“รู้ดีว่าเขามีความคิดอะไรอยู่ ในเมื่อไม่ชอบ ทำไมต้องให้ความหวังเขาด้วยล่ะ ฉันไม่ใช่พวกแอ๊บซะหน่อย ไม่ต้องการตัวสำรอง” ถางชือชือเอ่ยอย่างไม่แยแส
เธอลุกขึ้นเปลี่ยนชุด และเติมหน้าเล็กน้อย
“ก็ยังสามารถเป็นเพื่อนกันได้ไง” เล่อเหวินเอ่ย
ถางชือชือเหลือบมองเธอทีหนึ่ง เดินไปดึงแก้มที่จิ้มลิ้มหน่อย ๆ : “เธอยังเด็ก ไม่เข้าใจหรอก ไปกัน ออกไปกับฉันหน่อย”
“ไปไหนเหรอคะ ? ” เล่อเหวินเบะปากเอ่ย
“สวนไผ่ม่วง หาไอ้กุ๊ยน่ารังเกียจนั่น” ถางชือชือเดินไปพูดไป เธอไม่มีวิธีติดต่อเซียวชุ่น ทำได้แต่ติดต่อเขาผ่านหวางเย๋
หลังจากทั้งสองคนมาถึงสวนไผ่ม่วง หวางเย๋เห็นแก่หน้าของฉินกวงหยวนจึงไม่ได้ปฏิเสธที่จะให้คำปรึกษากับพวกเขา จึงโทรหาเซียวชุ่นทันทีหลังจากนั้น
เซียวชุ่นได้ยินมาว่าคราวก่อนเดิมทีผู้หญิงสองคนนั่นต่อต้านและปฏิเสธอยู่บ้าง
แม้ว่าจะมีความบาดหมางอยู่หน่อย ๆ ก็ตาม ก็ไม่ถึงขนาดที่ทำให้เขาเกิดความเกลียดชังอะไรกับทั้งสองคน ในทางกลับกันเขาประทับใจถางชือชืออยู่มากด้วยซ้ำไป ในมุมมองของเขา คนที่ผดุงจิตใจเห็นอกเห็นใจต่อสัตว์ได้นั้นไม่ใช่คนเลวร้ายอย่างแน่นอน ต่อให้องค์กรพิทักษ์สัตว์นั่นจะมีความคิดที่สุดขั้วไปหน่อยก็ตาม
เพียงแต่เขารู้สึกไม่พอใจที่ดูถูกตัวเองอยู่หน่อย ทว่าจะไปไม่ไว้หน้าหวางเย๋ก็ไม่ได้ ทำได้แต่รุดหน้าไปสวนไผ่ม่วงอย่างไม่เต็มใจนัก
เมื่อเป็นการขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น ท่าทีของถางชือชือที่ได้พบเซียวชุ่นในครั้งนี้จึงอ่อนโยนขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด
พอเซียวชุ่นได้ยินว่าจะให้เขาไปตรวจและรักษาโรคที่เมืองหลวงก็ปฏิเสธทันควัน
“อาการผิดปกติที่เจ็บตรงหน้าอกของครอบครัวเรากำเริบเป็นครั้งคราว ต่อให้ตอนนี้คุณรักษาฉันหายแล้ว ก็ไม่สามารถเห็นผลได้ทันที แต่ดวงตาของคุณพ่อฉันในตอนนี้ร้ายแรงมาก ให้เขามาที่เจียงไห่ก็ไม่สะดวกในหลาย ๆ อย่าง ขอให้คุณเข้าใจด้วยนะคะ” ถางชือชือรีบเอ่ยอธิบาย
“เรื่องค่ารักษาคุณเซียววางใจได้เลยนะคะ ขอเพียงรักษาโรคเรื้อรังของพวกเราให้หายดีได้ ประเคนห้าล้านให้ได้ทันทีเลยค่ะ” ถางชือชือพูดต่อ
ในมุมมองของถางชือชือ ห้าล้านเป็นเงินก้อนใหญ่สำหรับหมอคนหนึ่งแล้ว คราวนี้ที่มาเธอจงใจกำชับเล่อเหวินเป็นพิเศษว่าไม่ต้องพูด ดังนั้นแม่หนูนั่นจึงยืนอยู่ตรงนั้นอย่างว่านอนสอนง่ายอยู่ตลอด ดูออกเลยว่าเธอข่มเอาไว้จนไม่สบายใจเอามาก
