เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊ นิยาย บท 224

“สาวสวยตื่นแล้วหรอ?”

ถังจื้อเอ่ยทักทาย“ฉันมาหาพ่อของเธอมีธุระสักหน่อย”

“พ่อของฉันยังไม่ลงมาอีกหรอ?”

ถังเฟยเฟยรู้สึกประหลาดใจ เพราะปกติพ่อของเธอตื่นแต่เข้า แล้วจะไปออกกำลังกายหมัดไทเก๊ก วันนี้เกิดอะไรขึ้น?

ถังจื้อไม่รู้ก่อนที่จะยักไหล่ เพราะเขาก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน

ข้าวเช้าที่อุดมสมบูรณ์ได้ขึ้นโต๊ะแล้ว ถังชือชือเดินเข้าไปที่โต๊ะอาหารแล้วนั่งลง ก่อนที่จะดื่มนม “อาสาม ยังไม่ได้กินข้าวเช้ามาใช่ไหม มากินด้วยกันสิ”

ถังจื้อไม่เกรงใจอีก ก่อนที่จะวางหนังสือพิมพ์ เดินไปก็แกล้งเล่นไป“มาตั้งแต่เช้าก็เพื่อมาขอกินข้าวเช้าเลยนะเนี่ย”

แต่บ้านตระกูลถังนั้นมีกฎ หากถังหลี่ไม่ลงมา ทั้งสองคนจึงทำได้แค่ดื่มนมไปก่อน ไม่มีใครแตะตะเกียบ

หลังจากนั้นสองสามนาที ถังชือชือก็มองเห็นพ่อของเธอค่อยๆประคองแม่ของเธอเดินลงมาจากบันไดอย่างช้าๆ

เหยียนหยิงอายุสี่สิบต้นๆ ดูแลตัวเองได้เป็นอย่างดี มองดูแล้วเด็กราวๆกับถังชือขือยังไงอย่างงั้น ร่างกายสวยงาม ผิวหน้าเต่งตึง

“พ่อ นี่มันยังไงกัน?” ถังชือชือเอ่ยถามอย่างกังวลใจ

ดวงตาของถังหลี่เต็มไปด้วยเส้นเลือด ดวงตาบวมแดง และถุงใต้ตาหนักมาก บวมราวกับลูกท้อลูกเล็กๆๆ

เหยียนหยิงพยุงถังหลี่นั่งลง ก่อนที่จะสะบัดมือให้ทั้งสองคน“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก อย่ากังวลไปเลย เมื่อรู้สึกคันๆ ฉันไม่ได้สนใจหรอก พอดีเมื่อวานเริ่มคันๆอีก ตอนเช้ามาก็เป็นสะอย่างงี้แล้ว น่าจะเป็นเยื่อบุตาอักเสบ เดี๋ยวสายๆหน่อยจะให้หมอเข้ามาดูนะ”

ก่อนที่ถังชือชือจะเอ่ยเรื่องที่เขาพบเจอกับพวกคนอันตพาลในเมืองเจียงไห่ขึ้น

ภายในใจของเธอนั้นอึดอัด มือเย็นๆของเธอกำแน่น ก่อนที่จะหันหน้าไปสบตากับเล่อเหวิน

พ่อของเธอนั้นได้มีอาการโรคหัวใจวายก่อนเธอสองปี เป็นไปได้ไหมที่เจ้าบ้านั่นจะพูดถูก?

เล่อเหวินขมวดคิ้ว ก่อนที่จะมองไปที่เธอ ภายใต้เบื้องหน้าของพ่อ เธอยังรู้วิธีที่จะเงียบสงบ เพราะที่นี่ไม่มีที่ให้เธอพูด

“วันนี้มาทำอะไรที่นี่แต่เช้าเลยคุณ มีเรื่องเร่งรีบอะไรล่ะ?”ถังหลี่มองไปที่ถังจื้อและเอ่ยถาม

“ดูคุณพูดเข้า ไม่มีเรื่องก็ไม่สามารถจะมาหาพี่ชายได้แล้วหรือไงกัน?”

ถังจื้อนั้นอายุสี่สิบกว่าแล้วยังเหมือนเด็ก นิสัยร่าเริง ปกติแล้วชอบยิ้ม แต่ในเรื่องสำคัญนั้นเขาไม่ได้เอ่ยทำอะไรเลอะเทอะ ดังนั้นถังหลี่จึงนับถือเขานั้นเหมือนน้องชายคนหนึ่ง

ถังหลี่เอ่ยต่อ “เจ้า? มาดูข้าโดยเฉพาะหรอ ลองทายสิว่าฉันจะเชื่อไหม?”

