“พวกไม่รู้จักกลับตัวกลับใจ! เป็นลูกเป็นหลานตระกูลเหยา แต่กลับขโมยสูตรลับผลิตหุ้ยเชิงหยวนที่บรรพบุรุษตระกูลเหยาสืบทอดกันมา ตอนนี้ยังจะพูดจาอวดดีไร้ยางอายกล้ามาถามว่าข้าจะทำอะไร! นิ่งอยู่ทำไม? ตบปาก!” เหยาเจิ้นชูกล่าวอย่างเฉียบขาด
เผียะ! เผียะ!
เหยาเสินโดนตบหน้าตบหน้าสองครั้งติดต่อกัน ใบหน้าสวยขาวของเธอก็แดงเป็นปื้นขึ้นทันที
“เฮอะ! สูตรลับของบรรพบุรุษของตระกูลเหยา? นี่ท่านพูดเรื่องไร้สาระอะไร? ท่านมาพูดอะไรตอนนี้? เก่งจริงก็ตีเราสามคนให้ตายไปเลยสิ ไม่เช่นนั้นฉันไม่ยอมจบแน่!” ดวงตางามของเหยาเสินเอ่อคลอไปด้วยน้ำตาแต่เธอพยายามไม่ให้มันไหลลงมา พร้อมกัดฟันถาม
“พี่เหยาเสิน อย่าปากแข็งเลยน่า รีบรับผิดแล้วขอโทษคุณปู่รองเถอะ คุณปู่รองเป็นผู้ใหญ่ต้องให้อภัยพวกคุณแน่” เหยาเสี่ยวหยูยืนอยู่ด้านข้างอย่างไม่รู้อะไร แล้วเธอก็ไม่คิดว่าเรื่องมันจะมาถึงขนาดนี้ เธอรู้สึกสับสนขึ้นมาทันที ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
เหยาเสินมองเธออย่างไม่อยากเชื่อ พูดอย่างโกรธเกรี้ยว : “ฉันเคยคิดว่าเธอมีการศึกษาสูง อย่างน้อยน่าจะแยกแยะถูกผิดได้ ปกติเธอไม่อยู่บ้าน มีหลายเรื่องที่เธอไม่ได้รู้จริง อย่ามาพูดมาก!”
“พี่น่ะโดนเซียวชุ่นมันหลอกล่อด้วยคำหวาน มันเข้ามาที่ตระกูลเหยาของเราก็เพื่อสูตรลับของตระกูล อย่าคิดว่าปกติฉันไม่อยู่บ้านแล้วจะไม่รู้อะไรนะ” เสี่ยวหยูกล่าว เธอโกรธจนหน้าแดง
“ใช่ เสี่ยวหยูพูดถูก ไอ้เขยไร้ค่านั่นแต่งเข้ามาก็เพื่อสูตรลับตระกูลเหยาของเรา ตอนนี้แกยังดื้อดึงเดินทางผิด ทำไมตระกูลเหยาต้องมีลูกหลานอย่างแกด้วยนะ!”
“พูดอะไรไร้สาระกับหล่อนอยู่ได้? ถ้าไม่สั่งสอนหล่อนสักที หล่อนคงไม่รู้จักหลาบจำ”
หลายๆคนข้างกายเหยาเสี่ยวหยูกล่าวสมทบ
อยากลงโทษใครก็มีข้ออ้างได้เสมอ เหยาเสินก็ไม่อยากจะใส่ใจพวกเขา เพียงแต่ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกหมดหนทาง เวลานี้ถ้ามีเซียวชุ่นอยู่เคียงข้างบางทีเรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น
ฉันอยากให้ตอนนี้คุณอยู่ข้างๆจังเลย
ทำไมคุณยังไม่กลับมาอีก?
ในใจของเหยาเสินอยากร้องไห้แต่กลับไร้น้ำตาพลางคิด
เผียะ!
อีกครั้งที่ฝ่ามือฟาดลงบนหน้าเธอ
“พวกคุณทำฉัน! อย่าทำลูกฉัน!” หลิวหยุนเซียงพยายามดิ้นรนเพื่อไปอยู่เคียงข้างเหยาเสินอย่างสุดกำลัง ขวางอยู่ข้างหน้าเธอ และร้องไห้ตะโกนออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง
“มีความผิดกันหมด! หล่อนคิดว่าให้อภัยหล่อนแล้วเรอะ?” หลี่ชุนเหลียนตบหน้าหลิวหยุนเซียงด้วยแรงทั้งหมดที่มี ตอนนี้เธอหมดแรงแล้ว เธอกระชากผมของหลิวหยุนเซียงกดลงกับพื้นอีกครั้งอย่างง่ายดาย เธอถอดรองเท้าส้นเตี้ยออก แล้วตบลงไปบนใบหน้าของหน้าหลิวหยุนเซียง
“แม่!”
เหยาเสินไม่มีหนทางให้ร้องขอ เธอร้องไห้ออกมาเสียงดังด้วยความเจ็บปวด
“อ่าห์!”
