนครั้งอดีต ไม่ได้มีอะไรน่าประหลาดใจ
“ความรู้สึกถึงพลังขุมนี้…”
ซูฉินสูดหายใจเข้าลึก ก่อนหน้านี้ ตอนที่มาจุดสูงสุดของระดับนภาชั้นที่สองนั้น ความแข็งแกร่งเขาก็มากกว่าครั้งแรกที่เพิ่งเข้าสู่นภาชั้นที่สองเป็นเท่าตัวอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?
ส่วนตอนนี้ซูฉินสามารถสัมผัสพลังอันมหาศาลที่อยู่ภายในกายได้อย่างชัดเจน ราวกับเขาสามารถทุบทำลายมิติที่อยู่ตรงหน้าให้ขาดวิ่นได้เลย
แน่นอนว่านั่นเป็นเพียงแค่ความรู้สึกหลังจากความแข็งแกร่งพุ่งขึ้นสูงเฉยๆ ไม่ต้องพูดถึงอรหันต์ระดับนภาชั้นที่สามเลย แม้แต่อรหันต์ในระดับนภาชั้นที่เก้าผู้ทรงพลังไร้พ่ายก็คงไม่สามารถฉีกทลายมิติได้
หลังจากที่ผ่านเข้าสู่อรหันต์ระดับนภาชั้นที่สาม ซูฉินก็ไม่ได้รู้สึกพึงพอใจใดๆ ยังคงหมกมุ่นอยู่การฝึกฝนวิทยายุทธทุกวัน
ในช่วงเวลานี้เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินก็ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า ‘เฉียนขู่‘ ต่อแต่นี้จะเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งวัดเส้าหลิน
สำหรับตำแหน่งนี้ไม่มีศิษย์รุ่นหลังคนใดในวัดเส้าหลินมีความเห็นแย้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]