ถังจื้อยิ้มหยี๋ ก่อนจะพูด“ ท่านประธานหลินไปที่เจียงไห่เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องการซื้อบริษัทซิงเหอ คีเอเจอร์”

ถังชือชือได้ยินเจียงไห่ ก่อนที่ภายในใจเผยให้เห็นแสงสว่างขึ้นมา

“อ้อ มีข่าวมาแล้วหรอ?”

“ไม่มี โดนคนตีแล้ว” ถังจื้อเอ่ยยิ้มหัวเราะ “ ผู้จัดการหลินของพวกเรามองดูแล้วเขาจะเป็นคนที่ถือตนสูงอยู่นะ รอบนี้เกรงว่าพวกเราจะทำให้เธอนั้นเสียเวลาไปสะเปล่า”

ถังหลี่ตะลึงครู่หนึ่ง ก่อนที่จะไม่ได้ฟังคำหลังที่เขาพูด ขมวดคิ้วและเอ่ย:“ทำไมถึงไปโดนใครตีมา?ใครกันเป็นคนทำ?”

”ถังจื้อได้ยัดขนมปังเข้าไปในปากก่อนเอ่ย “คนที่ไปกับเธอกลับมารายงานว่า เป็นประธานขอบริษัทซิงเหอ คีเอเจอร์เป็นคนตีพวกเขา”

เมื่อได้ยินเขาแนะเรื่องที่เกี่ยวกับบริษัทซิงเหอ คีเอเจอร์แล้ว รวมถึงเรื่องในคลับ ถังจื้อนั้นดูเหมือนก็จะไม่ได้ทราบอะไร

เมื่อได้ยินเขาพูดจบ ถังหลี่นั่นได้นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยนิ่งๆ“เปลี่ยนคนไปคุยสิ เอาความจริงใจไป เรื่องราคาไม่ใช่ปัญหา”

“จะไปคุยอีกหรอ?หากให้ผมพูด……”

ถังจื้อพูดได้ครึ่งนึงก็ได้เห็นถึงสายตาที่จ้องมาของถังหลี่ ก่อนที่จะรีบกลืนคำที่เหลือไปและเอ่ยอย่างไม่ค่อยพอใจ “ได้สิ ผมฟังพี่อยู่แล้ว”

“พ่อ คุณอาสาม ไม่งั้น ให้ฉันไปลองเป็นไง?”ถังชือชือเอ่ยตอบ

“ฉันจะพูดยังไงแต่ก็เป็นครอบครัวเดียวกันของตระกูลถัง นี่คงจะเป็นเรื่องดีที่จะทำให้ตระกูลนะ?”

หนึ่งเพราะเธอนั้นไม่ชอบที่จะอยู่แต่บ้าน สองเพราะเธอนั้นก็อยากจะไปลองเจอหมอนั่น แต่ว่าต้องรอคุณหมอไป๋มารักษาอาการพ่อก่อน ว่าสรุปมันเป็นอะไรกันแน่

“หลานสาว ไม่เป็นไรหรอก ที่เมืองเจียงไห่ มันยากจนนะ เจ้าคงรับความทรหดไม่ได้หรอก”ถังจื้อเอ่ยยิ้มหัวเราะ

“อีกทั้งเจ้ายังไม่ประสบการณ์ในการเจรจา การจะซื้อบริษัทซิงเหอ คีเอเจอร์มารวมกับคุนหลุนกรุ๊ปนั้นเป็นเรื่องใหญ่ ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลยนะ”

ถังชือชือแม้จะจบมาจากต่างประเทศ แต่ถังจื้อก็พอจะทราบ ว่าเธอนั้นเอาแต่กินเที่ยวเล่นในต่างประเทศ ถึงแม้จะเรียนรู้ทุกอย่าง แต่ว่ากลับมาก็ไม่เคยไปงานร่วมธุรกิจ ประสบการณ์ก็ไม่มี แล้วจะไปทำเรื่องใหญ่แบบนี้ได้ยังไง?

ถังหลี่ลังเล เพราะตระกูลถังในเมืองหลวงนั้นเป็นตระกูลใหญ่ และไม่ใช่แค่เขาคนเดียว แต่นี่เป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดมากๆอีกด้วย

เขารู้ดีว่าหากสามารถที่จะซื้อซิงเหอ คีเอเจอร์มาได้จะมีรสชาติยังไง แน่นอนว่ามันจะต้องทำให้เขานั้นอยู่ยืนยาวเป็นนิรันดร์แน่ๆ

ตั้งแต่ถังชือชือกลับมาเธอนั้นปฏิเสธมาตลอดในงานของบริษัทคุนหลุนกรุ๊ป แต่เรื่องนี้เธอกลับเสนอตัวเอง

