เฮยแจคนึกไม่ถึงเลยว่าไอ้หมอนี่ที่ดูกิริยาสุภาพเรียบร้อย ร่างกายบอบบาง ใบหน้าเฉยเมย พอลงมือกลับโหดเหี้ยมเช่นนี้ ถูกทำให้ตกใจกลัวจนเสียความกล้าไปในทันที จึงยิ้มกว้างเอ่ย : “เป็นคุณชายเฉิงครับ เขาให้ผมสามล้าน ต้องการชีวิตของคุณ”
“คุณชายเฉิง? ไม่รู้จัก บอกชื่อเต็ม”
“เฉิงหยู คุณชายสามของตระกูลเฉิงแห่งเมืองหลวง”
เฉิงหยู ? เซียวชุ่นหวนคิดดูอย่างละเอียด ไม่นานนักก็นึกออก คือคนนั้นที่เมื่อเช้าวันนี้ที่ถางชือชือเอาตัวเองใช้เป็นข้ออ้าง เหมือนตอนนั้นถางชือชือไม่ได้เรียกชื่อของเขา
“ฉะนั้นคุณไม่ใช่คนของตระกูลถัง ?”
“ก็ใช่ ผมเป็นคนขับรถคนหนึ่งของนายท่านถัง”
เซียวชุ่นก็พอจะเข้าใจได้บ้างแล้ว
เฉิงหยูกับคนขับรถตระกูลถังสมคบคิดกัน ต้องการชีวิตของเขา
ว่ากันตามตรงเขาก็เป็นแค่หมอตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง ชีวิตไม่คุ้มค่ากับเงินเลย คนขับรถกลับไปบอกกับถังหลี่ได้ว่าไปรับไม่เจอคน อย่างไรเสียถึงตอนนั้นคนก็ไม่อยู่แล้ว คนตายไม่สามารถให้การได้ เกรงว่าถังหลี่คงจะไม่ทำให้เป็นเรื่องใหญ่โตเพราะหมอเล็ก ๆ คนเดียวหรอก
ไม่แน่ว่ายังจะนึกว่าหมอที่ถางชือชือเชิญกลับมาไม่ค่อยมีความสามารถ รู้ว่าตัวเองไร้ความสามารถจะช่วยเหลืออะไรได้ ระหว่างทางจึงเปลี่ยนความคิด
เอาเป็นว่าคงจะไม่เกิดเป็นคลื่นลูกใหญ่ด้วยเรื่องเรื่องนี้หรอก
“กลับไปบอกคุณชายเฉิงอะไรนั่นของพวกคุณซะ ผมกับถางชือชือไม่ได้มีอะไรกัน บอกเขาอย่าได้สิ้นเปลืองสมองให้กับตัวผมเลย ไม่งั้นผมจะบิดคอเขาออกมา” เซียวชุ่นโยนมีดลงบนพื้น
“คืนนี้ผมไม่ไปตระกูลถังแล้ว พรุ่งนี้ผมจะไปเอง”
พูดจบก็เดินไปที่เก็บสัมภาระหลังรถ หลังจากเปิดเอาสัมภาระออกมาแล้ว ก็เดินตรงดิ่งออกไปจากปากซอย
การปฏิบัติการนี้ทำให้เฮยแจคใจลอยไปพักหนึ่ง ลืมไปชั่วขณะเลยว่าตรงขายังมีเลือดพุ่งออกมาด้านนอกอยู่
แค่เหตุการณ์สั้น ๆ เซียวชุ่นก็ไม่ได้เอามาใส่ใจ ถือเสียว่านั่งเครื่องบินเพื่อลงมายืดเส้นยืดสายนิดหน่อย
หลังจากกลับถึงโรงแรมล้างหน้าบ้วนปากอย่างง่าย ๆ ก็โทรหาถางชือชือเพื่อถามที่อยู่ของตระกูลถัง และก็ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างทางเลย เพียงแต่บอกว่าตัวเองเหนื่อยนิดหน่อย เวลาก็ดึกแล้ว พรุ่งนี้ค่อยไป ถางชือชือก็ไม่ได้สงสัยเขา ส่งที่อยู่ให้ในมือถือเขาด้วยความยินดี
