สุดท้ายเหลือเพียงอนุชนสายตรงรุ่นหลังอย่างเหยาเจิ้นชู หยาวฮั่นเอ่ย : “คุณปู่ครับ ก่อนหน้านี้ปู่รับปากคุณอาเจี้ยนกั๋วว่าจะให้พวกเขากลับตระกูลเหยาไม่ใช่หรือครับ ? อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันที่ปู่สัญญาแล้ว ในเมื่อตอนนี้ได้ใบสั่งยามาอยู่ในมือแล้ว ยังจะให้พวกเขากลับมาอยู่ไหมครับ ?”
พอได้ยินชื่อเหยาเจี้ยนกั๋ว ใบหน้าชราของเหยาเจิ้นชูก็บึ้งตึงทันที เขาสัญญากับหลิวหยุนเซียงว่าจะให้พวกเขากลับมาตระกูลเหยาอีกครั้งโดยจะประกาศต่อหน้าลูกหลานของตระกูลเหยา
นึกถึงท่าทีคางคกขึ้นวอนั่นของหลิวหยุนเซียง เหยาเจิ้นชูก็จงเกลียดจงชังจนกัดฟันกรอด ๆ ด้วยความโกรธแค้น ไปขอโทษถึงบ้านด้วยตนเอง เป็นความอัปยศอดสูอันใหญ่หลวงของเขาผู้เป็นนายท่านตระกูลเหยาเลย
“ถึงตอนนั้นฉันจะเรียกลูกหลานของตระกูลเหยาให้มารวมตัว และก็จะให้ครอบครัวของเหยาเจี้ยนกั๋วเขาได้มีหน้ามีตา”
แม้ว่าถางชือชือไม่ได้ตกอยู่ภายใต้การถูกบังคับกลับรู้ขอบเขตและความเหมาะสม หลังจากถึงเจียงไห่พักผ่อนไปหนึ่งคืนก็บึ่งไปซิงเหอ คีเอเจอร์ทันที
เนื่องด้วยคราวก่อนมีประสบการณ์ที่ไม่สบายใจกับคุนหลุนกรุ๊ป เหยาเสินออกคำสั่งถ้าเป็นคนของคุนหลุนกรุ๊ปที่มาไม่อนุญาตให้ต้อนรับทั้งหมด ครั้นแล้วถางชือชือจึงถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าไป พลันกลับไปที่โรงแรมด้วยท่าทีที่ไม่มีความสุข
เปิดคอมพิวเตอร์เชื่อมต่อวิดีโอกับคุณพ่อ ประการแรกก็เพื่อรายงานสถานการณ์ของทางนี้ ประการต่อมาก็เพื่อดูอาการป่วยของเขาหน่อย
“ไม่เห็นแม้กระทั่งคน ?” ดวงตาของถังหลี่ที่อยู่ตรงหน้ายังคงบวมเป่งเหมือนกับลูกท้อ มองดูแล้วแทบจะปิดตาพูดอยู่เลย
“ใช่แล้วค่ะ คราวก่อนผู้อำนวยการหลินไปล่วงเกินคนเขาถึงที่อย่างไม่ลังเลเลยค่ะ” ถางชือชือนั่งไขว่ห้างอยู่บนเตียง ยักไหล่พร้อมกับเอ่ยด้วยใบหน้าจนปัญญา
“งั้นลูกคิดวิธีลงมือทำจากด้านข้างได้ สอบถามญาติพี่น้องหรือไม่ก็เพื่อนอะไรนั่นของเธอดูสิ”
“ใจตรงกันเลยนะคะคุณพ่อ อันที่จริงหนูก็คิดแบบนี้ค่ะ โอเค พ่อไม่ต้องห่วงแล้วล่ะค่ะ หนูจะคิดหาวิธีเอง หลัก ๆ แล้วหนูแค่อยากดูว่าตาของคุณพ่อเป็นยังไงบ้างแล้ว ดูท่ายังคงเป็นเหมือนเดิม ตาถังลำบากแล้วนะ” ถางชือชือเม้มปากเอ่ยด้วยความเจ็บปวดใจ