“ผู้เพื่อนเซียว เป็นหมอต้องมีจิตใจเมตตากรุณา ในเมื่อคุณถางขอร้องด้วยความบริสุทธิ์ใจ งั้นก็รบกวนนายไปลองดูสักเที่ยว” หวางเย๋ก็เอ่ยคล้อยตามอยู่ข้าง ๆ
เขามีความคิดเป็นของตัวเอง
แพทย์แผนจีนบัดนี้ตกต่ำ รุ่นคนหนุ่มคนสาวไม่มีคนโดดเด่นเลย รวมถึงตระกูลหวางชิงฮู๋ของพวกเขาด้วย เจ็บปวดใจจริง ๆ เมื่อมองในสายตาของเขา
ยากที่จะมีคนที่มีวิชาแพทย์ที่เหนือชั้นอย่างเซียวชุ่นเช่นนี้ หากว่าปิดกั้นความสามารถโดยขลุกอยู่แต่เจียงไห่เล็ก ๆ นี้จะน่าไม่เสียดายหรอกหรือ ถ้าหากว่าเขาไปรักษาถังหลี่ที่เมืองหลวงให้หายดี ก็ยังพอที่จะนับได้ว่าเป็นโอกาสในการสร้างชื่อเสียงอย่างหนึ่ง
เซียวชุ่นลังเลอยู่สองนาทีในที่สุดก็เอ่ยปาก : “ก็ได้ งั้นผมจะลองไปดู”
คิ้วของถางชือชือที่เดิมทีขมวดเป็นปม ในที่สุดก็คลายออกแล้ว จึงเอ่ยขอบคุณไม่ขาดปาก : “ฉันยังมีธุระต้องจัดการที่เจียงไห่อยู่อีกหน่อย ฉันจะซื้อตั๋วเครื่องบินให้เรียบร้อยและส่งคุณเครื่องบิน หลังจากถึงเมืองหลวงจะมีคนไปรับที่สนามบิน คุณว่าแบบนี้โอเคไหมคะ ?”
เธอเพิ่งมาถึงเจียงไห่ไม่อยากกลับไปทันที อีกอย่างเรื่องของซิงเหอ คีเอเจอร์ก็สำคัญมากสำหรับเธอ
“ไม่มีปัญหาครับ” เซียวชุ่นยิ้มเอ่ย
ถางชือชือมีความสุขมาก ไอ้หมอนี่ดูเหมือนไม่ได้คบยากขนาดนั้นเหมือนกันนี่
หลังจากปรึกษาหารือและตกลงเรื่องต่อจากนี้ ถางชือชือ เซียวชุ่น เล่อเหวินทั้งสามคนก็ออกไปจากสวนไผ่ม่วง
เพิ่งเดินออกจากประตูใหญ่ของสวนไผ่ม่วงก็เห็นกาแยนคันหนึ่งจอดอยู่ข้างทาง เฉิงหยูยืนอยู่ข้างรถ หลังจากเห็นถางชือชือ เขาก็รีบสาวเท้าเดินมาหาพร้อมกับเอ่ย : “ชือชือ ผมไปถามมาแล้ว สองสามวันนี้คุนหลุนพวกคุณไม่มีสำนักงานที่เจียงไห่ ผมคิดว่าคุณเข้าออกที่นี่ไม่สะดวก เลยตั้งใจซื้อรถมาให้คุณคันหนึ่งเป็นพิเศษ แบบนี้คุณอยากไปไหนมาไหนก็จะได้สะดวก”
“เอ้า นี่เป็นกุญแจครับ” เขายื่นกุญแจรถให้พร้อมกับเอ่ย
“คุณสะกดรอยตามฉัน ?” ถางชือชือถามด้วยใบหน้าเย็นชา
“ผม……ผมแค่เป็นห่วงคุณ” เฉิงหยูพูดตะกุกตะกัก เขามองเซียวชุ่นขึ้นลงอย่างประเมิน ในสายตาเจือด้วยความเกลียดชัง ใบหน้ากลับยิ้มแย้มพลันเอ่ยถาม : “คุณคนนี้คือ ?”