เขามีลูกสาวเพียงคนเดียว หากเรื่องนี้ถังชือชือทำสำเร็จ ถังชือชือจะต้องมีตำแหน่งในบริษัทแน่ๆ และหากในอนาคตจะให้เธอมาสานต่อ คนอื่นๆก็คงจะไม่มีความเห็นอื่นๆ

“ลูกยินยอมที่จะไปจริงๆหรอ?”ถังหลี่เอ่ยมองและถามถังชือชืออย่างจริงจัง

“ยินยอมสิ” ถังชือชือกะพริบตาแล้วเอ่ยตอบ

“งั้นก็ได้”

ถังหลี่หันไปเอ่ยกับถังจื้อ “คุณจัดการหาคนไปช่วยถังชือชือให้ไปกับเธอหน่อยก็แล้วกัน”

“พี่ชาย……คุณก็รู้ว่าเรื่องนี้มันสำคัญต่อพวกเรามากแค่ไหน ชือชือนั้นเด็กเกินไป ผมกลัวว่า……”ถังจื้อร้อนรนขึ้นมา และไม่รู้ว่าจะต้องเอ่ยยังไงต่อ

“คุณอาสาม,ทำไมลุงถึงไม่มองหนูให้ดีๆล่ะ?”ถังชือชือเอ่ยออกมาอย่างหน้ามุ่ย

“คุณอาสามไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้น งั้นก็ได้ ฉันจะจัดการให้ก็แล้วกัน” ถังจื้อเอ่ยอย่างหมดหนทาง และก็ไม่มีอารมณ์ที่จะกินต่อ ก่อนจะเอ่ยทิ้งท้าย “ผมจะไปจัดการเตรียมคนให้เดี๋ยวนี้” หลังจากนั้นก็รีบลุกเดินจากไป

“ภาพซ้อน ฉันมองไม่เห็นอะไรชัด” เหยียนหยิงเอ่ยพูด

“ไม่อย่างงั้นก็ไม่ต้องประคองผมลงไปข้างล่างหรอก”

“เรื่องเล็กน้อยนะ หากเป็นคุณ ไปที่เจียงไห่รอบนี้คุณเชื่อมั่นไหม?”ถังหลี่สะบัดมือ ก่อนจะพูดเสียงต่ำ “จำเอาไว้ เพียงแค่ให้ฝั่งตรงข้ามเสนอราคา แค่นี้ก็พอจะไปต่อไปแล้ว”

“มันใหญ่ขนาดนั้นเลยหรอ?” ถังชือชือมองไปที่ถังหลี่ก่อนจะเอ่ยพูดเปลี่ยนคำและขมวดคิ้ว “ไม่ใช่ ฉันหมายถึง จำนวนเงินเท่าไหน มากสุดเท่าไหร่”

“หนึ่งหมื่นล้าน”

ถังชือชือตกใจจนเอามือปิดปาก และเผยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อเลย“บริษัทอะไรกันที่จะแพงถึงหมื่นล้าน? เพราะบริษัทของตระกูลถังของเราคุนหลุนกรุ๊ปในราคาตลาดทั้งหมดยังแค่หกพันล้าน พ่อจะไปเอาเงินสดหมื่นล้านนี้มาจากไหน?”

“เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องสนใจหรอก ที่พ่อต้องการมันไม่ใช่บริษัทเปล่าๆแน่นอน พ่ออยากจะได้ทีมที่วิจัยและสูตรยาต่างหาก เรื่องนี้ลูกต้องติดตามนะ” ถังหลี่เอ่ยอย่างจริงจัง

“หากไม่เข้าใจล่ะก็ให้ลองถามคนที่คุณอาสามจัดหาคนมาช่วยก็ได้ เรื่องนี้ต้องสำเร็จ พ่อจะให้ลูกพักร้อนหนึ่งปี อยากจะไปเที่ยวไหนก็ได้ พ่อจะไม่สนใจเลย”

สายตาของถังชือชือเปล่งประกาย ก่อนที่จะรีบพยักหน้า

ไม่กี่วันหลังจากนั้น ถังชือชือได้พาเล่อเหวินและลูกมือไม่กี่คนเดินทางออกจากเมืองหลวงไปยังเจียงไห่

แต่ว่าไม่กี่วันนี้อาการป่วยของถังหลี่นั้นไม่ได้ดีขึ้นเลย ถึงแม้จะไม่อันตรายถึงชีวิต แต่เมื่อคิดถึงคำที่เซียวชุ่นเอ่ยทิ้งไว้เขานั้นรู้สึกกระวนกระวาย หากเป็นตามที่เขาพูดจริงๆล่ะก็ ผิวหนังนั้นจะค่อยๆเน่าเปื่อยเสียไป จนกระทั่งเสียชีวิต

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