หมอหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งพูดจาเสียดสี
“อายุน้อยนิด จะมีวิชาแพทย์อะไรได้ ต่อให้มีเกรงว่าเป็นพวกนอกลู่นอกทางก็เท่านั้น บางทีคนโง่เขลาเบาปัญญายังพอมีประโยชน์ ต่อหน้าพวกเรา คุณก็หยุดเสียเถอะ ยิ่งสอนจระเข้ว่ายน้ำต่อหน้าตาฉินด้วย ช่างไม่รู้จักอายเลย”
“ขนยังขึ้นไม่ทันครบ อย่าคิดแต่จะอวดเก่ง กลับไปร่ำเรียนพื้นฐานให้แข็งแรงซะดี ๆ ก่อนแล้วค่อยมาคุยกัน”
“พวกหมอไร้ฝีมือ รักษาได้ไม่ดีก็ไสหัวไป พูดจาเหลวไหลอยู่ที่นี่ทำไม ?”
เซียวชุ่นเหล่มองทุกคนแวบหนึ่ง เอ่ยถากถางกลับ : “ผมมารักษาโรค ไม่ได้มาฟังพวกคุณพูดฉีกหน้า อย่าอาศัยว่าอายุมากกว่าไม่กี่ปีแล้วเที่ยวมาดูถูกคนอื่น หากว่าพวกคุณมีความสามารถ ยังต้องให้พี่ใหญ่อย่างผมถ่อมาจากเจียงไห่ด้วยหรือ ?”
พูดจบ ทั้งหมดก็เงียบกริบ
จากนั้นต่อมา คนที่เสื้อคลุมสีขาวจอนผมสองข้างขาวโพลน สวมแว่นสายตายาวคนหนึ่งชี้นิ้วไปที่เซียวชุ่นสั่นระริกพลางเอ่ย : “แกมีคุณสมบัติอะไร ? คนบ้านนอกคอกนา หยาบคายเหลือเกิน ไสหัวไป !”
“คุณมีสิทธิ์อะไรให้ผมออกไป ? มีความสามารถตอนนี้คุณก็รักษาคุณถังให้หายดีสิ ถ้ารักษาให้หายดีละก็ ไม่ต้องพูดถึงว่าให้ผมไสหัวออกไปหรอก คลานออกไปยังได้เลย” เซียวชุ่นเอ่ยอย่างสงบเงียบ
“แก ! ?” คนที่สวมแว่นสายตายาวโกรธจนร่างกายสั่นสะท้าน พูดไม่ออกเลย
“พูดจาอวดดี ตอนนี้พวกเรากำลังปรึกษาวิธีการรับมืออยู่ หากว่าพวกเรารักษาไม่หาย หรือว่าคุณสามารถรักษาให้หายดีได้งั้นเหรอ ?” หมอที่อายุน้อยกว่าหน่อยเอ่ย
เหยียนหยิงมองทุกคนทะเลาะกัน ดูเหมือนลำบากใจอยู่หน่อยไปชั่วขณะหนึ่ง
คราวนี้ถังหลี่หลับตาอ้าปากตะโกน : “ให้เขารักษา ! ”
เขามองไม่เห็นอะไร คันตามร่างกายจนยากที่จะทนได้ และหมอพวกนี้หาวิธีรับมือไม่ได้ซะที รำคาญพวกเขาเหล่านี้ตั้งนานแล้วด้วยซ้ำ ได้ยินพวกเขาทะเลาะอยู่ข้าง ๆ นี้ ในใจจึงแผดไฟเผาอยู่
ถังหลี่คนนี้ถือว่าเป็นคนมีเหตุผลอยู่
และไม่สนว่าคนที่มาจะสามารถรักษาอาการป่วยของเขาให้หายดีได้จริงหรือไม่ เขาเพิ่งมาก็ถูกพวกหมอไร้ฝีมืออย่างพวกคุณพูดจาฉีกหน้า ไม่มีเหตุผลเลยจริง ๆ
แน่นอนว่าเขาพูดไปแบบนี้ไม่ได้ อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่มั่นใจว่าคนที่มาใหม่จะรักษาอาการป่วยของเขาให้หายได้หรือไม่
หากว่าไม่สามารถเขายังคงพึ่งพาหมอพวกนี้เอาแล้วกัน พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มาจากโรงพยาบาลใหญ่ที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงกันหมด
สาเหตุอีกด้านคือความเชื่อใจที่เขามีให้ถางชือชือผู้เป็นลูกสาว แม้ว่าตอนเด็ก ๆ ยัยหนูนั่นจะไม่เอาถ่านอยู่บ้าง แต่เธอยังรู้จักความเหมาะสมในเรื่องที่ถูกต้องอยู่ อย่างน้อยเธอจะไม่เชิญคนที่ไม่ได้เรื่องมาตรวจและรักษาโรคของตนเองอย่างลวก ๆ แน่นอน