ไม่รอให้เซียวชุ่นเอ่ยปาก ถางชือชือเริ่มคล้องแขนเซียวชุ่นพลันเอ่ยอย่างเย็นชา : “คนนี้เป็นแฟนฉัน เฉิงหยู จากนี้ขอให้คุณอย่ามายุ่งกับฉันอีก จริง ๆ นะ เป็นคุณคนเดิมได้ไหม ? ฉันไม่อยากให้คุณเป็นแบบนี้”
เซียวชุ่นขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่ปรารถนารความรู้สึกที่ถูกใช้ประโยชน์แบบนี้มาโดยตลอด
ถางชือชือพูดจบก็จงใจเอาหัวพิงไปบนไหล่ของเขา พลันจูงเขาเดินออกไปข้างหน้า
รอยยิ้มของเฉิงหยูแข็งทื่ออยู่บนใบหน้า ค่อย ๆ หายไป สายตาค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นเหี้ยมโหด บึ้งตึง ดั่งมีดบางเฉียบอันแหลมคมกริบเล่มหนึ่งที่เพียงพอที่จะปอกเปลือกครูดกระดูก
มือที่ห้อยอยู่กลางอากาศที่ออกแรงจับกุญแจรถอยู่นั้น เหมือนหากไม่ได้ตั้งใจก็เกือบจะบีบจนแหลกละเอียดได้แล้วอย่างไรอย่างนั้น
“ขอโทษด้วยนะคะ จู่ ๆ ทำให้คุณมีศัตรูหัวใจเพิ่มมาหนึ่งคนซะอย่างนั้นแล้ว” หลังจากหันไป ถางชือชือก็กระซิบบอก
“ค่ารักษาเพิ่มห้าล้าน” เซียวชุ่นเอ่ยด้วยท่าทีเอาจริงเอาจัง
ถางชือชืออึ้งไป : “พ่อค้าหน้าเลือด นางฟ้าขนาดนี้อย่างฉันทำตัวเป็นแฟนคุณไม่กี่นาที คุณก็ได้กำไรแล้วเนี่ยนะ ?”
“ผมเป็นคนตรง ๆ ”
“ตกลง แต่หวังว่าวิชาแพทย์ของคุณจะคุ้มค่ากับเงินที่มากขนาดนี้จริง ๆ แล้วกัน” ถางชือชือเอ่ยอย่างจำใจ
……
“ไปทำงานนอกสถานที่ ?”
