เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊ นิยาย บท 226

สุดท้ายเหลือเพียงอนุชนสายตรงรุ่นหลังอย่างเหยาเจิ้นชู หยาวฮั่นเอ่ย : “คุณปู่ครับ ก่อนหน้านี้ปู่รับปากคุณอาเจี้ยนกั๋วว่าจะให้พวกเขากลับตระกูลเหยาไม่ใช่หรือครับ ? อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันที่ปู่สัญญาแล้ว ในเมื่อตอนนี้ได้ใบสั่งยามาอยู่ในมือแล้ว ยังจะให้พวกเขากลับมาอยู่ไหมครับ ?”

พอได้ยินชื่อเหยาเจี้ยนกั๋ว ใบหน้าชราของเหยาเจิ้นชูก็บึ้งตึงทันที เขาสัญญากับหลิวหยุนเซียงว่าจะให้พวกเขากลับมาตระกูลเหยาอีกครั้งโดยจะประกาศต่อหน้าลูกหลานของตระกูลเหยา

นึกถึงท่าทีคางคกขึ้นวอนั่นของหลิวหยุนเซียง เหยาเจิ้นชูก็จงเกลียดจงชังจนกัดฟันกรอด ๆ ด้วยความโกรธแค้น ไปขอโทษถึงบ้านด้วยตนเอง เป็นความอัปยศอดสูอันใหญ่หลวงของเขาผู้เป็นนายท่านตระกูลเหยาเลย

“ถึงตอนนั้นฉันจะเรียกลูกหลานของตระกูลเหยาให้มารวมตัว และก็จะให้ครอบครัวของเหยาเจี้ยนกั๋วเขาได้มีหน้ามีตา”

แม้ว่าถางชือชือไม่ได้ตกอยู่ภายใต้การถูกบังคับกลับรู้ขอบเขตและความเหมาะสม หลังจากถึงเจียงไห่พักผ่อนไปหนึ่งคืนก็บึ่งไปซิงเหอ คีเอเจอร์ทันที

เนื่องด้วยคราวก่อนมีประสบการณ์ที่ไม่สบายใจกับคุนหลุนกรุ๊ป เหยาเสินออกคำสั่งถ้าเป็นคนของคุนหลุนกรุ๊ปที่มาไม่อนุญาตให้ต้อนรับทั้งหมด ครั้นแล้วถางชือชือจึงถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าไป พลันกลับไปที่โรงแรมด้วยท่าทีที่ไม่มีความสุข

เปิดคอมพิวเตอร์เชื่อมต่อวิดีโอกับคุณพ่อ ประการแรกก็เพื่อรายงานสถานการณ์ของทางนี้ ประการต่อมาก็เพื่อดูอาการป่วยของเขาหน่อย

“ไม่เห็นแม้กระทั่งคน ?” ดวงตาของถังหลี่ที่อยู่ตรงหน้ายังคงบวมเป่งเหมือนกับลูกท้อ มองดูแล้วแทบจะปิดตาพูดอยู่เลย

“ใช่แล้วค่ะ คราวก่อนผู้อำนวยการหลินไปล่วงเกินคนเขาถึงที่อย่างไม่ลังเลเลยค่ะ” ถางชือชือนั่งไขว่ห้างอยู่บนเตียง ยักไหล่พร้อมกับเอ่ยด้วยใบหน้าจนปัญญา

“งั้นลูกคิดวิธีลงมือทำจากด้านข้างได้ สอบถามญาติพี่น้องหรือไม่ก็เพื่อนอะไรนั่นของเธอดูสิ”

“ใจตรงกันเลยนะคะคุณพ่อ อันที่จริงหนูก็คิดแบบนี้ค่ะ โอเค พ่อไม่ต้องห่วงแล้วล่ะค่ะ หนูจะคิดหาวิธีเอง หลัก ๆ แล้วหนูแค่อยากดูว่าตาของคุณพ่อเป็นยังไงบ้างแล้ว ดูท่ายังคงเป็นเหมือนเดิม ตาถังลำบากแล้วนะ” ถางชือชือเม้มปากเอ่ยด้วยความเจ็บปวดใจ

ถังหลี่เกาคอ หนังหน้ากระตุกเล็กน้อย : “เดี๋ยวนี้การรักษาโรคภัยไข้เจ็บพัฒนาขนาดนี้ นี่เป็นโรคเล็ก ๆ ไม่นานก็จะดีขึ้น เมื่อวานตาฉินเพิ่งกลับเมืองหลวง วันนี้มาตรวจและรักษาโรคให้พ่อ ลูกไม่ต้องเป็นห่วงไป ตั้งใจทำเรื่องทางนั้นให้ดีก็พอ”

ตาฉินที่ถังหลี่เอ่ยคือฉินกวงหยวนผู้รอบรู้แพทย์แผนจีนที่มีชื่อเสียงเทียบเท่ากับหวางเย๋ ในขณะเดียวกันก็เป็นสหายคนสนิทของหวางเย๋ด้วยเช่นกัน เป็นคนที่เขาได้แนะนำให้ถางชือชือไปรักษาอาการผิดปกติที่เจ็บตรงหน้าอกที่หวางเย๋นั่นเอง