ในเมื่อเจ้าบ้านเอ่ยวาจาแล้ว ทุกคนก็ไม่โต้เถียงอีกต่อ ยืนอยู่ด้านข้างจ้องเซียวชุ่นอย่างเย็นชา ท่าทีมองละครสนุก ๆ อยู่ รอให้เขาหน้าแตก
เซียวชุ่นเดินไปหน้าเตียงผู้ป่วย : “คุณถังครับ ตอนนี้ผมจะฝังเข็มให้คุณ อาการที่คุณคันอาจจะรุนแรงขึ้นในช่วงสั้น ๆ ต้องให้คุณทนหน่อยนะครับ”
ถังหลี่พยายามลืมตาเหลือบมองเขาอย่างช้า ๆ แวบหนึ่ง และก็ไม่ได้ถามว่าตัวเองถูกพิษอะไร เพียงแต่กระตุกมุมปากสองที หลังจากนั้นก็หลับตา เอ่ยราบเรียบ : “คุณฝังเข็มได้เต็มที่เลย ผมทนไหว”
เซียวชุ่นหยิบเข็มเงินออกมา หลังจากฆ่าเชื้อโรคด้วยแอลกอฮอล์ ก็เขี่ยเสื้อของถังหลี่ออก แสดงเหยียนหวงสิบสามเข็มโดยฝังหนึ่งเข็มไว้ที่จุดจี๋เชวี๋ยนตรงรักแร้เขาก่อน ตามด้วยจุดเซ่าฝู่ที่ฝ่ามือ และฝังอีกสองสามเข็มติดต่อกันที่จุดไท่ชงที่ผิวเท้า
ฝีมือประณีตและชำนาญ ทำให้คนอื่นต่างลานตา
พร้อมกับส่งชี่ทิพย์เข้าไปเล็กน้อย เขารู้สึกได้ว่าถังหลี่ถูกพิษเยอะมากอย่างเห็นได้ชัด เกรงว่าฝังเข็มครั้งเดียวไม่สามารถขจัดสารพิษได้หมดอย่างแน่นอน
ตาแก่ ๆ ของฉินกวงหยวนหรี่มอง วิชาฝังเข็มนี้ เหมือนเคยเห็นอยู่
จู่ ๆ ในใจก็สั่นเทา พลันเบิกตาโพลง
เหยียนหวงสิบสามเข็ม ? หรือว่านี่ก็คือเหยียนหวงสิบสามเข็มวิชาการฝังเข็มที่หายสาบสูญที่เล่าลือกัน ?
เขากับหวางเย๋เคยพูดคุยถึงวิชาฝังเข็มประเภทนี้ ทักษะขั้นเทพไร้เทียมทาน วันนี้ได้เห็นกับตาตัวเอง ทำให้หัวใจเต้นรัวอย่างที่คาดไว้
เพียงแต่ถังหลี่ดูเหมือนไม่มีการเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย หรือว่าไอ้หนุ่มตัวเปี๊ยกนี่แค่ลักษณะคล้ายกันเท่านั้น แต่ไม่ได้เป็นวิธีการนั้น ? ไม่น่าใช่นะ ดูฝีมือที่ช่ำชองของเขา ไม่เหมือนมือใหม่อย่างแน่นอน
ทว่าก็มีความเป็นไปได้ เหยียนหวงสิบสามเข็มไม่ได้สืบทอดต่อกันมานานแล้ว คนหนุ่มอายุน้อยขนาดนี้จะเป็นได้ยังไงกัน ?
น่าจะเป็นเพียงแค่ลักษณะคล้ายกันล่ะมั้ง
ในระหว่างที่กำลังงงงวย จู่ ๆ สีหน้าของถังหลี่ก็ดุร้าย จับมือของเซียวชุ่นเอาไว้แน่น : “ไอ้สารเลว เจ็บจะตายอยู่แล้ว ! หยุด ! หยุดเดี๋ยวนี้ !”
มือของเซียวชุ่นเชื่องช้าไป ไม่น่าใช่สิ ฝังเข็มชุดนี้ไปแล้ว มากสุดก็แค่คันนิดหน่อย จะเจ็บได้ยังไงกัน ?
เหยียนหยิงหน้าเปลี่ยนสี ร้องตะโกนเสียงแหลม : “ให้คุณหยุด คุณไม่ได้ยินหรือไงกัน ? !”
หมอคนอื่น ๆ ไม่กี่คนนั่นก็เริ่มตะโกนเสียงดังลั่นด้วยความรู้สึกดีอกดีใจ
“ประธานถังให้คุณหยุด คุณหูหนวกเหรอ ! พรากชีวิตคนไป คุณจะต้องรับผิดชอบผลที่ตามมานะ !”
“ก็บอกแล้วว่าไอ้หนุ่มนี่พูดเอาใจคนอื่นก็เท่านั้น พวกคุณก็ไม่เชื่อ ตอนนี้เป็นไงล่ะ ?”