เช้าวันรุ่งขึ้นเขาเอาสัมภาระไว้ที่โรงแรม เรียกรถแท็กซี่แล้วก็ไปตระกูลถัง
ที่พักอาศัยตระกูลถังตั้งอยู่หลังสวนป่าว่านซานของเมืองหลวง พิงภูเขาติดแม่น้ำ ชวนให้มีความรู้สึกอาลัยอาวรณ์ไม่อยากจากลา
คฤหาสน์ที่มีประตูทางเข้าออกของตระกูลโดยเฉพาะแต่ละหลังปิดบังซ่อนเร้นและขับดุลกันและกันอยู่ระหว่างภูเขาเขียวขจีน้ำใสผุดผ่อง สถานที่ที่ที่ดินราคาแพงลิ่วแบบนี้ในเมืองหลวง ไม่ต้องคิดก็รู้เลยว่ามูลค่าไม่ใช่ถูก ๆ เลย
คิดว่าถางชือชือได้กำชับไว้เป็นพิเศษแล้วอย่างแน่นอน จึงไม่ได้ถูกขัดขวางสามารถเข้าไปคฤหาสน์ตระกูลถังได้ทันทีเลย
ด้านในคฤหาสน์ตกแต่งได้โอ่อ่ารโหฐาน พอที่จะมองเห็นความหรูหรา
หญิงสาวที่สวมชุดแม่บ้านคนหนึ่งพาเขาตรงไปบนชั้นสองของคฤหาสน์
ในห้องนอนห้องหนึ่งที่ชั้นสองตอนนี้ได้มีหมอที่สวมเสื้อคลุมสีขาวสองสามคนวินิจฉัยโรคให้ถังหลี่อยู่ ทว่าดูสีหน้าของพวกเขา แต่ละคนหน้านิ่วคิ้วขมวดจึงดูออกได้ว่าพวกเขาก็จนปัญญาเช่นกัน
นอกเหนือจากเสื้อคลุมสีขาวไม่กี่คนนั่นแล้ว ยังมีผู้อาวุโสใบหน้าซูบเซียว ผมขาวแซมดำ มีราศีพิเศษอยู่ ซึ่งก็คือฉินกวงหยวนผู้รอบรู้แพทย์แผนจีนที่ชื่อเสียงเทียบเท่ากับหวางเย๋
ถังหลี่นอนบนเตียงอย่างกระสับกระส่ายและไม่เต็มใจ คนที่อยู่เบื้องหน้าตัวบวมเป่งเหมือนลูกท้อที่ใกล้จะสุก บีบอัดจนหนังตาลืมไม่ขึ้น กระดุมตรงหน้าอกถูกปลดออก สามารถมองเห็นว่ามีอีสุกอีใสขึ้นบนหน้าอกเขาอยู่จำนวนไม่น้อย คอสีแดงฉาน เห็นได้ชัดเจนว่าเกิดจากการเกา
ข้างเตียงผู้ป่วยมีหญิงวัยกลางคนอายุราวสี่สิบปี แต่งตัวพิถีพิถัน มีเสน่ห์คงไว้นั่งอยู่ คิดว่าเป็นแม่ของถางชือชือแน่ ๆ ถางชือชือเคยเอ่ยถึงสถานการณ์ในครอบครัวให้เขา
หญิงวัยกลางคนนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้ากลัดกลุ้ม เอ่ยปลอบโยนอยู่ไม่หยุด : “ทนไว้นะคะ อย่าเกา เดี๋ยวพวกคุณหมอก็คิดหาวิธีได้ค่ะ เมื่อวานชือชือโทรมาหาบอกหาหมอเทวดาจากต่างจังหวัดมาได้คนหนึ่ง จะต้องรักษาโรคของคุณได้แน่ค่ะ……”
เพิ่งพูดจบไปหมาด ๆ ก็เห็นแม่บ้านพาหนุ่มหน้าตาอัปลักษณ์คนหนึ่งมายืนอยู่ปากประตู
เธอไม่ลุกขึ้น เอ่ยด้วยสีหน้าขุ่นมัว : “แม่บ้านโจว ตอนนี้มันกี่โมงกี่ยามแล้ว ทำไมเธอพาใครก็ไม่รู้มาที่นี่อยู่เรื่อยเลย ?”
