เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] นิยาย บท 99

Sign in Buddha’s palm 99 คงต้องขอยืมใช้สถานที่ของเจ้าสักหน่อย แค่มาบอกให้รู้ไว้

ในห้องโถงเฉิงเอิน

องค์รัชทายาทหลี่เชิงกะพริบตาปริบๆ

ทีแรกหลังจากที่ซูฉินพูดว่า “ชะตากำลังจะสิ้นสุดลง” เขาก็เตรียมพร้อมรับความโกรธเกรี้ยวของฝ่าบาทแล้ว

แต่ผลที่ได้…

ฝ่าบาทกลับไม่โกรธ แต่ให้รางวัลตอบแทนเสียอย่างนั้น?

นี่…

องค์รัชทายาทหลี่เชิงรู้สึกเหลือเชื่ออย่างมาก

“พี่สาม พี่เป็นอะไรของพี่?”

ซูเยว่หยุนยังไม่ฟื้นจากความตกใจได้มากนัก “ท่านเพิ่งพูดว่าฝ่าบาท…”

“ข้าใช้เวลาอยู่ในวัดเส้าหลินมานานและได้เรียนรู้วิชาการแพทย์อยู่บ้าง”

ซูฉินนึกเหตุผลขึ้นมาได้โดยบังเอิญ “จากรูปลักษณ์ของจักรพรรดิถัง เขากำลังจะตายจริงๆ”

เมื่อซูเยว่หยุนได้ยินสิ่งนี้ นางก็จ้องหน้ากันกับองค์รัชทายาทหลี่เชิง โดยไม่ทันตั้งตัวคลื่นลูกใหญ่ก็ก่อตัวขึ้นในจิตใจของทั้งคู่

ฉะนั้นซูเยว่หยุนและองค์รัชทายาทหลี่เชิงไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่าซูฉินเรียกองค์จักรพรรดิถังว่าจักรพรรดิถัง ไม่ใช่ฝ่าบาท

‘ฝ่าบาท‘ เป็นคำเรียกที่ผู้ต่ำศักดิ์ใช้เรียกผู้บังคับบัญชาและอาจสื่อความหมายในเชิงการยอมจำนน

อย่างไรก็ตามองค์จักรพรรดิถังก็คงจะเพียงมองเฉยๆ และไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้เลย

หลังออกมาจากห้องโถงเฉิงเอิน ซูฉินก็เดินอย่างช้าๆ ไปตามถนนภายในวังหลวง

“จักรพรรดิถังนี่ค่อนข้างน่าสนใจ”

ซูฉินนึกถึงจี้หยกพระราชทานและทองคำกว่าร้อยแท่งที่องค์จักรพรรดิพระราชทานมาให้

“แต่เขาก็ใกล้ตายเต็มทน…”

ซูฉินส่ายหัวเล็กน้อย ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก

แม้ว่าจะมียอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดที่คอยยื้อชีวิตจักรพรรดิถังต่อไปอยู่โดยไม่คำนึงที่สิ่งที่ต้องแลกมา แต่นั่นมันก็ยังคงไร้ประโยชน์

ซูฉินกลับสู่ชีวิตประจำวันเหมือนช่วงเดือนที่ผ่านมาอีกครั้ง

วังหลวงนั้นสะอาดสะอ้าน เงียบสงบ ซูฉินได้รับการหนุนหลังจากองค์รัชทายาท ตราบใดที่เขาไม่เริ่มก่อปัญหาก็แทบไม่มีใครกล้าสร้างความเดือดร้อนให้แก่เขา

ตกดึก

พระจันทร์ลอยสูงเด่น

“ก่อนที่ข้าจะออกจากวัดเส้าหลิน ข้าบรรลุอรหันต์ระดับนภาชั้นที่สามขั้นสมบูรณ์แล้ว”

“สาเหตุที่ยังไม่เริ่มการตัดผ่านในช่วงนี้เพราะข้ารู้สึกว่ายังมีความเสี่ยงมากเกินไปในการเปลี่ยนจากนภาชั้นที่สามเข้าสู่นภาชั้นที่สี่”