เหยาเจี้ยนกั๋วเบิกตามองดูภรรยาและลูกสาวของเขาถูกทารุณอย่างช่วยอะไรไม่ได้ เขาทุกข์ใจเป็อย่างยิ่ง ทั้งหมดนี้เกิดจากที่เขายังมีความคิดเพ้อฝันเกี่ยวกับตระกูลเหยา และเขาก็ส่งเสียงคำรามแหบๆออกมาอย่างกลั้นไม่ไหว
ถึงแม้เขาจะเป็นพวกอนุรักษนิยม แต่ไม่คิดเลยจริงๆว่า ยุคนี้สมัยนี้จะยังมีกฎครอบครัวที่ป่าเถื่อนไร้อารยธรรมเช่นนี้
แล้วกฎครอบครัวนี่ก็ดูเหมือนเจาะจงใช้เฉพาะกับครอบครัวของเขา
ความเจ็บปวดทรมานบนร่างกายยังกัดฟันทนได้ แต่ความเจ็บปวดในหัวใจล่ะ?
ลูกหลานตระกูลเหยาจำนวนหนึ่งมองดูเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยสายตาเย็นชา แสดงหน้าตาเลือดเย็นอย่างไม่หลบเลี่ยงสักนิด
ในที่สุดเหยาเจี้ยนกั๋วก็สลบไป และละครฉากนี้ก็จบลงอย่างรีบเร่ง
……
ตกกลางคืน
ที่โรงพยาบาลอันดับหนึ่งในเจียงไห่
หลังจากเซียวชุ่นได้รู้ข่าว เขาไม่สนใจการฝังเข็มอีกครั้งให้ถางชือชือแล้ว เขารีบกลับมาจากเมืองหลวงด้วยเที่ยวบินที่เร็วที่สุด
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเหยาเจิ้นชูจะลงมือกับครอบครัวของเหยาเสินหนักขนาดนี้
เมื่อผลักประตูเข้าไปก็เห็นเหยาเสินผมเผ้ายุ่งเหยิง แก้มบวมแดงช้ำ นั่งนิ่งอยู่บนเตียงคนไข้ มองไปข้างหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า เขารู้สึกเจ็บปวดใจอย่างเหลือทน
เหยาเสินเหลือบมาเห็นเขา ริมฝีปากสั่นๆ อยากจะพูดว่า “ในที่สุดคุณก็กลับมาแล้ว” สุดท้ายไม่ได้เอ่ยปาก น้ำตาเอ่อคลออยู่ที่ขอบตา และเธอก็กลั้นไม่ไหว เกิดเสียงสะอื้นดังขึ้น
เซียวชุ่นเข้าไปกอดเธอไว้แนบอก ลูบหลังร่างผอมที่สั่นเทาของเธอ และกล่าวปลอบด้วยเสียงอ่อนโยน : “ไม่เป็นไรแล้วนะ ผมกลับมาแล้ว ไม่มีใครกล้ารังแกคุณแล้ว”
เหยาเสินซุกศีรษะเล็กของเธอกับอกแกร่งของเขา ส่งเสียงสะอื้นอย่างเจ็บปวด
เซียวชุ่นกัดฟันแน่น ในใจเขาเอ่อล้นไปด้วยความต้องการฆ่า
น้ำตาหนึ่งหยดของคุณคือมีดหนึ่งเล่ม ที่ปักลงบนใจของผม แต่ผมจะเอามีดไปแทงไปบนร่างของพวกคนที่ทำให้คุณร้องไห้อย่างเร็วที่สุด
เหยาเสินทุกข์ใจและเหนื่อยล้า เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยน้ำตานองหน้า สะอื้นไห้พร้อมกล่าว : “คุณรีบไปดูคุณพ่อเถอะ ท่านยังไม่ฟื้นเลย”
เซียวชุ่นพยักหน้าพร้อมกล่าว : “คุณนอนพักสักหน่อยนะ ผมไปดูคุณพ่อก่อน เดี๋ยวกลับมา”
เหยาเจี้ยนกั๋วหมดสติไป หลักๆเกิดจากความวิตกกังวลอย่างเฉียบพลัน หลังจากเซียวชุ่นฝังเข็มและรมยาแล้วเขาก็ฟื้นขึ้นมา แต่อาการบาดเจ็บภายนอกยังต้องรักษาอย่างช้าๆ
หลิวหยุนเซียงสมองกระทบกระเทือนเล็กน้อย ความดันโลหิตสูงเล็กน้อย แต่โดยรวมแล้วเธอไม่มีปัญหาอะไรมาก
รอให้อาการบวมบนใบหน้าหายดี เหยาเสินและหลิวหยุนเซียงก็จะออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว
ระหว่างที่เซียวชุ่นออกไปซื้ออาหารให้พวกเขา เขาก็คุยโทรศัพท์ไปด้วย