คนอื่นได้ยินก็หันไปมองปากประตูกันอย่างพร้อมเพรียง
“ท่านนี้ก็คือคุณเซียวหมอเทวดาที่คุณหนูเชิญมาจากเจียงไห่ค่ะ” แม่บ้านโจวเอ่ย
เซียวชุ่นผงกหัวอย่างไม่แข็งกร้าวและไม่ดูถ่อมตนจนเกินไปพลันเอ่ยทักทาย : “นายหญิงถังสวัสดีครับ กระผมเซียวชุ่น”
เหยียนหยิงพินิจเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า ใบหน้าที่เดิมบึ้งตึงก็ฉายรอยยิ้มอย่างรวดเร็ว รีบลุกขึ้นเอ่ยด้วยคำพูดที่จริงใจทันที : “หมอเทวดาเซียวคะ รบกวนคุณช่วยดูที่รักของฉันทีค่ะ เขาป่วยเป็นอะไรกันแน่”
เซียวชุ่นยิ้มจาง ๆ : “ไม่ต้องดูแล้วครับ คุณถังถูกพิษน่ะครับ”
เมื่อพูดคำนี้ออกมา สีหน้าของเหยียนหยิงก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย หมอคนอื่น ๆ ไม่กี่คนนั้นมองเขาด้วยสีหน้าดูถูก เดิมทีพวกเขาไม่ได้ค่อยมีความประทับใจที่ดีกับคนหนุ่มที่กล้ากล่าวอ้างว่าเป็นหมอเทวดาคนนี้หรอก
ฐานะสูงส่งอย่างหวางเย๋กับฉินกวงหยวนยังไม่กล้าเรียกตนเองว่าหมอเทวดาเลย ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคำพูดที่คนอื่นประจบประแจง
คนหนุ่มตัวเล็ก ๆ คนนี้ถูกคนอื่นเรียกขนาดนี้ก็น่าจะรู้สึกอับอายจนเหงื่อตก แต่กลับเห็นเขามีสีหน้าไม่สะทกสะท้าน ไม่มีความรู้สึกอับอายขายหน้าเลยสักนิด ถือดีเกินไปจริง ๆ
“คนหนุ่มคนสาวเดี๋ยวนี้หุนหันพลันแล่นเกินไปจริง ๆ ร่ำเรียนการรักษาโรคไม่กี่วันก็คิดว่าเจ๋งแล้ว หากว่าถูกพิษ พวกเราจะตรวจดูไม่ออกอย่างนั้นหรือ ? ไม่ต้องให้คุณมาคุยโวโอ้อวดที่นี่หรอก ?”
“ต่อให้วิชาแพทย์ของพวกเราย่ำแย่ หรือว่าแม้กระทั่งตาฉินที่นั่งตรวจอาการเองเลยก็ตรวจดูไม่ออกอย่างนั้นหรือ ?”