ในห้องทำงาน เซียวชุ่นบอกกับเหยาเสินว่าจะไปเมืองหลวงไม่กี่วัน เหยาเสินมองเขาเอ่ยอย่างครุ่นคิด คราวก่อนไอ้หมอนี่ออกไปไม่กี่วันเอาเงินกลับมาพันล้าน คราวนี้ไม่รู้ว่าจะสามารถคิดอะไรแผลง ๆ ออกมาได้อีก
“คราวนี้คงไม่ได้ไปประลองยุทธอีกหรอกนะ ? ” เธอรู้ว่าเซียวชุ่นมีความสามารถในการต่อสู้มาก แต่ว่าประลองยุทธเรื่องจำพวกนี้ยังคงมีความเสี่ยงอยู่ดี เหยาเสินไม่อยากให้เขาไปเสี่ยงอันตราย
“เงินในบ้านตอนนี้ ต่อให้ไม่ทำอะไรทั้งนั้นก็เพียงพอที่จะให้พวกเราใช้จ่ายไปทั้งชีวิตก็ใช้จ่ายไม่หมด พวกเรายังคงมีสตาร์ไลท์บีโอ คุณยังเป็นประธานกรรมการของจินสีกรุ๊ป ทำไมยังต้องไปเสี่ยงอันตรายด้วยล่ะ ?” เหยาเสินเอ่ยด้วยความไม่เข้าใจ
“คิดอะไรอยู่น่ะ ? คราวนี้ผมไปดูแลคนป่วย ตาหวางเป็นพยานให้ผมได้ ” เซียวชุ่นเอ่ยสาบานอย่างจริงจัง
“กี่วันคะ ?”
“ประมาณหนึ่งสัปดาห์มั้งนะ”
พิษที่ตระกูลถังถูกหว่านเป็นพิษเรื้อรัง หลายปีมานี้ซึมเข้าไปถึงไขกระดูกตั้งนานแล้วโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ไม่สามารถขจัดให้หมดได้ทันที หนึ่งสัปดาห์ก็ถือว่าประคองมากแล้ว
เหยาเสินลังเลเล็กน้อย : “ก็ได้ค่ะ งั้นกลับไปคืนนี้ฉันจะเตรียมสัมภาระไว้ให้คุณนะคะ ตั๋วเครื่องบินฉันจะให้ผู้ช่วยม่ายจัดการให้คุณ ไปสถานที่ไม่คุ้นชินต้องระวังเรื่องความปลอดภัยด้วยนะคะ”
ความอบอุ่นพรั่งพรูอยู่ในหัวใจของเซียวชุ่น พลันเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยน : “ตั๋วเครื่องทางฝั่งคนป่วยเป็นคนจัดการให้ ผมไม่อยู่บ้าน มีเรื่องอะไรต้องโทรหาผมทันทีนะ ผมจะกลับมาเดี๋ยวนั้นเลย”
เหยาเสินพยักหน้า นี่เป็นเวลาที่นานที่สุดที่เซียวชุ่นหายไปจากเบื้องหน้าเธอนับตั้งแต่ทั้งสองคนแต่งงานมา ความรู้สึกจึงซับซ้อนอยู่พอสมควร เป็นผู้ใหญ่ขนาดนี้แล้วถึงกับมีความรู้สึกอาลัยอาวรณ์อยู่อีกซะได้
บางทีผู้ชายตรงหน้าคนนี้ทำให้นับวันเธอก็ยิ่งพึ่งพาล่ะมั้ง ขอเพียงเขาอยู่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามตัวเองก็จะรู้สึกสบายใจมาก จู่ ๆ เขาบอกต้องจากไปไม่กี่วัน ในใจจึงหวิว ๆ ไปชั่วครู่
“ไม่ได้เรื่องไม่ได้ราวเลย เหยาเสินอย่างฉันต้องพึ่งผู้ชายตั้งแต่เมื่อไรกัน ?” หลังจากที่เธอแอบเยาะเย้ยตัวเองก็พบว่าช่วงไม่กี่เดือนมานี้เธอกำลังพึ่งพาเซียวชุ่นอยู่ตลอด อดไม่ได้ที่จะเผลอหัวเราะออกมาเงียบ ๆ
เอาเถอะ สามีมีไว้ใช้พึ่งพาไม่ใช่หรอกหรือ
คืนวันนั้น เธอจัดสัมภาระให้เซียวชุ่นหนึ่งกระเป๋าเต็ม ๆ และไปส่งเขาที่สนามบินด้วยตัวเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