“หมอเทวดาเซียว ได้ยินว่าช่วงนี้คุณอยู่ที่เจียงไห่มีอำนาจล้นฟ้า ฉันก็กลัวอยู่ว่าท่านหมอจะลืมฉันเสียแล้ว” หวางเฟิงคู่สนทนากล่าวยิ้มๆ
“อะไรกัน ท่านจะใช้บัตรของฉันจัดการกับตระกูลเหยาเหรอ? อาศัยพลังของคุณในตอนนี้การต่อกรกับตระกูลเหยานั้นไม่ต่างกับการขยี้มด ฉันคิดว่า ท่านคงไม่ต้องใช้ฉัน ฉันยังนึกเสียใจอยู่เป็นเวลาหลายวัน”
“ให้พวกเขาได้กินอาหารเรียกน้ำย่อยสักหน่อยก่อนเถอะ ในไม่ช้านอกจากครอบครัวของภรรยาฉันจะไม่มีตระกูลเหยาในเจียงไห่อีก” เซียวชุ่นพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เอาล่ะ งั้นฉันจะเสิร์ฟออเดิร์ฟให้ท่านก่อนแล้วกัน ถ้ามีเวลาคุณต้องมาที่เมืองก่างแล้วติดต่อฉันนะ ฉันจะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงมื้อค่ำคุณเอง” หวางเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มสว่างไสว
“ดี” หลังจากเซียวชุ่นตอบรับเบาๆแล้ววางสาย
ในเช้าวันที่สองเวลาใกล้สิบโมง
เหยาฮั่นเดินอย่างสบายๆเข้ามาที่สำนักงานยู่เหลย อินเตอร์เนชั่นเนล
เพิ่งชงกาแฟหนึ่งถ้วย ยังไม่ทันได้ดื่ม ผู้ช่วยเซวรุ่ยก็รีบเข้ามาในสำนักงานด้วยความตื่นตระหนก
“แย่แล้ว ประธานเหยา!”
ตอนนี้เหยาฮั่นพอใจในตัวเองอย่างมาก พูดอย่างไม่พอใจ : “มีอะไรน่าตระหนก? ฟ้าจะถล่มหรือไง?”
“เฉิงฮุย เทรดดิ้งแคนเซิลคำสั่งซื้อทั้งหมดกับเรา แล้วยังฟ้องเราอีก ฝั่งนั้นบอกว่าเมื่อปีก่อนมีสินค้าบางล็อตไม่เป็นไปตามข้อกำหนดด้านคุณภาพที่ระบุไว้ในผลิตภัณฑ์และแอบลดจำนวนวัสดุ ใช้ผ้าที่ไม่ได้สั่งตั้งแต่แรก และต้องการให้ทางเราจ่ายค่าชดเชยห้าสิบล้านหยวน”
“แกว่าไงนะ?”
ใจของเหยาฮั่นตกไปที่ตาตุ่ม เมื่อปีก่อนเฉิงฮุย เทรดดิ้งเพิ่มปริมาณการสั่งซื้อขึ้นอย่างมาก โดยโรงงานผลิตชิ้นส่วนที่เดิมทำสัญญากับยู่เหลย อินเตอร์เนชั่นเนล นั้นโยกย้ายพนักงานไม่ได้ชั่วคราว ดังนั้นเขาจึงต้องหาโรงงานอื่นมารับช่วงต่องาน
การทำงานไม่มีปัญหา แต่วัสดุที่ใช้จริงๆก็แย่กว่าที่เคยใช้นิดหน่อย ทีแรกคิดว่าจะไม่มีปัญหาอะไร ตอนนี้ปัญหากลับอยู่หน้าประตูเสียแล้ว
“เป็นเรื่องจริงครับ พวกเราได้รับจดหมายจากฝ่ายกฎหมายของเฉิงฮุย เทรดดิ้งแล้ว”
“อย่าตระหนกไป ฉันจะโทรไปคุยกับประธานเซิ่งของเฉิงฮุยเทรดดิ้ง ดูว่าเราสามารถเจรจาได้หรือไม่”
พูดจบ เขาก็รีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและกดหมายเลขโทรหาเซิ่งหยวนจงประธานของเฉิงฮุย เทรดดิ้งสาขาเจียงไห่
น่าเสียดายที่อีกฝ่ายตัดสายเขา หลังจากนั้นโทรอีกสองสามครั้ง ในที่สุดเซิ่งหยวนจงก็รับโทรศัพท์เขา แต่กลับมีเพียงประโยคเย็นชาว่า : “ไม่ต้องโทรมาหาฉันอีก จะไม่มีการเจรจา!”
นอกจากคำสั่งซื้อของเฉิงฮุย เทรดดิ้ง ตอนนี้ยู่เหลย อินเตอร์เนชั่นเนลไม่มีคำสั่งซื้ออื่นอีก ตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงค่าชดเชยมูลค่าสูง แค่ค่าใช้จ่ายรายวันของบริษัทก็เป็นเงินจำนวนมากแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