หลังจากกลับบ้านคราวก่อน ถางชือชือได้แต่บอกกับถังหลี่ว่าหวางเย๋ก็หมดหนทาง กลับไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องที่พบเซียวชุ่น เพราะเธอรู้สึกว่าเซียวชุ่นดูอายุยังน้อยอยู่ ไม่เหมือนหมอเลยสักนิด แถมก่อนหน้านี้ยังก่อเรื่องไม่ดีไว้อีกด้วย

พูดจบ ถังหลี่ออกแรงจับคอไว้อีกครั้ง ท่าทางดูทรมานมาก เห็นได้ชัดว่าคอถูกเกาเป็นสีแดงสดจนเหมือนผิวหนังปริออกมาชั้นหนึ่งแล้ว

ถางชือชือเห็นกับตา คิ้วโก่งขมวดเป็นปม ไม่สบายใจอยู่หน่อย ๆ นี่คงจะไม่ใช่การเริ่มต้นของผิวหนังเน่าเปื่อยหรอกนะ ?

“คุณพ่อ คอพ่อคันมากเลยใช่ไหมคะ ?”

“ใช่แล้ว ปกติแล้วฤดูนี้ไม่ควรมียุงนี่” ถังหลี่ด้วยความแปลกใจ “เอาล่ะ ลูกไปทำงานลูกเถอะ พ่อไม่เป็นไร วางสายละนะ”

ถางชือชืออ้าปากกำลังจะพูด ฝั่งตรงข้ามก็ปิดวิดีโอไปเสียแล้ว เธอถอนหายใจเฮือกหนึ่งด้วยจิตใจที่วุ่นวาย

ดูท่าต้องไปหาตาหวางที่สวนไผ่ม่วงก่อนสักหน่อยแล้ว แม้ว่าเธอไม่อยากจะเจอไอ้หมอนั่นอีกจริง ๆ ก็เถอะ ทว่าดูท่าตอนนี้เขามีฝีมืออยู่พอตัวจริง ๆ ในเมื่อเขาสามารถทำนายอาการป่วยที่ตามมาทีหลังได้ คิดว่าน่าจะมีหนทางอย่างแน่นอน

คราวนี้มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นจากนอกประตูรัว ๆ

เล่อเหวินวิ่งเหยาะ ๆ ไปเปิดประตูห้อง ชายหนุ่มสุภาพเรียบร้อยคนหนึ่งยืนอยู่ปากประตูด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ชุดสูทลายตารางสีเทาที่ตัดเย็บได้พอดี ผมจัดทรงอย่างพิถีพิถัน ในมือถือดอกกุหลาบช่อใหญ่ไว้อยู่

“คุณชายเฉิง……” เล่อเหวินเอ่ยด้วยความประหลาดใจ “คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ ?”

“หนูเล่อเหวิน แน่นอนว่าผมมาหาคุณหนูของบ้านหนูไงครับ” ชายหนุ่มดึงดอกที่ดูเหี่ยวเฉาเล็กน้อยจากในดอกกุหลาบช่อใหญ่มาดอกหนึ่งแล้วยื่นให้เธอ : “ให้หนูครับ ให้ผมเข้าไปนะครับ”

เล่อเหวินยังอึ้งอยู่ ชายหนุ่มดันเธอไปที่ด้านข้างอย่างแผ่วเบา แล้วเดินเข้าไปเองเลย

ถางชือชือได้ยินเสียงที่ปากประตูจึงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเฮือกหนึ่งอีกครั้ง ใบหน้างดงามเริ่มเย็นเยือก

“เฉิงหยู คุณจะพอได้หรือยัง ? บอกว่าพวกเราไม่เหมาะสมกันไปแล้วไม่ใช่หรอกหรือ ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับคุณเลย ทำไมคุณยังตามมาถึงที่นี่ล่ะ ? มิน่าพอฉันออกจากบ้านก็รู้สึกว่ามีคนสะกดรอยตามฉัน ไอ้ปลาสเตอร์หนังหมาเอ้ย”

ไม่ได้รอให้คนที่มาได้เอ่ยปาก ถางชือชือก็ทิ้งประโยคคำพูดเหน็บแนมไม่กี่ประโยคนำไปก่อนแล้ว

เฉิงหยูก็ไม่โกรธ ทำหน้าทะเล้นเดินมา : “ผมไม่เชื่อหรอกครับ ตอนเด็ก ๆ พวกเราเคยเล่นพ่อแม่ลูกด้วยกัน ผมเป็นคุณพ่อ คุณเป็นคุณแม่ งั้นในตอนนั้นเราสองคนก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว อีกอย่างคุณพ่อคุณแม่ของคุณต่างก็สนับสนุนการแต่งงานครั้งนี้เป็นอย่างมาก ไม่งั้นคงจะไม่บอกให้ผมกับคุณมาที่เจียงไห่หรอกไม่ใช่หรือ ?”

