เซวเฉิงรู้สึกหวาดกลัว แม้จะไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อน แต่อย่างน้อยก็เคยได้ยินวีรกรรมของเขามาบ้าง เห็นว่ามีครั้งหนึ่ง ต่อหน้าสาธารณชนและสื่อมากมาย เขาตบหน้ารองนายกเทศมนตรีในตอนนั้น หลังเกิดเรื่องขึ้นก็ยังปิดข่าวจบเงียบ ทำให้เห็นว่าอำนาจและอิทธิพลของตระกูลซ่งในเจียงไห่นั้นยิ่งใหญ่แค่ไหน
ในตอนที่ทุกคนกำลังตื่นกลัวอยู่นั้น ก็มีอีกบุคคลหนึ่งปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน
บุคคลนี้ดูไม่คุ้นหน้าเอาซะเลย แต่งกายด้วยเสื้อผ้าราคาแพง สุภาพและสง่างาม แต่ใบหน้านั้นอิดโรย ดวงตามัวหมอง ราวกับคนอดหลับอดนอนมาหลายวัน
เขาเหลือบมองไปยังห้องรับรองด้านใน ทันใดนั้นดวงตาก็มีประกายขึ้นมา กล่าวว่า“หมอเทวดาเซียว เป็นคุณเองเหรอ ?”
นอกจากเซียวชุ่นกับเหยาเสินแล้ว ทุกคนในตระกูลหลิวต่างก็ตกตะลึง จ้องมองหน้ากัน ได้แต่หันมองดูกันไปมา
ลูกเขยขยะของตระกูลเหยาจู่ๆก็กลายมาเป็นหมอเทวดาเซียวได้ยังไง ?
นี่มันน่าทึ่งเกินไปแล้ว พวกเขายังไม่มีใครเชื่อในสิ่งที่ตัวเองต่างได้ยินเมื่อครู่
คนที่มาคือหวางเฟิง หุ้นส่วนคนสำคัญของตระกูลซ่ง ได้ข่าวว่าหวางเฟิงประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ตระกูลซ่งได้ส่งผู้มีอำนาจอันดับสองมาช่วยหวางเฟิงจัดการเรื่องต่างๆในเจียงไห่เป็นพิเศษ และวันนี้ก็พาเขามาที่หอตี้หวางเพื่อเลี้ยงต้อนรับเขาโดยเฉพาะ
แม้หวางเฟิงจะเพิ่งประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์มา และเมื่อคืนก็อยู่ดูแลลูกสาวจนดึกดื่น เหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก แต่ก็ยากที่จะปฏิเสธคำเชิญนี้ได้ จำต้องไปตามที่นัดหมาย
เซียวชุ่นยกยิ้มเล็กน้อย“ใช่ครับ ช่างบังเอิญจริงๆ ผมกับญาติๆมาทานอาหารกันที่นี่ ก็ยังมาพบคุณได้”
“ยังไงกันครับ ? ประธานหวางรู้จักเขาเหรอครับ?”ซ่งเหลียงห่ายถาม
“ไม่ใช่แค่รู้จักครับ หมอเทวดาเซียวคนนี้เป็นคนที่ผู้ช่วยชีวิตลูกสาวของผมเอง หนำซ้ำยังช่วยถึงสองครั้งด้วย !”
“โอ้ นี่มันคนบ้านเดียวกันมีเรื่องเข้าใจผิดกันเพราะไม่รู้จักกันนี่เอง เพื่อนของประธานหวางก็คือเพื่อนของผมซ่งเหลียงห่ายเหมือนกัน ทุกๆคนเชิญนั่งเถอะครับ ค่าอาหารวันนี้ผมขอเลี้ยงเอง”
ซ่งเหลียงห่ายเป็นกันเองอย่างที่สุด พูดอย่างฉะฉานและตรงไปตรงมา
เขาหันไปหาผู้จัดการคนสวยและพูดว่า“ภายในสามนาที เตรียมห้องรับรองใหม่ให้ผม ไม่ว่าจะเป็นใคร หากไม่ฟังก็จับมันโยนออกไป ”
ผู้จัดการคนสวยพยักหน้ารับในทันที แล้วจากไปอย่างรวดเร็ว
“ถ้าอย่างนั้น……หมอเทวดาเซียว เราไม่รบกวนเวลาอาหารของคุณกับญาติๆแล้วกัน ไว้วันไหนผมจะมาขอบคุณเป็นการส่วนตัวอีกครั้งนะครับ”หวางเฟิงกล่าว
เซียวชุ่น“ได้ครับ ไว้เจอกันครับ”
หลังจากที่หวางเฟิงกับซ่งเหลียงห่ายจากไปแล้ว ภายในห้องก็ยังคงเงียบสงบ อยู่แบบนั้นครู่หนึ่ง
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ทุกคนยังไม่หลุดออกจากภวังค์
นอกจากจะตกใจแล้ว สายตาของทุกคนในห้องนี้ต่างก็มองมาที่เซียวชุ่นอย่างพร้อมเพรียงกัน
เห็นเพียงเขาที่มีท่าทีราวกับไม่รู้ร้อนรู้หนาว หยิบแก้วไวน์ที่หรูหราบนโต๊ะเล่นราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“พี่ พี่ได้ยินใช่ไหม ? คนเมื่อกี้เขาเรียกเซียวชุ่น หมอเทวดา……?”เศษสวะที่ทุกคนต่างพากันเรียกขานแต่เป็นหมอเทวดาของคนใหญ่คนโต หลิวหยุนห่ายเอ่ยถามอย่างไม่เชื่อสายตา
“เขานี่เหรอ ? หมอเทวดาบ้าบอนะสิ เหลวไหลแล้ว เขารักษาหนูน้อยคนนั้นเป็นเรื่องจริง แต่มันก็แค่โชคดี หรือเพราะความบังเอิญเท่านั้น”หลิวหยุนเซียงพูดอย่างไม่เห็นด้วย
เซียวชุ่นอยู่ตระกูลเหยามาสามปี หลิวหยุนเซียงคิดว่าตัวเองรู้จักเขาเป็นอย่างดี ไอ้เศษสวะคนนี้นอกจากทำอาหารซักผ้า ทำความสะอาดบ้านแล้ว ก็เป็นคนซื่อและไม่พูดไม่จา เป็นคนขี้ขลาดตาขาวไร้ความสามารถ จะเป็นหมอเทวดาได้ยังไง
ส่วนเหยาเสินเองเคยเห็นเซียวชุ่นรักษาเด็กหญิงตัวน้อยคนนั้นกับตามาแล้ว ความรู้สึกในตอนนั้นสำหรับเธอมันเหลือเชื่อเกินไป จนตอนนี้ เธอก็ยังไม่แน่ใจว่าในตอนนั้นมันเป็นภาพลวงตาหรือเปล่า
แม้สุดท้ายแม่หนูคนนั้นจะฟื้นขึ้นมา แต่ก็ยังให้ความรู้สึกมึนงงกับเธออยู่ ราวกับล่องลอยอยู่กลางอากาศ ว่างเปล่า
แน่นอนว่า ต่อให้เซียวชุ่นจะรู้เรื่องวิชาแพทย์จริง แค่การรักษานี้ก็ยังห่างไกลกับคำว่าหมอเทวดาอยู่ หรืออาจเพราะหวางเฟิงคิดว่าเขาช่วยชีวิตลูกสาวตัวเอง จึงพูดจาเยินยอก็เท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊
ไม่อัพต่อแล้วเหรอครับ...