เซียวชุ่นลังเล และในที่สุดก็ตัดสินใจ : “เอาแบบนี้ก็แล้วกัน เรื่องนี้ให้ทั้งสองคนเป็นคนจัดการ”
“ไม่รู้ว่าคุณเซียวครั้งนี้วางแผนเอาไว้ว่าจะออกเงินทุนเท่าไหร่ในการรับซื้อหุ้นของตระกูลซือคง ในใจพวกเราเองก็จะได้มีตัวเลขเอาไว้กลับไปเตรียมเงินทุน”ไช่จวิ้นหมิงเอ่ยถาม
“หนึ่งพันห้าร้อยล้าน”เซียวชุ่นพูดขึ้น
ตอนนี้เขามีเงินทุนอยู่ทั้งหมดสองพันล้าน โฆษณาโทรทัศน์จำเป็นต้องใช้ส่วนหนึ่ง เหลือเอาไว้อีกส่วนหนึ่งไว้ใช้สำรอง
เวินกวงเหลี้ยงกับไช่จวิ้นหมิงมองสบตากัน ทั้งสองคนเอ่ยขึ้นมา : “คุณเซียวนี่เงินก้อนใหญ่นี่ ความจริงแล้วขาดไม่มากเท่าไหร่นัก เรื่องนี้จัดการได้ง่ายมาก”
“ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนทั้งสองท่านด้วยนะครับ หลังจากเสร็จงานแล้ว ผมจะไม่ให้พวกคุณต้องมาเหนื่อยฟรีหรอก”เซียวชุ่นหัวเราะ
“คุณเซียวก็เกรงใจกันเกินไปแล้ว”
........
หลังจากนั้นสองวัน ที่ประชุมกรรมการบริษัทจินสีกรุ๊ป
เรื่องราวเกี่ยวกับความเป็นความตายของตระกูล หาได้ยากมากที่ซือคงซินหรงจะเข้าร่วมประชุมด้วย เขานั่งอยู่ตรงตำแหน่งของประธานกรรมการบริษัท เนื่องจากเป็นกิจการของตระกูล ที่นั่งอยู่นั้นล้วนแต่เป็นสมาชิกในตระกูลซือคงทั้งสิ้น
“คิดว่าทุกคนก็คงจะได้ยินกันมาแล้ว ผมก็จะไม่พูดอะไรมาก การประชุมครั้งนี้หลักๆแล้วจะพูดกันเกี่ยวกับวาลฟ่า โฮลดิ้ง จินเคอ เมเนทนำทีมบริษัทลงทุนสิทธิผู้ถือหุ้นสองสามแห่งร่วมกันเสนอราคารับซื้อหุ้นส่วน55%ของจินสีกรุ๊ปของพวกเราในราคาสองพันเจ็ดร้อยล้าน ทุกคนไม่เพียงแค่เป็นสมาชิกของตระกูลซือคงเพียงเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทด้วย ทุกคนสามารถพูดและแสดงความคิดเห็นออกมาได้อย่างเต็มที่”
ซือคงเจี๋ยรับผิดชอบในการดำเนินการประชุมในครั้งนี้ ในขณะนี้เขาที่เขาดูแลจัดการในบริษัทนั้น ความจริงแล้วก็เป็นประธานของจินสีกรุ๊ปนั่นเอง
“ผมรู้สึกว่าไม่เหมาะสม แบบนี้พวกเราก็จะสูญเสียอำนาจในการควบคุมบริษัทไปหมด พวกเราจะเป็นฝ่ายถูกกระทำเกินไป”
“นั่นไม่มีความจำเป็นหรอก นอกจากวาลฟ่า โฮลดิ้งกับจินเคอ เมเนทแล้วยังมีบริษัทลงทุนเล็กๆอื่นๆอีกสามสี่บริษัท แบบนี้ สิทธิของผู้ถือหุ้นก็แยกกระจัดกระจายกันไปเหมือนกัน แต่พวกเราเป็นครอบครัว เพียงแค่คนในตระกูลเรามีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อำนาจในการวางแผนก็ยังคงอยู่ในมือของพวกเรา”
“แต่เพื่อการแก้แค้นเอาตระกูลไปอยู่ในสถานการณ์ที่เสี่ยงอันตรายแบบนี้มันคุ้มกันไหม?”
