“ฝึกฝนทั้งตัวแล้วคิดว่าตัวเองเก่งนักเหรอ?” เจียงเฉิงยิ้มเยาะเย้ยขึ้น ในเวลานี้วัยรุ่นเจ็ดแปดคนได้ยกพวกมาทางนี้แล้ว
ต้วนเจียก้าวไปด้านหน้าคว้าคอเสื้อของเจียงเฉิงไว้ แล้วโยนเขาไปด้านข้างราวกับว่าจับไก่ตัวเล็กๆ “พวกเรา จัดการมันซะ!”
วัยรุ่นเจ็ดแปดคนนั้นถือขวดเหล้าอยู่ในมือ และเก้าอี้ก็กำลังจะทักทายไปที่ตัวของต้วนเจีย ในเวลานี้ดนตรีได้หยุดลงกะทันหัน
"เกิดอะไรขึ้น?"
"ผิดพลาดหรือเปล่าวะ พวกแกยังจะทำการค้ากันอยู่หรือเปล่า? ทำอะไรวะ?!"
“ดีเจตายอยู่ๆก็ตายไปเหรอวะ? บ้าจริง!”
บางส่วนที่ไม่ได้สังเกตถึงคนทางนี้ต่างตะโกนร้องกัน วัยรุ่นเจ็ดแปดคนก็ชะงักลงโดยไม่รู้ว่าทำไม
“แม่งหุบปากให้หมด“ ในตอนนี้มีเสียงๆหนึ่งดังมาจากชั้นสอง และก็เงียบลงครู่หนึ่ง จากนั้นไฟก็ส่องสว่างขึ้น
“คุณชายเหว้ย ยั่วโมโหไม่ได้นะ”
“เกิดอะไรขึ้นกันนะ? เป็นไปได้ไหมที่ใครจะกล้ามาสร้างความวุ่นวายในถิ่นของเหว้ยเทียนฮั๋ว?”
คนบางส่วนกระซิบกระซาบกัน นี่ถึงได้สังเกตเห็นว่าดูเหมือนมีบางอย่างเกิดขึ้นที่ด้านหน้าบาร์ และทุกคนต่างมองไปทางด้านของพวกเซียวชุ่นโน่น
“เจียงเฉิง แกมาสร้างความวุ่นวายที่ผับบาร์ของกู อยู่จนเบื่อแล้วเหรอวะ?”
“คุณชายเหว้ย ไม่ใช่ว่าผมต้องการสร้างความวุ่นวาย แม่งมีคนไม่ไว้หน้าผม” เจียงเฉิงมองไปทางชั้นสองแล้วพูดขึ้น
บนชั้นสองวัยรุ่นคนหนึ่งสวมเสื้อขนสัตว์สีดำ กางเกงยีนส์และใบหน้าเกรี้ยวกราด สายตาชำเลืองมองไปยังผู้คนที่อยู่ด้านล่างอย่างรวดเร็ว แล้วเดินลงบันไดมาด้วยรอยยิ้มบางเบา
ตามหลังเขายังมีวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่แต่งตัวดูดี
เดิมทีฝูงชนที่ล้อมเป็นวงกลม ได้หลีกเส้นทางเดินเส้นหนึ่งออกให้ในทันใด
โลกช่างกลมจัง? หลังจากที่เหว้ยเทียนฮั๋วเห็นเซียวชุ่นก็ชะงักเล็กน้อยแล้วพูดว่า "แกชื่อ......ชื่ออะไรนะ? ครั้งก่อนฉันกับโค่วโม่ชูถูกคนของแกล้อมเอาไว้ที่เจียงไห่ ยังจำได้ไหม?"
“แม่งเอ้ย แกยังกล้ามาที่เหลยหยางอีก ครั้งก่อนหยิ่งผยองในถิ่นของแก แกคิดว่าที่นี่คือเจียงไห่ของแกเหรอ?"
