“คุณเซียว นี่เป็นตั๋วเครื่องบินของคุณค่ะ”
หลังจากทั้งสองบอกลากันอย่างอาลัยอาวรณ์ประมาณสิบนาที ถางชือชือพาเล่อเหวินมาปรากฏอยู่ในสายตาของเซียวชุ่น เล่อเหวินวิ่งเหยาะ ๆ มายื่นตั๋วเครื่องบินให้พร้อมกับเอ่ย
เซียวชุ่นรับตั๋วเครื่องบินไป ยิ้มจาง ๆ พลางเอ่ยอย่างทอดถอนใจ : “สามปีกว่าแล้ว เป็นครั้งแรกที่ออกจากบ้านไปไกล”
“เดินทางปลอดภัยนะคะ รักษาพ่อฉันให้หายดี ฉันจะขอบคุณดี ๆ อย่างแน่นอนค่ะ” ถางชือชือยิ้มจาง ๆ พร้อมกับเอ่ย
เซียวชุ่นโบกตั๋วเครื่องบิน เดินไปโดยที่หัวก็ไม่หันกลับไปที่ประตูทางออกขึ้นเครื่องเลย
“เซียวชุ่น เคยถูกคนอื่นเรียกว่าเป็นเขยแต่งเข้าสวะ เวลาครึ่งปีสั้น ๆ ตอนนี้ได้เป็นเถ้าแก่ที่แท้จริงของสตาร์ไลท์บีโอ ประธานกรรมการของจินสีกรุ๊ป แม้กระทั่งท่านหวางเย๋ก็เอ่ยชมหมอเทวดาไม่ขาดปาก จิ๊ เขาเป็นใครกันแน่นะ ? ผู้ชายคนนี้ชักจะน่าสนใจหน่อย ๆ แล้ว”
ถางชือชือมองร่างของเขาที่ค่อย ๆ หายไป กระซิบคุยกับตัวเอง
ตอนบ่ายเธอได้รับเอกสารที่เกี่ยวข้องกับคนในบ้านของเถ้าแก่ซิงเหอ คีเอเจอร์จากหน่วยข่าวกรอง พบว่าเซียวชุ่นถึงกับเป็นคนควบคุมตัวจริงของสตาร์ไลท์บีโอ ยังมีตัวตนอื่น ๆ อีกมากมาย นอกจากนี้เขายังเป็นเจ้าสำนักนอกของสมาคมหนิงโจวอีกด้วย
ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะเกิดความสนใจผู้ชายคนนี้เป็นอย่างมาก
การรับซื้อสตาร์ไลท์บีโออาจจะสามารถเริ่มลงมือทำได้จากเขา เหมือนเขายังไม่รู้ว่าฉันก็คือผู้ที่คุนหลุนกรุ๊ปส่งมารับผิดชอบเรื่องนี้ในครั้งนี้ ถางชือชือแอบคิดกับตัวเอง
ระยะการเดินทางจากเจียงไห่ถึงเมืองหลวงนั่งเครื่องบินประมาณสองชั่วโมง ตอนที่เซียวชุ่นมาถึงก็จวนจะห้าทุ่มแล้ว ตอนเดินออกจากอาคารผู้โดยสารสนามบินก็เห็นชายหนุ่มสวมแจ็คเก็ตหนังสีดำชูป้ายรอเขาอยู่
เซียวชุ่นเดินไปทักทาย หลังจากทั้งสองทักทายกันตามประสาแล้วจึงเดินออกไปข้างนอก
หลังจากเหยียบขึ้นรถธุรกิจหรูหราแล้วก็มุ่งไปยังทิศทางของตระกูลถัง
