เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊ นิยาย บท 223

หลังจากนั้นไม่กี่วัน เซียวชุ่นได้รับโทรศัพท์จากเหล่าฉินแผนกช่างเทคนิคสตาร์ไบท์บีโอ

เหล่าฉินชื่อจริงๆว่าฉินโป๋ อายุประมาณราวๆสี่สิบ เป็นช่างเทคนิคคนเก่าแก่ ตอนสมัยหนุ่มก็ทำงานเป็นช่างเทคนิคในสาร์ไลท์บีโอ เนื่องด้วยเวลาผ่านไปหลายชั่วฤดู เขานั้นก็ผูกพันกับสตาร์ไลท์ เมื่อรู้ว่าสตาร์ไลท์เปิดใหม่ เขาจึงเลือกที่จะกลับมา

เซียวชุ่นนั้นตอนแรกรีบไปทักทายช่างเทคนิคทั้งสองคน และก็นับว่ารู้จักกันดีแล้ว

“ท่านประธานเซียว ได้ยินมาว่าเหยาเสี่ยวหยูคนที่จะมาใหม่ใช่น้องสาวของท่านประธานเหยาไหม จริงๆใช่ไหม?”ฉินโป๋โทรมาถาม

“ใช่ ลูกพี่ลูกน้อง ทำไมหรอ?”

“ช่วงนี้เธอมักจะชอบถามเกี่ยวกับสูตรวัตถุดิบของพวกเรา……”ฉินโป๋พูดอ้ำอึ้ง เพราะเป็นลูกพี่ลูกน้องของท่านประธานเหยา เขานั้นก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยมากนัก

อีกทั้งเหยาเสี่ยวหยูเพิ่งจะจบมาได้ไม่นาน เพราะเขามีประสบการณ์ไม่เยอะ ไม่แปลกใจเลยทำให้ฉินโป๋อดไม่ได้ที่จะสงสัย

เซียวชุ่นก็ไม่คิดว่าเธอนั้นจะแสดงออกมาได้เร็วขนาดนี้ มองดูแล้วตระกูลเหยาน่าจะเร่งรีบมากๆ

เขานั้นอยากจะแตะตระกูลเหยา เพราะจะฆ่ามดตัวนึงให้ตายนั้นง่ายมาก แต่ว่าเหยาเสินนั้นไม่ได้เกลียดคนบ้านตระกูลเหยา เพราะพวกเขายังต้องคำถึงความรู้สึกคนอื่นๆด้วย

ก็ได้ งั้นก็ลองมาดูว่าตระกูลเหยานั้นจะทำอะไรได้บ้าง

“เธออยากได้สูตรก็ให้เธอไปสิ แต่ว่าอย่าให้เธอได้รับมันไปง่ายๆก็พอแล้ว ” เซียวชุ่นเอ่ยอย่างมีความหมายนัยๆแล้วหัวเราะ

ฉินโป๋แอบตกใจเล็กน้อย ก่อนที่จะเข้าใจความหมายที่เซียวชุ่นเอ่ย“รับทราบครับ ท่านประธานเซียว”

เมื่อวางโทรศัพท์ลง เซียวซุ่นได้แต่ส่ายหัว

เพราะสูตรของบริษัทสตาร์ไลท์นั้นเป็นสูตรเฉพาะของบริษัท เพราะของนั้นก็เหมือนๆกันน้ำตาล หากหยิบมาเปล่าก็ไร้ประโยชน์ แต่ว่ายังไงสะก็สามารถที่จะเห็นอะไรดีๆออก มันก็มีผลไม่เลว

ในตอนที่หลิวหยุนเซียงพูดคุยกับน้องสาวแล้วก่อนที่จะเอ่ยกันจนมาถึงเรื่องหุ้นของซิงเหอ คีเอเจอร์

แน่นอนว่าเธอไม่อยากให้เหยาเสินทั้งสองคนนั้นมีปัญหาทางด้านความรู้สึก หากแต่ว่ามีล่ะ

แต่ว่าเธอนั้นมองเห็นเซียวชุ่นยื่นเช็กเงินสดยี่สิบล้านให้เหยาเสิน ก่อนที่จะแน่ใจว่าเช็กนั้นได้อยู่ในมือของเหยาเสินจริงๆ

แต่ว่าความปรารถนาของคนนั้นไม่มีที่สิ้นสุด อีกทั้งบริษัทซิงเหอ คีเอเจอร์ยังจะดีขนาดนี้ หากเป็นจริงล่ะก็อาจจะทำเงินได้ถึงกี่สิบล้าน หรือกี่ร้อยล้าน

เธออยากให้เหยาเสินนั้นคว้าจับสิ่งของให้เยอะๆภายในมือ ไม่เพียงแต่จะเป็นหลักประกันให้เธอแล้ว อีกทั้งยังเป้นหลักประกันการแต่งงานระดับนี้ด้วย