“ปัญญาอ่อน ยุคสมัยไหนกันแล้ว หรือคุณยังนึกว่าเป็นสมัยก่อนที่พ่อแม่เป็นคนจัดการ แม่สื่อเป็นคนแนะนำหรือ” ถางชือชือกลอกตาใส่เขาทีหนึ่ง

เมื่อพูดถึงเฉิงหยูคนนี้ก็นับว่าเป็นเพื่อนที่เล่นกันมาตั้งแต่เล็กของเธอ ความสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูลก็ดีมาโดยตลอด

แม้ว่าคุนหลุนกรุ๊ปของตระกูลถังได้ชื่อว่ามูลค่าหกหมื่นล้านตามราคาตลาด แต่จริง ๆ แล้วพออยู่ที่เมืองหลวงไม่นับว่ามีค่าอะไรมากนัก ส่วนตระกูลเฉิงนั้นแตกต่างออกไป โดยเฉพาะช่วงไม่กี่ปีมานี้ ไม่เพียงแค่มอลล์ที่เจริญรุ่งเรือง สมาชิกของวงศ์ตระกูลก็สร้างความดีความชอบอย่างมากในวงการการเมือง ได้ผงาดขึ้นจนกลายเป็นอิทธิพลเกิดใหม่ของเมืองหลวงอย่างสง่า

เฉิงหยูในฐานะที่เป็นเอกบุรุษในรุ่นที่สามของตระกูลเฉิง ไม่ขาดผู้หญิงหรอกหากพูดกันตามหลัก แต่เขาให้ความสนใจถางชือชือเป็นพิเศษเพียงคนเดียว

ในสายตาของคนนอก เขาเป็นสุภาพบุรุษที่เคร่งขรึมเอาจริงเอาจัง อ่อนโยนดุจหยก แต่ว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าถางชือชือก็กลายเป็นคนที่ประสาทอยู่หน่อย ๆ

เดี๋ยวก็เป็นผู้ใหญ่ เดี๋ยวก็ปัญญาอ่อน เดี๋ยวก็กลุ้มใจ เดี๋ยวก็ตลก ในสายตาของถางชือชือก็เหมือนกับเป็นคนบ้าคนหนึ่ง

ทว่ามีเพียงเฉิงหยูที่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงเป็นแบบนี้

รักจนหมดหัวใจจึงได้สูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไป เขาตามจีบถางชือชือด้วยท่าทีเดิม ๆ มาสามปี ถางชือชือไม่รู้สึกอะไรกับเขาเลยสักกะนิด ครั้นแล้วเขาจึงลองเปลี่ยนท่าทีในการตามจีบดู มีเพลงที่เก่ามากเพลงหนึ่ง เนื้อเพลงไม่ถือว่าดีมากนัก กลับบรรยายความรู้สึกภายในใจของเฉิงหยูออกมาได้

คุณชอบให้ผมเป็นเหมือนใคร แสดงเป็นบทบาทไหนผมเล่นได้หมด จะมีความสุขหรือไม่นั้นไม่สำคัญสำหรับผม ขอเพียงคุณมีความสุข ผมลืมไปเลยว่าเหนื่อยอยู่หรือไม่

ขอเพียงผมปฏิบัติต่อคุณด้วยความปรารถนาดีเท่านั้น คุณกลับไม่แยแสซะอย่างนั้น บางทีเป็นเพราะทั้งสองคนสนิทสนมมากจนเกินไปตั้งแต่เล็ก ดังนั้นถางชือชือจึงไม่ซาบซึ้งกับการกระทำของเขาเลยสักนิดเดียว

เฉิงหยูหัวเราะแหะ ๆ มองไปรอบ ๆ วางดอกไม้ไว้บนโต๊ะน้ำชาที่ติดอยู่ริมหน้าต่าง

“คุณถ่อมาไกลขนาดนี้คนเดียวผมไม่วางใจน่ะ ทว่าคุณสบายใจได้ ผมจะไม่รบกวนคุณทำงานหรอก ได้มาเห็นคุณก็เพียงพอแล้ว”

“งั้นตอนนี้คุณก็เห็นแล้วไง ไปได้แล้วหรือยัง ?”

เฉิงหยูอึ้งไปเลย ใบหน้าแย้มยิ้มแข็งทื่อเล็กน้อย ถูฝ่ามือไปมาอย่างวางตัวไม่ถูกพลันเอ่ย : “ก็ได้ครับ ผมไปล่ะ แต่หากว่ามีเรื่องอะไรต้องการความช่วยเหลือก็โทรหาผมนะครับ”

ตอนนี้จิตใจของถางชือชือสับสนวุ่นวายจึงไม่ได้สนใจเขาอีก หลังจากรอให้เฉิงหยูจากไป เล่อเหวินจึงเอ่ย : “คุณชายเฉิงมักจะคิดถึงคุณอยู่เสมอในช่วงหลายปีมานี้ คุณปฏิบัติต่อเขาแบบนี้ไม่ดีสักเท่าไรนะคะ ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