แม้ว่าตอนนี้ย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิแล้ว กลางคืนยังคงหนาวเย็น ระหว่างทางมีรถและคนน้อย จึงโล่งตลอดทาง เซียวชุ่นนั่งอยู่เบาะหลังหลับตาพักผ่อนอยู่ เฮยแจคเพ่งมองเขาแวบหนึ่งจากในกระจกมองหลังเหมือนไม่ได้ตั้งใจ
เขาไม่ได้มาเมืองหลวงสิบกว่าปีแล้ว คราวก่อนที่มาปีนั้นยังอายุแค่สิบสองปีเอง เขาเคยต่อสู้กับคนที่นี่ด้วย เป็นครั้งเดียวที่ต่อสู้เสมอกันตอนที่อาจารย์พาเขามาท่องเที่ยว ที่เหลือชนะหมด
อีกฝ่ายเหมือนจะชื่อว่า เย่หวงเวลาผ่านไปนานมาก หน้าตาเป็นอย่างไรนั้นก็นึกไม่ออกแล้ว
ตอนเด็ก ๆ เคยสู้กับคนมามากมาย อาจารย์พาเขามาท่องเที่ยวเหมือนออกตระเวนไปแสดงตามที่ต่าง ๆ อย่างไรอย่างนั้น ถึงสถานที่หนึ่งก็ไปหาตระกูลบู๊ที่มีชื่อเสียงที่สุดในท้องที่เพื่อต่อสู้ก่อน ค้นหาพวกหนังสือกังฟูล้ำค่าไม่ก็สมบัติล้ำค่าหายากอะไรเทือกนี้ของชาวบ้าน
ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา รถเลี้ยวเข้าไปในซอกเล็ก ๆ ที่ลับตาคนซอยหนึ่ง
เซียวชุ่นรู้สึกได้ว่ารถจอดแล้ว ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเบา ๆ ตามมาทันทีหลังจากนั้น
“คุณเซียว ถึงแล้วครับ” ในน้ำเสียงที่เฮยแจคเอ่ยโดยไม่มีความรู้สึกใด ๆ
เซียวชุ่นเหลือบมองนอกหน้าต่าง ไฟข้างถนนสลัว ซอยไม่เป็นระเบียบ เขาจงใจเอ่ยถามอย่างงุนงง : “นึกไม่ถึงเลย ตระกูลถังจะอาศัยอยู่ที่แห่งนี้ ?”
มุมปากเฮยแจคกระตุกยิ้มดุร้าย ยิ้มโดยไม่พูดจา
เซียวชุ่นก็ยิ้มจาง ๆ ผลักประตูเดินลงจากรถ ก็เห็นชายร่างกำยำชั่วช้าสิบกว่าคนในซอยล้อมเข้ามาก
“วิธีการต้อนรับแขกของตระกูลถังพวกคุณช่างแปลกใหม่เฉพาะตัวนะ” เซียวชุ่นมองไปยังเฮยแจคที่เดินลงจากรถพลันยิ้มเอ่ยอย่างไม่สะทกสะท้าน ทว่าพอคิดอีกที นี่น่าจะไม่ใช่ความตั้งใจของตระกูลถัง
แม้ว่าเขาจะมีความบาดหมางกับถางชือชืออยู่บ้างก็ตาม แต่เธอยังไม่ถึงขนาดที่ว่าอุตส่าห์ตรากตรำหลอกให้ตัวเองมาที่เมืองหลวงเพื่อลงมือเช่นนี้หรอก อีกอย่างตัวเองยังมีภารกิจสำคัญอย่างการรักษาพ่อของเธออยู่ สาเหตุที่ถางชือชือมาหาเขาถึงที่อีกครั้ง อย่างน้อยก็อธิบายได้ว่าโรคของพ่อเธอตอนนี้ไม่มีใครสามารถรักษาได้ อีกอย่างเธอมีความไว้เนื้อเชื่อใจตัวเองอยู่บ้าง