แน่นอนว่านอกจากจับเงินแล้ว จับใจนั้นก็สำคัญมากนะ

หลิวหยุนเซียนช่วงนี้เขาก็ชอบพูดถึงเหยาเสิน อยากให้เธอกล้าๆหน่อย ให้รีบๆมีลูก แต่ส่วนมากแล้วเหยาเสินจะทำได้แค่ยิ้มๆตอบ ราวกับว่าคำพูดเหมือนสายลมไปสะงั้น เธอจึงทำได้แค่เร่งๆเธอ

ในช่วงนี้ที่กินข้าวเย็น เซียวชุ่นหลังจากที่ดูโทรทัศน์เสร็จแล้วก็มักจะเข้าไปในห้องอ่านหนังสือเพื่อเล่นคอม

ในตอนที่เล่นจนเข้าขาได้อารมณ์นั้น หลินหยุนเซียงก็เคาะประตูและเดินเข้ามา ภายในมือเต็มไปด้วยผลไม้ ก่อนที่จะเอามาวางไว้ข้างๆโต๊ะอ่านหนังสือ

“ฉันหั่นผลไม้ให้แล้ว เล่นคอมให้มันน้อยๆหน่อย มันไม่ดีต่อสายตานะ”

“ขอบคุณครับแม่”

เซียวชุ่นเอ่ยขอบคุณอย่างไม่ใส่ใจ เพราะช่วงนี้หลินหยุนเซียงมักชอบทำตัวแปลกๆราวกับเหมือนมีอะไร เขานั้นก็รู้สึกว่าเธอมีอะไรที่อยากจะพูด แต่ว่าเอาแต่เก็บไว้ข้างในไม่ยอมเอ่ย

”ในตอนนี้เขาเห็นเธอวางจานผลไม้ไว้ แล้วยืนอยู่ตรงนั้นอย่างลังเล เซียวชุ่นจึงหยุดเกมลง ก่อนที่จะหันหลังไปถาม “แม่ มีเรื่องอะไรหรอ?”

“อันนั้น……ลูกเขย ฉันมีเรื่องอยากจะปรึกษาน่ะ”

หลิวหยุนเซียงพูดอ้ำอึ้ง และไม่คุ้นชิน เซียวชุ่นตอนนี้ที่ได้เข้ามาอยู่ในคฤหาสน์ ก็รู้ดีว่าเซียวชุ่นนั้นเป็นคนออกเงินซื้อบริษัทมา อีกทั้งพวกยี่สิบล้านบาท ครอบครัวเดียวกัน แต่ถึงเธอจะหน้าหนาแต่ก็ยากที่จะพูดออกมา

“มีเรื่องอะไร รีบพูดมาเถอะครับ”

เซียวชุ่นเอ่ยยิ้มๆ เมื่อก่อนเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะว่าหลิวหยุนเซียงจะมีช่วงเวลาที่ยากที่จะเอ่ยมาเหมือนกัน

“พวกเราคนบ้านเดียวกัน ยังฉันจะไม่แอบซ่อนอะไรแล้ว มีเรื่องก็พูดเลยล่ะกัน” หลิวหยุนเซียงกัดฟันพูด

“เรื่องหุ้นส่วนของบริษัท หุ้นพวกนี้ตอนนี้มันอยู่ในมือของเธอใช่มั้ย ฉันคิดในเมื่อเธอนั้นคือสามีของเหยาเสิน หากพูดตามจริงคงไม่ต้องแยกชัดเจนขนาดนั้น ฉันมองแล้วเหยาเสินนั้นทำงานให้บริษัทยุ่งทั้งนั้น ฉันกลัวว่าในอนาคต……พวกคุณ……”

ทันใดนั้นเซียวชุ่นก็เข้าใจความหมายของเธอ ก่อนจะเอ่ยอย่างชิวๆ“คุณอยากให้ผมโอนหุ้นไปเป็นชื่อของเหยาเสินใช่ไหม?ไม่มีปัญหานะ”

หลิวหยุนเซียงได้ยินดังนั้นก็งุนงง ก่อนที่ใบหน้าจะเผยให้เห็นร้อยยิ้มที่เจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่ามีกระดาษ A4 ก่อนเอ่ย “คุณดู นี่เป็นเอกสารที่ฉันไปให้คนอื่นเขาดูเรื่องการโอนหุ้น คุณเซ็นทีสิ”

เซียวชุ่นยิ้มๆ เพราะเดิมทีนั้นเขาได้เตรียมไว้ตั้งแต่แรกแล้ว

หลิวหยุนเซียงรีบอธิบายต่อ “นี่เป็นความคิดของฉัน เหยาเสินไม่รู้เรื่องด้วย ฉันกับเหล้าเหยานั้นแก่แล้ว ไม่อยากให้พวกคุณมีปัญหาเรื่องความรู้สึกอะไรกัน ฉันทำแบบนี้ คุณคงเข้าใจใช่ไหม?”

