เซวเฉิงยิ้มอย่างถ่อมตัว“ทุกคนกล่าวชมกันเกินไปแล้ว คุณพ่อกับผู้จัดการของหอตี้หวางสนิทสนมกัน ช่วยจัดการให้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรครับ”
แม้ตระกูลเซวจะไม่ได้มีชื่อเสียงเท่าตระกูลอื่นๆ แต่หลายปีมานี้ก็มีฐานรากที่มั่นคง และค่อยๆมีที่ยืนในเมืองเจียงไห่ แต่สายตาของคนเจียงไห่ล้วนจับจ้องมองไปที่ตระกูลใหญ่ๆ ไม่สังเกตเห็นตระกูลเซวของพวกเขา ในแง่ของศักยภาพตระกูลเซวย่อมอยู่เหนือตระกูลเหยาและตระกูลซุนสองตระกูลนี้อย่างแน่นอน
คำพูดที่“ถ่อมตน”ของเซวเฉิง ทำเอาคนตระกูลหลิวประเมินค่าผู้ชายคนนี้สูงขึ้นไปอีก
มีเพียงครอบครัวของเหยาเสิน ที่นั่งอยู่ข้างๆ ต่างพากันนิ่งเงียบ
ในตอนที่ญาติคนอื่นๆเห็นพวกเขาก็ไม่ได้ตื่นตัวกันขนาดนี้ หนำซ้ำยังจะเย็นชาเสียด้วย ช่างแตกต่างกันซะเหลือเกิน ทำเอาตระกูลเหยาสามคนพ่อแม่ลูกรู้สึกเสียหน้าไม่น้อย
“พี่เหยาเสิน ไม่ได้เจอกันซะนานเลย ตอนที่พี่แต่งงานฉันบังเอิญอยู่ต่างประเทศ ไม่ได้มาร่วมงานแต่งงานของพี่ วันนี้สามีพี่ไม่มาด้วยเหรอ?”
หลิวม่านชิงจูงมือเซวเฉิงมานั่งลงตรงที่นั่งข้างๆของเหยาเสิน มองข้ามเซียวชุ่นที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ถัดไปของเหยาเสิน หันมองไปรอบๆ ทำทีพูดอย่างสนิทสนม
เหยาเสินฝืนยิ้มออกมา กำลังจะพูดก็ถูกตัดหน้าซะก่อน
“ม่านชิง นี่เราตั้งใจไปหักหน้าพี่เขาหรือยังไง ? เราไม่รู้เหรอว่าพี่เราเขาแต่งงานกับเขยที่ไม่ได้เรื่อง ? ก็คนที่นั่งถัดไปจากเขาคนนั้นไง”มีคนพูดติดตลกขึ้นมา
เมื่อเปรียบเทียบระหว่างเซียวชุ่นกับเซวเฉิง ก็ย่อมต้องคนหนึ่งอยู่ฟ้าคนหนึ่งอยู่เหว
เหยาเสินรู้สึกอับอายขึ้นในทันที เธอแทบอยากจะมุดลงดิน แล้วหนีหายไปซะเดี๋ยวนั้น
หลิวหยุนเซียงยิ่งไม่ต้องพูดถึง ใบหน้าซีดเผือด อยากจะเอาหน้ามุดลงใต้โต๊ะไปเช่นกัน
“ห๊า ? ฉันไม่รู้จริงๆ ที่แท้ก็คนนี้เองหรอกเหรอ ฉันคิดว่าบอดี้การ์ดของพี่ซะอีก ไม่คิดว่าคนคนนี้ก็คือสามีของพี่ โอ้พระเจ้า!”หลิวม่านชิงจ้องมองไปที่เซียวชุ่น แกล้งทำทีเอามือปิดปากด้วยท่าทีประหลาดใจ
เซียวชุ่นแต่งตัวเรียบง่าย ทั้งเนื้อทั้งตัวมีสภาพที่โกโรโกโสอย่างมาก
“ที่รัก ผมเคยบอกคุณไปแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าอย่าตัดสินคนจากภายนอก บางทีเฮียเซียวอาจจะเป็นคนถ่อมตนก็ได้ ไม่ทราบว่าเฮียเซียวทำงานที่ไหนครับ?”เซวเฉิงยิ้มและพูดอย่างสื่อความหมาย
“ลูกเขยของหยุนซานช่างเป็นคนจริงใจเหลือเกิน แต่ครั้งนี้เราคิดมากไปแล้ว เขาเป็นคนที่ไม่ทำอะไรเลย แม้แต่งานการก็ไม่มี อาศัยบ้านพี่สาวเราคอยเลี้ยงดู เกาะผู้หญิงกินไปวันๆ” ข้างๆมีคนที่รู้มากพูดขึ้นมา
“นาฬิกาข้อมือคุณสวยใช้ได้เลย ”ในตอนนี้ยังไม่มีอาหารมาเสิร์ฟ เซียวชุ่นกลืนน้ำลายลงคอ หลีกเลี่ยงการตอบคำถาม
“อันนี่เหรอ ก็ของธรรมดาทั่วๆไป ราคาแค่ไม่กี่ล้าน หากเฮียเซียวหางานทำ และอดทนทำงานไม่กี่ปีก็ซื้อได้แล้ว”เซวเฉิงพูดเหน็บ
“ช่างสมกับเป็นคนรวยจริงๆ ”
เซียวชุ่นถอนหายใจ จากนั้นก็หันไปพูดกับหลิวม่านชิงว่า“ เห็นแก่ที่คุณเป็นลูกพี่ลูกน้องของภรรยาผม ผมขอแนะนำคุณ อย่าหมั้นเลย จัดแต่งงานซะ ยิ่งเร็วยิ่งดี ลูกเขยดีๆแบบนี้ ชักช้าไปอาจก่อให้เกิดปัญหาได้ ”
หลิวม่านชิงยิ้มอย่างได้ใจ“ไม่รีบค่ะ ขอแค่เรารักกัน การแต่งงานช้าเร็วก็ต้องเกิดขึ้น”
“ผมหมายความว่า ถ้าแต่งงานกันเร็ว คุณก็จะได้มรดกสักก้อน”เซียวชุ่นยิ้มอย่างเรียบเฉย
สีหน้าของหลิวม่านชิงกับเซวเฉิงเปลี่ยนไปทันที
“นี่ไม่มีใครสั่งสอนคุณเลยหรือไง สาปแช่งพ่อผมแบบนี้ได้ยังไง?”เซวเฉิงพูดด้วยใบหน้ามืดมน
หลิวม่านชิง“พี่ ทำไมสามีพี่ถึงได้พูดจาอะไรแบบนี้……?”