ทว่าก็พูดยาก ตระกูลที่ร่ำรวยและทรงอิทธิพลมากเรื่อง ไม่ใช่ถางชือชืออาจจะยังมีคนอื่นของตระกูลถัง การที่ในครอบครัวของถางชือชือถูกพิษมีความเป็นไปได้สูงว่าเป็นฝีมือของคนในครอบครัวตัวเอง
เที่ยวนี้แทบจะไม่คุ้มค่าเอาเสียเลยจริง ๆ เพื่อเงินแค่สิบล้านต้องเข้าไปปะปนในน้ำโสโครก ไว้กลับไปจะต้องให้เด็กสาวถางชือชือนั่นเพิ่มอีกสิบล้านเห็นจะได้ อันที่จริงเงินสิบล้านไม่ได้อยู่ในสายตาของเซียวชุ่นเลยตอนนี้ ได้น้อยดีกว่าไม่ได้เลยก็เท่านั้น
“คุณเซียวเข้าใจผิดแล้วครับ พวกเขาไม่ใช่คนของตระกูลถังของเรา ดูท่าพวกเราจะพบโจรปล้นซะแล้ว” เฮยแจคพูดพร้อมกับแสยะยิ้มชั่วร้าย
เซียวชุ่นมองไปยังกลุ่มคนชุดดำนั่น สัมผัสถึงการมีอยู่ของชี่ทิพย์ไม่ได้เลย ดูท่าเป็นพวกสมุนธรรมดา ๆ
“พี่ใหญ่ทุกท่านมีอะไรก็พูดกันดี ๆ ผมมีเงิน ให้พวกพี่หมดเลย ปล่อยพวกเราไปได้ไหม ?” เขาตะโกน
“ไม่ต้องการเงิน” ชายร่างกำยำชุดดำที่นำหน้าคนหนึ่งเอ่ย
“งั้นก็ต้องการชีวิตสินะ ?” เซียวชุ่นเอ่ย
“ถือว่านายรู้จักดูทิศทางลม” ชายร่างกำยำชุดดำเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ ว่าแล้วกำลังคนสิบกว่าคนที่ถือมีดรูปแบบต่าง ๆ อยู่ ก็เข้ามาประชิดพวกเซียวชุ่นสองคนอย่างชั่วช้า
กลุ่มกำลังคนเห็นว่าสีหน้าเขาไม่เปลี่ยน ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างหน้าตาเฉยไม่สะทกสะท้าน จึงกังขาอยู่ในใจอย่างเลี่ยงไม่ได้ ไอ้หนุ่มนี่กล้าหาญเด็ดเดี่ยวอยู่นะเนี่ย ความตายกำลังจะมาเยือนถึงตัวยังคงมีท่าทีไม่สะทกสะท้าน รนหาที่ตายจริง ๆ
แสงเย็นยะเยือกปรากฏแวบหนึ่ง ดาบสั้นที่มีความยาวหนึ่งฟุตเล่มหนึ่งที่อยู่ในมือของชายร่างกำยำชุดดำที่นำหน้าก็พุ่งมาเสียบตรงหน้าอกของเซียวชุ่น
ร่างของเซียวชุ่นไม่ขยับ ยกเท้าไปถีบตรงหน้าอกของเขา ชายร่างกำยำชุดดำเค้นเสียงหึ รู้สึกได้ถึงพลังมหาศาลผลักให้ร่างของตัวเองทะยานไปสู่กลางอากาศทันที
ผลัวะ !