ซูฉินนั่งไขว้ขา คิดอยู่ในใจเงียบๆ

นภาชั้นที่สามของขอบเขตอรหันต์ไปสู่นภาชั้นที่สี่ข้องเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนคุณสมบัติบางอย่าง มันไม่เหมือนกับตอนที่ทะลวงระดับนภาชั้นที่หนึ่งไปนภาชั้นที่สองและจากนภาชั้นที่สองไปยังระดับนภาชั้นที่สาม ที่ฝ่าไปได้อย่างง่ายๆ

“คงต้องรอสักพักและดูว่าจะลงชื่อเข้าใช้แล้วได้รับ [คัมภีร์เก้าอิมจินเก็ง[1] มาไหม]

ซูฉินค่อยๆ ลุกขึ้นเดินออกจากห้องใต้หลังคาและเหม่อมองขึ้นไปบนฟ้า

ตอนที่เขาอยู่ในขั้นวิทยายุทธทั้งเก้าระดับชั้น ซูฉินได้ฝึกกายาวัชระคงกระพันและวิชาขัดเกลากายาจันทราเพื่อปรับแต่งร่างกายด้วยพลังหยินสุดขีดหยางสุดขั้วจนร่างกายแข็งแกร่งอย่างมาก

มันทำให้อายุขัยของซูฉินทะยานขึ้นไปอีก

ตอนนี้ซูฉินก้าวเข้าสู่ขอบเขตอรหันต์แล้ว และก่อนที่จะทะลวงขั้นนภาชั้นที่สี่ เขาต้องการที่จะทำเช่นเดิมซ้ำอีกครั้งในรูปแบบเดียวกับตอนที่อยู่ในขั้นวิทยายุทธทั้งเก้าระดับชั้น

เพราะอย่างไรก็ตาม สำหรับซูฉินในปัจจุบันวิชากายาวัชระคงกระพันและขัดเกลากายาจัทราได้หมดประโยชน์ไปเสียนานแล้ว

เกรงว่ามีเพียงแต่วิชาเก้าสุริยันและวิชาเก้าอิมจินเก็งที่เมื่อฝึกร่วมกันเท่านั้นจึงจะเกิดประโยชน์ในตอนนี้

น่าเสียดาย

ซูฉินได้รับคัมภีร์เก้าสุริยันมาก่อนแล้วจากการลงชื่อเข้าใช้ที่วัดเส้าหลิน

แต่คัมภีร์เก้าอิมจินเก็ง…

“ไม่ต้องรีบ”

“ค่อยเป็นค่อยไป”

ความคิดของซูฉินพลิกผันไปมา

แม้ว่าการฝึกวิทยายุทธไม่จำเป็นต้องเดินตามเส้นทางของหยินผสานหยาง แต่ซูฉินก็ตระหนักได้ผ่านดวงตาแห่งสัจจะว่าเขาเหมาะที่จะฝึกทั้งหยินและหยางด้วยกันมากที่สุด

ถ้าเขาฝึกฝนเพียงเก้าสุริยันหรือขัดเกลากายาจันทราอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียว อาจไม่เห็นปัญหาในช่วงสั้นๆ แต่อันตรายที่ซ่อนอยู่จะค่อยๆ เผยออกมาในช่วงหลังของการฝึกฝน

เมื่อถึงจุดนั้นมันก็หันหลังกลับไม่ได้เสียแล้ว

“จริงสิ”

“วันนี้โอกาสในการลงชื่อเข้าใช้กลับมาอีกแล้ว”

“ครั้งนี้จะลงชื่อที่ไหนดีนะ?”

ซูฉินก้าวไปข้างหน้าและหายตัวไปจากสถานที่นั้น

เมื่อซูฉินปรากฏตัวอีกครั้ง เขาก็ยืนอยู่หน้าวิหารขนาดใหญ่เสียแล้ว

“ศาลบรรพชนของอาณาจักรถัง?”

ดวงตาของซูฉินสงบนิ่งและค่อยๆ ก้าวเท้าเข้าไปด้านใน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]