เหยาเสินก็จ้องเขม็งเซียวชุ่นด้วยความประหลาดใจเช่นกัน
ไอ้บ้านี่กำลังพูดบ้าอะไรอยู่ ? ! นี่เขาไม่รู้เลยหรือไงว่าตอนนี้สถานการณ์มันเป็นยังไง ? คำพูดสาปแช่งคนให้ตายแบบนี้ยังพูดออกมาได้
เถียนเมิ่งหยุนพูดกับหลิวหยุนเซียงด้วยใบหน้าเขียวปั้ด“ลูกเขยบ้านนี้เขาพูดกันอย่างนี้เหรอ นี่เป็นครั้งแรกที่เซวเฉิงมาเจอกับญาติๆของเรา ทำไมพออ้าปากได้ก็แช่งชักหักกระดูกคนอื่นแบบนี้ ไม่ไหวเลยจริงๆ!”
“เซียวชุ่น ใครใช้ให้คนอย่างแกพูดกัน ที่นี่ใช่ที่ที่แกจะมาพูดจาเหลวไหลแบบนี้เหรอ ? หุบปากเน่าๆของแกซะ!นี่ยังขายหน้าไม่พอหรือไง!”แม้หลิวหยุนเซียงจะไม่ค่อยลงรอยกับเถียนเมิ่งหยุนเท่าไร แต่ยังไงก็เป็นคนตระกูลหลิว อีกทั้งต่อหน้าคนเยอะแยะแบบนี้ จะไปทนกับคำพูดพล่ามเหลวไหลของเซียวชุ่นได้ยังไงกัน
“จะปล่อยให้มันไปง่ายๆแบบนี้ได้ยังไงกัน !”
เซียวชุ่นขำพรืดออกมา ลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ ดวงตากวาดมองทุกคนอย่างรวดเร็ว
“ขอโทษนะ? ผมไม่ได้พูดอะไรผิด ทำไมต้องขอโทษ ? หากหนึ่งเดือนผ่านไปแล้วเขายังมีชีวิตอยู่ งั้นผมจะไปคุกเข่าขอโทษที่หน้าประตูด้วยตัวเอง แล้วถ้าที่ผมพูดมันคือเรื่องจริงล่ะ พวกคุณจะว่ายังไง ?”
“เซียวชุ่นหุบปาก!”
และแล้วเหยาเสินก็ทนไม่ได้เอ่ยปากพูดออกไป
ไอ้สวะนี่ยิ่งอยู่ก็ยิ่งกำแหงมากขึ้น ถึงเธอจะเคยเห็นภาพที่เขาช่วยชีวิตเด็กน้อยมาแล้วถึงสองครั้งสองครา แต่เรื่องที่จะเกิดขึ้นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าจะไปเอาแน่เอานอนได้ที่ไหนกัน
เรื่องนี้ยังไม่ต้องพูดถึง แต่ต่อหน้าคนมากมายมาพูดถึงเรื่องแบบนี้มันเหมาะสมแล้วหรือ
“เหลวไหล ตอนผมอยู่ต่างประเทศมีหมอส่วนตัว กลับมาที่นี่ก็เข้ารับการตรวจสุขภาพประจำ ร่างกายแข็งแรงดีไม่มีปัญหาอะไร!”เซวเฉิงกล่าว
“อ้อ ? งั้นเหรอ ? ถ้าอย่างนั้นระยะเวลาเดือนหนึ่ง มาเดิมพันกันเป็นไง ?”เซียวชุ่นพูดแล้วยกยิ้ม
“เดิมพันยังไง?” เซวเฉิงจ้องเขม็งอย่างโกรธเคือง
“หากภายในหนึ่งเดือน คุณเป็นโรคที่รักษาไม่หาย ถือว่าผมชนะ ผมขอทรัพย์สมบัติของครอบครัวคุณครึ่งหนึ่งเป็นยังไง ?”
เพราะเซวเฉิงยังเด็กและแข็งแรง ในตอนนี้ไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้น ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันว่า“แล้วถ้าคุณแพ้ล่ะ?”
เซียวชุ่นพูดเสียงเรียบว่า“ ฉันไม่มีทางแพ้หรอก”
ไอ้บ้านี่มันกำแหงเกินไปแล้ว !
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊
ไม่อัพต่อแล้วเหรอครับ...