ชายที่มีผ้าพันแผลในมือชี้ไปที่เซียวชุ่น ซึ่งเป็นชายหน้ายาวคนนั้นที่เซียวชุ่นบีบแขนจนหักในวันนั้น
ทันทีที่กล่าว ก็เกิดความโกลาหลขึ้นในทันที
“ที่แท้เป็นคนต่างถิ่นของเจียงไห่คนหนึ่ง ไม่น่าแปลกใจเลยที่จะไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ ถึงกล้ามาสร้างความวุ่นวายที่นี่ รำคาญใจที่จะมีชีวิตอยู่ซะแล้วสินะ”
“ที่สำคัญคือไอ่ซ่ำนั่นกลับทำให้คุณชายเหว้ยขุ่นเคืองที่เจียงไห่ วันนี้มีเรื่องสนุกให้ดูแล้ว”
“คุณชายเหว้ยไม่รบกวนให้คุณลงมือ วันนี้ผมจะช่วยคุณจัดการเขาทิ้งเสีย” เจียงเฉิงลูบมือกำหมัดอยู่ด้านหนึ่ง โดยเอ่ยอย่างอยากจะลองทดสอบดู
“คุณนี่มันมีปัญหาที่ตัวคนสินะ ทำไมไปที่ไหนก็มีศัตรูอยู่ทุกที่?” ถางชือชือกระซิบ
“ก็ไม่ได้ซวยเพราะคุณหรอกเหรอ หากคุณไม่ยั่วโมโหคนอื่นก็คงจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น” เซียวชุ่นยิ้มอย่างสบายๆ ไม่ได้สนใจกลุ่มเสเพลตรงหน้าเหล่านี้อยู่ในสายตาเลยสักนิด
“ต้องบอกว่าแกมันเก่งการต่อสู้จริงๆ แต่ว่าในเมื่อวันนี้แกตกมาอยู่ในถิ่นของกู กูจะไม่ปล่อยให้แกออกไปได้สบายๆ เว้นแต่ว่าแกจะล้มพวกกูให้หมด แต่ว่าแกอย่าลืมซะล่ะ ที่นี่คือเหลยหยาง กูสามารถเรียกคนหลายร้อยหรือเป็นพันคนมาได้ตลอด แกมีปัญญาก็ลองดู” เหว้ยเทียนฮั๋วยิ้มอย่างได้ใจพร้อมกับเอ่ยขึ้น
“พร้อมบอกกับแกประโยคหนึ่ง อาของกูคือเหว้ยเหวินตงเป็นประธานสหการค้าของหนิงโจวซึ่งเป็นข้าราชการชั้นสูง รากฐานและภูมิหลังของตระกูลเหว้ยของพวกกูไม่ใช่ว่าจะถูกบดขย้ำเหมือนโค่วเจิ้งชิงแบบนั้นได้”
วันนั้นอยู่ที่เจียงไห่เขาได้ยินคำพูดของโค่วเจิ้งชิงด้วยหูตัวเอง ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าเซียวชุ่นไม่ได้ง่ายดายอย่างที่คิดเป็นแน่ ไม่ขนเอาอะไรออกมาสักหน่อยเกรงว่าจะกดเขาเอาไว้ไม่ได้
“คุณชายเหว้ยคิดที่จะทำอย่างไร?” เซียวชุ่นยิ้มเบาๆแล้วเอ่ย
เขาก็ฟังมันออก ดูเหมือนว่าฐานะของเหว้ยเหวินตงคนนี้ดูเหมือนจะสูงกว่าโค่วเจิ้งชิง อย่างไรก็ตามได้รับการปันส่วนอย่างเป็นทางการ
“ทิ้งผู้หญิงของแกไว้ปรนนิบัติกูคืนนี้ แกเปลื้องผ้าล่อนจ้อนแล้วคลานออกจากที่นี่ไป วันนี้กูจะไม่ถือสาแกชั่วคราว ครั้งหน้าทางที่ดีที่สุดก็คืออย่าให้กูเจอแก เจอแกอีกกูก็จะเหยียบแกให้ตายเหมือนเดิม”
เหว้ยเทียนฮั๋วพูดจบ ในฝูงชนก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้นพักหนึ่ง
เพี๊ยะ!
ร่างหนึ่งแว๊งผ่านหน้าทุกคน ตบเหว้ยเทียนฮั๋วที่ใบหน้าทีหนึ่งแล้วตามด้วยเตะเข้าที่ท้องของเขาเท้าหนึ่ง เหว้ยเทียนฮั๋วร้องคร่ำครวญ แล้วถอยหลังไปสองสามก้าว กำลังจะจัดการพอเห็นคนที่ตบเขาเข้าก็ตกตะลึงทันที
“คุณชายเฉิง?” เขากุมหน้าเอาไว้ ทนความเจ็บปวดและตะโกนร้องขึ้น
ที่ตบเขานั้นเป็นเฉิงหยู คุณชายเจ้าสำราญเหล่านี้มาที่เมืองหลวงเป็นครั้งคราว ชื่อเสียงของเฉิงหยูพวกเขาไม่มีที่จะไม่รู้อยู่แล้ว
เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าเวลานี้เขาจะมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ ยิ่งคิดไม่ถึงว่าจู่ๆเขาจะลงมือมาทางเหว้ยเทียนฮั๋ว
เดิมทีเฉิงหยูเพียงแค่ตามถางชือชือมาถึงที่นี่ เดิมไม่คิดที่จะปรากฏตัวออกมาเร็วขนาดนี้ คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
เขาเห็นถางชือชือมาหาเซียวชุ่นก็โมโหเดือดดาลมากอยู่แล้ว และในขณะนี้ก็ได้ยินเหว้ยเทียนฮั๋วพูดจาสกปรกใส่นางฟ้าของเขาชั่วขณะหนึ่งก็ทนไว้ไม่อยู่
ถางชือชืออยู่ในใจของเฉิงหยูนั้นเป็นนางฟ้าที่แท้จริง แล้วจะทนให้คนเจ้าชู้อย่างเหว้ยเทียนฮั๋วคนนี้มาทำให้นางฟ้าของเขาเปรอะเปื้อนได้ยังไง
ไอ้เซียวชุ่นคนนั้นก็ยิ่งไม่ได้เลย เพียงแค่คราวก่อนในเมืองหลวงไม่ได้จัดการเขาให้ตาย แล้วก็ยังไม่พบช่วงเวลาที่เหมาะในชั่วขณะ
ชั่วขณะที่เหว้ยเทียนฮั๋วถูกเตะออกไปก็ได้เกิดเสียงอุทานดังขึ้นโดยรอบพักหนึ่ง
ทุกคนกลับคิดไม่ถึงว่าเหว้ยเทียนฮั๋วจะขี้ขลาด แม้แต่พวกคุณชายเสเพลเหล่านั้นที่อยู่ข้างๆก็ล้วนไม่กล้าพูดอะไรสักคำ เห็นได้ชัดเจนว่าความแข็งแกร่งของคุณชายเฉิงคนนี้เหนือกว่าทุกๆคนเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงต่างวิพากษ์วิจารณ์กันขึ้นมา
“คุณชายเฉิงคนนี้เป็นใครกัน? พวกเราเหลยหยางดูเหมือนว่าจะไม่เคยได้ยินบุคคลคนนี้มาก่อนเลยนะ”
“บุคคลมากอำนาจที่เพิ่งย้ายมาที่เหลยหยางใหม่มั้ง? ”
“พูดจาเรื่อยเปื่อยไปเถอะ? พูดถึงบุคคลมากอำนาจใครจะยังอยู่เหนือตระกูลเหว้ยได้?”