ร่างกายแข็งแรงกำยำของเขาหล่นลงตรงที่ที่อยู่ห่างหลายเมตรจนดังตูมตาม สาดซัดฝุ่นละอองขึ้นมา
“แม่ม ! ดูไม่ออกเลยนะเนี่ย เป็นผู้ที่ฝึกบู๊ซะด้วย” เขาด่าพลางใช้มือกุมหน้าอก “มัวอึ้งอยู่ทำไม ? เข้าไปฆ่าไอ้เวรนี่พร้อมกันเลย ! ”
เฮยแจคเห็นเท้าของเซียวชุ่นเมื่อครู่นั้น สีหน้าจึงเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาก็นึกไม่ถึงว่าหมอเล็ก ๆ คนหนึ่งถึงกับมีฝีมือพอตัวอยู่ด้วย ดูท่าจะดูถูกไอ้หมอนี่ไปหน่อย
“สวะจำพวกนี้อย่างพวกแกน่ะ ฉันคนเดียวสู้ได้เป็นร้อยคนเลย” เซียวชุ่นคิดอยู่เล็กน้อย นี่ก็คือพวกอ่อนหัด หนึ่งร้อยคนยังไม่พอให้สู้เลยด้วยซ้ำ พลันเอ่ยยิ้มอย่างโหดเหี้ยม “ไม่สิ มากกว่านั้น หนึ่งพันคนแล้วกัน”
“กราดเกรี้ยวจังเลยนะมึง !” มีคนในนั้นแผดเสียงตะโกนด้วยความโกรธ
ในระหว่างที่พูด ชายร่างกำยำคนอื่นจำนวนสิบกว่าคนก็ทะลวงเข้าไป
ร่างของเซียวชุ่นสั่นไหวราวกับปีศาจร้ายในยามค่ำคืน ด้วยเท้าเดียวหนึ่งที ไม่ถึงหนึ่งนาที ชายร่างกำยำสิบกว่าคนก็สูญเสียกำลังต่อสู้ แต่ละคนงอตัวอยู่บนพื้น เอาแต่ร้องโหยหวนโศกเศร้าไม่หยุดหย่อน
เฮยแจคอึ้งไปเลย นี่แม่มเป็นมนุษย์หรือเปล่าเนี่ย ?
ชายร่างกำยำล่ำสันสิบกว่าคน ก็สู้ได้จนหมดเกลี้ยงแล้ว ?
อีกอย่างไอ้หมอนั่นถึงกับไม่มีบาดแผลเลยสักนิด ตบมือด้วยใบหน้าสบายใจพลันมองไปยังตัวเอง
เขาอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นสะท้าน พลันกลืนน้ำลายอึกหนึ่งอยู่เงียบ ๆ
ในวินาทีที่สายตาของเซียวชุ่นมองไปที่เขานั้น เขาอดไม่ได้ที่จะถอยไปข้างหลังก้าวหนึ่ง ถอยจนถึงเชิงกำแพง ถึงกับลืมที่จะวิ่งหนีไปชั่วขณะ
เซียวชุ่นค่อย ๆ เดินไปที่เบื้องหน้าเขา สองมือสอดอยู่ในกระเป๋า มองเขาด้วยใบหน้าเหยียดหยาม : “ใครใช้ให้คุณมาทำ ?”
“ฉันพูดไม่ได้ พูดแล้ว……ฉันจะตายเอา”
“ดังนั้นคุณไม่กลัวว่าตอนนี้ผมจะฆ่าคุณงั้นเหรอ ?”
“แกฆ่าคนถือว่าทำผิดกฎหมาย เขาฆ่าคนไม่ผิดกฎหมาย” เฮยแจคกัดฟันพูด
“งั้นเหรอ ? งั้นลองดูหน่อยไหม?” เซียวชุ่นโก่งตัวหยิบมีดสปาร์ตาเล่มหนึ่งขึ้นมาตบที่หน้าเขาสองทีพลันเอ่ย
“ถ้าแกกล้าก็ฆ่าฉันเลยสิ !”
ชึ่บ !
แสงจากมีดวาดเป็นเส้นโค้ง บนต้นขาของเฮยแจคมีเลือดกระฉูดออกมาจากปากบาดแผลทันที
“คิดว่าผมไม่กล้าจริงหรือ ? แต่ว่าฟันคุณให้ตายในมีดเดียว จะทำให้คุณสบายเกินไป” เซียวชุ่นเอ่ยพร้อมกับแสยะยิ้มเย็นชา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