ถังหลี่เกาคอ หนังหน้ากระตุกเล็กน้อย : “เดี๋ยวนี้การรักษาโรคภัยไข้เจ็บพัฒนาขนาดนี้ นี่เป็นโรคเล็ก ๆ ไม่นานก็จะดีขึ้น เมื่อวานตาฉินเพิ่งกลับเมืองหลวง วันนี้มาตรวจและรักษาโรคให้พ่อ ลูกไม่ต้องเป็นห่วงไป ตั้งใจทำเรื่องทางนั้นให้ดีก็พอ”
ตาฉินที่ถังหลี่เอ่ยคือฉินกวงหยวนผู้รอบรู้แพทย์แผนจีนที่มีชื่อเสียงเทียบเท่ากับหวางเย๋ ในขณะเดียวกันก็เป็นสหายคนสนิทของหวางเย๋ด้วยเช่นกัน เป็นคนที่เขาได้แนะนำให้ถางชือชือไปรักษาอาการผิดปกติที่เจ็บตรงหน้าอกที่หวางเย๋นั่นเอง
หลังจากกลับบ้านคราวก่อน ถางชือชือได้แต่บอกกับถังหลี่ว่าหวางเย๋ก็หมดหนทาง กลับไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องที่พบเซียวชุ่น เพราะเธอรู้สึกว่าเซียวชุ่นดูอายุยังน้อยอยู่ ไม่เหมือนหมอเลยสักนิด แถมก่อนหน้านี้ยังก่อเรื่องไม่ดีไว้อีกด้วย
พูดจบ ถังหลี่ออกแรงจับคอไว้อีกครั้ง ท่าทางดูทรมานมาก เห็นได้ชัดว่าคอถูกเกาเป็นสีแดงสดจนเหมือนผิวหนังปริออกมาชั้นหนึ่งแล้ว
ถางชือชือเห็นกับตา คิ้วโก่งขมวดเป็นปม ไม่สบายใจอยู่หน่อย ๆ นี่คงจะไม่ใช่การเริ่มต้นของผิวหนังเน่าเปื่อยหรอกนะ ?
“คุณพ่อ คอพ่อคันมากเลยใช่ไหมคะ ?”
“ใช่แล้ว ปกติแล้วฤดูนี้ไม่ควรมียุงนี่” ถังหลี่ด้วยความแปลกใจ “เอาล่ะ ลูกไปทำงานลูกเถอะ พ่อไม่เป็นไร วางสายละนะ”
ถางชือชืออ้าปากกำลังจะพูด ฝั่งตรงข้ามก็ปิดวิดีโอไปเสียแล้ว เธอถอนหายใจเฮือกหนึ่งด้วยจิตใจที่วุ่นวาย
ดูท่าต้องไปหาตาหวางที่สวนไผ่ม่วงก่อนสักหน่อยแล้ว แม้ว่าเธอไม่อยากจะเจอไอ้หมอนั่นอีกจริง ๆ ก็เถอะ ทว่าดูท่าตอนนี้เขามีฝีมืออยู่พอตัวจริง ๆ ในเมื่อเขาสามารถทำนายอาการป่วยที่ตามมาทีหลังได้ คิดว่าน่าจะมีหนทางอย่างแน่นอน
คราวนี้มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นจากนอกประตูรัว ๆ
เล่อเหวินวิ่งเหยาะ ๆ ไปเปิดประตูห้อง ชายหนุ่มสุภาพเรียบร้อยคนหนึ่งยืนอยู่ปากประตูด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ชุดสูทลายตารางสีเทาที่ตัดเย็บได้พอดี ผมจัดทรงอย่างพิถีพิถัน ในมือถือดอกกุหลาบช่อใหญ่ไว้อยู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊
ไม่อัพต่อแล้วเหรอครับ...