เซียวชุ่นยิ้มเรียบ “เข้าใจรับ เข้าใจครับ ไม่มีปัญหา ผมจะเซ็น”

เขาอ่านสแกนเอกสาร หลิวหยุนเซียงนั้นค่อนข้างที่จะรอบคอบ ต้องการเพียงแค่หุ้นสี่สิบเปอร์เซ็นต์ ภายในใจอดไม่ได้ เพราะไม่ต้องพูดถึงสี่สิบเปอร์เซ็นต์เลย ทั้งหมดนั้นให้เหยาเสินก็ไม่มีปัญหา

จริงๆนั้นเขามองการแสดงนี้ออก

เพราะสูตรของบริษัทนั้นอยู่ในมือตนเอง ถึงแม้เหยาเสินจะเอาหุ้นทั้งหมดไปแล้วจะมีประโยชน์อะไร เขานั้นสามารถที่จะสร้างบริษัท ซิงเหอ คีเอเจอร์ อีกบริษัทนึงก็ได้ อีกทั้งยังจะสามารถทำสูตรที่ดีกว่าได้ด้วย

แต่สูตรพวกนี้เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะซ่อนแอบจากเหยาเสิน แต่หากคนรู้น้อยมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ไม่เพียงแต่จะเป็นสูตร คนก็ด้วย

ถึงแม้ปกติซ่งหลิงเอ๋อร์จะลองใช้สูตรของยาโคลน แต่ว่าเด็กน้อยนั่นก็ไม่รู้อยู่ดีว่าตัวเองนั้นฝึกฝนไปเพื่ออะไรกัน

เซียวชุ่นหยิบปากกาขึ้นมาอย่างไม่ลังเล ก่อนที่จะรีบเซ็นชื่อตัวเองลงไป

หลังจากตอนนี้หลิวหยุนเซียงเห็นเซียวชุ่นใช่หมึกแดงประทับลายมือ ความดีใจของเธอนั้นก็แทบจะตกไปที่ท้อง ยิ้มอย่างสบายใจก่อนที่จะเดินออกไปจากห้องอ่านหนังสือ

……

ถังชือชือด้วยหน้าตาที่สวยงามนั้นค่อยๆโผล่จากผ้าห่ม ก่อนที่จะบิดร่างกาย แล้วส่งเสียงแห่งความเกียจคร้านออกมา

ยังไงสะเตียงที่บ้านก็สบายที่สุด แต่ว่าสบายก็ควรสบาย แต่ว่าไม่มีอิสระเท่าอยู่ข้างนอก เธอนั้นไม่อยากเป็นนกขมิ้น เธออยากจะเป็นนกหงส์ที่มีความทะเยอทะยาน ถึงแม้จะไม่โดดเด่นมาก็ตาม

“พี่สาวตื่นแล้วหรอ?”

เล่อเหวินดึงม่านออก ก่อนที่จะปล่อยให้แสงแดดนั้นสาดส่องเข้ามา ภายด้านนอกนั้นเป็นสวนย่อมขนาดเล็ก มีทั้งพวกต้นไม้สีเขียวแดง อีกทั้งยังมีดอกไม้เต็มไปหมด

ถังชือชือตบไปที่ข้างๆ ก่อนที่จะเลิกคิ้วขึ้นแล้วเอ่ยอย่างแกล้งเล่น“เสี่ยวเหวินเหวินมานอนกับพี่สาวอีกสักนิดสิ”

เล่อเหวินเพิ่งจะอายุสิบเจ็ด ก่อนที่ใบหน้าเปลี่ยนเป็นร้อนผ่าว “พี่สาว พี่เป็นถึงคุณหนูพันล้าน จะเป็นไปได้ยังไงกัน ”

“จุ๊ ไม่มีอารมณ์เลยจริงๆนะ” ถังชือชือกลอกตาขาวใส่เธอ

“รีบตื่นขึ้นมากินอาหารเช้าได้แล้ว หากช้าอีกคุณปู่จะต้องขึ้นมาสั่งสอนแน่ๆ” เล่อเหวินเอ่ยก่อนจะเอามือปิดปาก

ถังชือชือเบะปาก ก่อนที่จะค่อยๆลุกจากเตียง แล้วไปล้างหน้าง่ายๆ ไม่ได้แต่งหน้า แต่ก็ยังคงความสวยไว้อยู่

ในตอนที่ยังไม่ลงบันได เธอได้เห็นผู้ชายคนหนึ่งนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่โซฟา ผมของเขาได้เซ็ทมาอย่างดี และสวมแว่นที่มีแค่ครึ่งขอบ มองดูแลสุภาพมาก

“อาสาม?ทำไมวันนี้มาสะเช้าจัง?”ถังชือชือเอ่ยทักทายอย่างตกตะลึงนิดๆ

เขาคือคุณอาคนที่สามของถังชือชือ ถังจื้อ ที่อ่อนกว่าพ่อของเธอไม่กี่ปี ปีนี้ราวๆจะห้าสิบแล้ว มองไปแล้วเหมือนกับสามสิบยังไงอย่างงั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