“มีอะไรให้ต้องกังวล ราคาที่พวกเขาเสนอมาก็นับว่าไม่เลวเลยนะ เพียงแค่ได้เงินมาอยู่ในมือแล้ว พวกเราก็สามารถเริ่มใหม่กันได้นี่ ลองคิดดูตอนรุ่นของคุณท่านที่เจอกับความลำบากตอนที่สร้างกิจการใหม่ๆตั้งแต่เจียงเป่ยมาจนถึงเจียงไห่ ในสถานการณ์ที่หมดตัวไม่มีเงินเลยก็พาพวกเราตระกูลซือคงพัฒนามาจนถึงวันนี้ได้ พวกเราก็จะทำไม่ได้อย่างนั้นเหรอ? และยิ่งกว่านั้นเงื่อนไขของพวกเราในตอนนี้ก็ดีกว่าในตอนนั้นไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ด้วย”
“……..”
ทางด้านล่างต่างคนต่างแย่งกันพูดแสดงความคิดเห็นขึ้นมา ใบหน้าของซือคงซินหรงไม่มีอารมณ์ความรู้สึกใดๆ หลับตาลงเล็กน้อย ความจริงแล้วในใจของเขามีแผนที่อยู่ในใจตั้งแต่แรกแล้ว วันนี้เพียงแค่มาทำให้สมาชิกของตระกูลได้มารู้เรื่องนี้เพียงเท่านั้น
รอหลังจากที่ทุกคนแสดงความคิดเห็นและยังไม่บรรลุเป็นหนึ่งเดียวกัน เขาก็ค่อยๆลุกขึ้น แววตาที่ขุ่นมัวกวาดมองไปยังทุกคน เอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่ไม่ดังแต่กลับน่าเกรงขาม
“ถ้าหากยอมที่จะขายหุ้นที่อยู่ในมือ สามารถไปลงชื่อกับซือคงเจี๋ยได้ ขาดเท่าไหร่ ฉันกับลูกชายซือคงเจี๋ยและซือคงอานหมิงจะเติมให้ครบ ก่อนเที่ยง ให้ฉันเห็นผลลัพธ์ด้วย”
พูดจบแล้วซือคงอานหมิงก็ประคองเดินออกไปจากห้องประชุมอย่างงกๆเงิ่นๆ ทิ้งทุกคนเอาไว้ให้มองหน้ากัน
ซือคงซินหรงพูดออกมาอย่างชัดเจนแล้ว เขาและลูกชายทั้งสองคนที่มีหุ้นส่วนเกือบ70% ถ้าหากพวกเขาไม่ขาย พวกเราพ่อลูกก็จะขายเอง
จินสีกรุ๊ปสามารถพัฒนาจนถึงวันนี้ได้อาศัยความสัมพันธ์ทางการเมืองและธุรกิจที่พิเศษในรูปแบบต่างๆในเจียงไห่ของเขากับลูกชายทั้งสองคน ถึงตอนนั้นจินสีกรุ๊ปไม่มีคานกับเสานี้แล้ว ก็เหมือนกับสถานการณ์ง่อนแง่น ใครก็ไม่สามารถได้รับประโยชน์ทั้งนั้น
จนกระทั่งถึงตอนเที่ยงสมาชิกของตระกูลคนอื่นๆมาลงบันทึกต้องการขายหุ้นส่วน12% ซือคงเจี๋ยถือใบบันทึกมาแล้วพูดอึกๆอักๆขึ้นมา : “พ่อครับ.......”
“ไม่ต้องพูดอีกแล้ว ฉันเองก็มีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่ปีแล้ว ถ้าหากไม่แก้แค้นนี้ หลังจากที่ฉันตายไปแล้วจะไปเจอน้องเฉินได้อย่างไร?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊
ไม่อัพต่อแล้วเหรอครับ...