“ก็จริงอยู่ ไม่ใช่ว่ามาจากเมืองหลวงหรอกนะ”
"ฉันว่ามีแปดสิบเปอร์เซนต์ที่ใช่"
“……”
“คุณชายเฉิง ไม่รู้ว่าผมทำอะไรให้คุณโกรธหรือ?” แม้ว่าในใจเหว้ยเทียนฮั๋วจะไม่พอใจ แต่หน้าตาก็ยังคงมีความสุขสมรื่นเริงใจ เขาพยายามฝืนยิ้มอย่างไม่เป็นธรรมชาติด้วยความลำบากใจออกมาแล้วเอ่ยถาม
เฉิงหยูไม่ได้ใส่ใจเขา แต่หันไปมองถางชือชือ: "ชือชือ มาทางผมนี่"
ถางชือชือรู้เป็นธรรมดาอยู่แล้วว่าเฉิงหยูสะกดรอยตามเธออีกแล้ว แล้วเหลือบมองเขาด้วยความโกรธทีหนึ่ง จากนั้นจูงมือของเซียวชุ่นหันเดินออกไปด้านนอกโดยไม่หันกลับมามอง
เซียวชุ่นก็ไม่ได้ปฏิเสธ ถ้าหากว่าตัวเขาไม่มีกังฟูและเป็นเพียงคนธรรมดา วันนั้นที่เมืองหลวงเขาก็คงจะตายไปแล้ว
ตอนนี้ความแค้นนี้ถูกก่อขึ้นแล้ว เขาก็ไม่ได้รังเกียจที่จะก่อเข้าไปให้ลึกกว่าอีกหน่อย
ในที่สุดเหว้ยเทียนฮั๋วและคนอื่นๆก็มองเห็นทางออกนิดหน่อยแล้ว แต่ว่าตอนนี้ดีเสียแล้วสิ เซียวชุ่นคนนี้ถึงกับทำให้เฉิงหยูขุ่นเคือง งั้นตอนนี้พวกเขาก็อยู่บนเส้นทางเดียวกันแล้ว
เฉิงหยูมองตามหลังที่จากไปของถางชือชือ ดวงตาแดงก่ำ มุมปากกระตุกขึ้นสองสามครั้ง และใบหน้าได้จมลงสู่ห้วงน้ำลึก
“มีอะไรน่าดู แม่งเอ้ยไปกันให้หมด!” เหว้ยเทียนฮั๋วโบกมือไปทางฝูงชนที่อยู่โดยรอบ ไล่พวกเขาให้ออกไป จากนั้นก็เดินไปที่ข้างกายของเฉิงหยู
“คุณชายเฉิงต้องการกดเขาให้จมไหม? ที่เหลยหยางผมสามารถคิดหาวิธีได้”
เฉิงหยูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งด้วยใบหน้าที่เย็นชา “งั้นก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของนาย ผู้หญิงคนนั้นแตะต้องไม่ได้ ใครแตะต้องเธอแม้แต่ปลายเล็บ ฉันจะเอาชีวิตของมันซะ หากต้องการให้ฉันให้ความช่วยเหลือแล้วล่ะก็เอ่ยปากมาได้เลย”
“เข้าใจแล้ว เหลยหยางเป็นถิ่นของผม เป็นมังกรตัวหนึ่งเขาก็ต้องให้ผมดู” เหว้ยเทียนฮั๋วพูดเย้ยหยัน
ในใจเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง โดยหวังที่จะให้เซียวชุ่นตายไปในทันที แล้วยังสามารถใช้โอกาสทำให้เฉิงหยูพอใจได้ด้วย ทำไมจะไม่ยินดีที่จะทำล่ะ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊
ไม่อัพต่อแล้วเหรอครับ...