“ไอ้โง่ที่ไม่มีความรู้ความสามารถ วงการแพทย์แผนจีนมีสวะแบบนี้อย่างแก เป็นความอัปยศจริง ๆ จากนี้เจอเขาอีกจะแจ้งตำรวจทันที เป็นนักต้มตุ๋นกำมะลอคนหนึ่งก็เท่านั้น”
“......”
เซียวชุ่นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ หลังจากเข็มสุดท้ายส่งชี่ทิพย์ให้หลั่งไหลเข้าไปใต้ฝ่าเท้าแล้ว จึงจะหยุด
ตอนนี้ถังหลี่สั่นสะท้านไปทั้งร่างกาย เส้นเลือดดำเริ่มปูด ดูเหมือนทุกข์ทรมานยากที่จะอดทน
“ตาฉิน ทำยังไงดี ? คุณรีบคิดวิธี รีบช่วยที่รักของฉัน !” เหยียนหยิงมีท่าทีตื่นกลัว เอ่ยกับฉินกวงหยวนพร้อมกับน้ำตาคลอเบ้า
ฉินกวงหยวนรีบเดินไปข้างหน้า ดึงเข็มออกมาทีละเล่ม คราวนี้ถังหลี่จึงจะค่อย ๆ ผ่อนคลายลง
ทุกคนมองเซียวชุ่นที่ตอนนี้นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ เหงื่อไหลพลั่กเต็มหน้าผาก
“ตอนนี้ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ? หรือต้องการรอให้มีคนไล่แกไปหรือยังไง ?”
“ไร้ยางอายสิ้นดี !”
เผี๊ยะ !
เหยียนหยิงหวดไปบนหน้าเขาฉาดหนึ่งอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันได้ตั้งตัว : “หากว่าที่รักฉันมีอันเป็นไป ฉันจะฝังแกไปด้วย !”
“คุณหวังจะให้สามีของคุณตายขนาดนี้เลยเชียวหรือ ?” สายตาของเซียวชุ่นฉายรัศมีเย็นยะเยือกอันเฉียบคมมองไปที่เธอ
เขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอยู่ในใจ ไม่สบายใจจนถึงสุดขีด
เหยียนหยิงสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เอ่ยด้วยความเดือดดาล : “แกพูดเหลวไหลอะไรน่ะ ! เร็วเข้า ขังเขาเอาไว้ก่อน ! แจ้งตำรวจ !”
“ใช่ ทิ้งคนประเภทนี้ไว้ในสังคมจะเป็นหายนะ จับให้เขาเข้าคุกไปสองสามปี ก็ถือว่าเป็นการกำจัดภัยให้ประชาชน !”
“สวะของยุคการแพทย์ !”
คนอื่น ๆ พากันเอ่ยคล้อยตาม
คราวนี้เอง ถังหลี่โบกมือ เอ่ยอย่างอ่อนแรง : “ช่างเถอะ ฉันไม่เป็นไร ปล่อยเขาไปเถอะ หนุ่มน้อยคนนี้ไม่ได้ตั้งใจ ร่ำเรียนวิชามาไม่แตกฉานก็กลับไปเรียนให้มากหน่อยแล้วกัน ให้โอกาสพวกคนหนุ่มคนสาวหน่อย อีกอย่างเขาเป็นเพื่อนที่ชือชือเชิญมา เห็นแก่หน้าของชือชือ คราวนี้ก็ช่างมันเถอะ”
“ประธานถัง คุณเมตตาเอื้อเฟื้อเกินไปแล้ว คนแบบนี้ไม่เข็ดหลาบหรอก ไม่แน่ว่าพอเขาออกไปจะไปทำลายคนอื่นเอา”
“นั่นสิ ๆ ”
ถังหลี่หลับตา เอ่ยด้วยเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความน่าเกรงขาม : “ฉันบอกไปแล้ว ให้เขาไปเถอะ”
“ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ! ” เหยียนหยิงถลึงดวงตาอัลมอนด์ใส่ พูดตำหนิเซียวชุ่นอย่างรุนแรง
เซียวชุ่นเหลือบมองถังหลี่แวบหนึ่งด้วยความหมายลึกซึ้ง เก็บเข็มเงิน แล้วลุกขึ้นจากห้องไป
พอเดินออกจากประตูคฤหาสน์ไปได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงกรีดร้องอันน่าสยดสยองอันยากที่จะซ่อนความเจ็บปวดเอาไว้ของถังหลี่
เซียวชุ่นหันกลับไปมองแวบหนึ่งด้วยจิตใต้สำนึก ส่ายหน้าจนปัญญา
เขาลูบแก้มที่ตัวเองถูกตบอย่างช่วยไม่ได้ ยังมีความร้อนที่แสบ ๆ อยู่หน่อย พลันเอ่ยกับตัวเอง : “ฝ่ามือนี้ ตอนนี้ถางชือชือค้างฉันอยู่ร้อยล้านแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