ฉินกวงหยวนก็ประเมินเซียวชุ่นตั้งแต่หัวจรดเท้า หวางเย๋ก็เคยเอ่ยถึงว่าเคยพบหมอเทวดาเล็ก ๆ คนหนึ่งที่เจียงไห่ให้เขา ตอนนี้ดูเหมือนบางทีหวางเย๋จะมองผิดไป
ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเขาเป็นหมอมานับสิบปี เคยวินิจฉัยตัวอย่างโรคนับไม่ถ้วน เคยพบโรคยาก ๆ สลับซับซ้อนหลากหลายรูปแบบ หมอย่อมรู้จักยาพิษเป็นอย่างดี เขาไม่เคยเห็นอาการของโรคเหมือนอย่างของถังหลี่แบบนี้มาก่อนเลย
คนนอกอาจจะไม่รู้ ฉินกวงหยวนอายุเกินเจ็ดสิบปีแล้ว เดินท่องวงการแพทย์แผนจีนนับสิบปี มีความเข้าใจเรื่องของยุทธภพและตระกูลถังในระดับหนึ่ง
สายเลือดของถังหลี่นี้ได้สืบทอดต่อกันมานับร้อยปี ไม่มีใครสามารถเหนือเกินเขาในด้านการใช้พิษได้อย่างแน่นอน
เพียงแต่การใช้พิษนั้นถูกบุคคลโดยทั่วไปรังเกียจมาแต่ไหนแต่ไร บวกกับถึงสถานที่ที่ใช้พิษในสมัยใหม่มีไม่มากแล้วจริง ๆ เมื่อนับสิบปีก่อนที่ตระกูลถังดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าสำนักก็เพื่อให้ชื่อเสียงของตระกูลถังไม่ถูกรังเกียจจากสายตาคนทั่วไป เขาเป็นฝ่ายประกาศว่าจากนี้ตระกูลถังจะวางมือ ไม่ใช้พิษอีก
แต่ไม่ใช่พิษอีก ไม่ได้หมายความว่าการถ่ายทอดแบบนี้จะหยุดลง
ถังหลี่ในฐานะที่เป็นผู้นำสายเลือดของตระกูลถังนี้จะต้องสืบทอดวิชาความรู้ที่หายสาบสูญของตระกูลถังอย่างแน่นอน ย่อมเข้าใจยาพิษทุกประเภทเป็นอย่างดี เขาจะไม่รู้สึกตัวได้เลยสักนิดได้ยังไง นี่มันเหลวไหลเกินไปแล้ว
ดังนั้นสายตาของฉินกวงหยวนจึงมองเซียวชุ่นด้วยความเหยียดหยามเพิ่มขึ้น คนหนุ่มคนนี้พูดจาเลยเถิดเกินไปหน่อยจริง ๆ
“ที่หนุ่มน้อยเรียนคือวิชาชีพอะไรหรือ ?” หมอวัยกลางคนสวมเสื้อคลุมสีขาวคนหนึ่งในนั้นเอ่ยถาม
“อ้อ ที่ผมเรียนคือแพทย์แผนจีน” เซียวชุ่นตอบอย่างไม่สนใจนัก
พอทุกคนได้ยินก็งงงัน เอนตัวไปด้านหลัง พลันมองเขาด้วยใบหน้าหยอกล้อ
หมอแพทย์แผนจีนที่ไม่ได้สั่งสมประสบหลายปีถึงขนาดที่ว่านับสิบปีก็ยากที่จะประสบความสำเร็จ เห็นเขาอายุน้อย ๆ แค่ยี่สิบกว่าปี อีกอย่างไม่แม้กระทั่งจะมองคนไข้เลยด้วยซ้ำ ปราดเดียวก็วินิจฉัยแล้วว่าเกิดจากการถูกพิษ นี่ไม่น่าขำหรอกหรือ ?
อีกอย่างยังมีผู้รอบรู้แพทย์แผนจีนอย่างฉินกวงหยวนคนนี้อยู่ด้วย หนุ่มน้อยคนนี้ประมาทเกินไปจริง ๆ
“นายหญิงถัง ไล่เขาออกไปเถอะค่ะ คนคนนี้น่ะมาก่อความวุ่นวาย ไม่ต้องกวนอีกต่อไปแล้ว ทั้งนี้จะได้ไม่ทำให้อาการป่วยของคุณถังล่าช้า” มีคนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยพร้อมกับแสยะยิ้ม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