"คุณมานั่งที่ข้างผมนี่" เซียวชุ่นลุกขึ้นดึงติงเยว่ไปนั่งที่ตรงที่นั่งของตัวเอง ส่วนเขานั่งหันข้างไปยังที่นั่งของติงเยว่
จงต้าจุนใบหน้าซีดเผือด เหลือบมองเขาด้วยความไม่พอใจสุดขีด แล้วส่งเสียงฮึ่มเสียงหนึ่งด่าเสียงเบาว่า "ไอ้สวะ"
“คุณเป็นผู้จัดการใหญ่สาขาของแห่งคุนหลุนกรุ๊ปหรือ?” เซียวชุ่นถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
“ใช่ ทำไมเหรอ? นายคงจะไม่ใช่ว่าไม่เคยได้ยินแม้แต่คุนหลุนกรุ๊ปมาก่อนหรอกนะ?” จงต้าจุนยิ้มแล้วกล่าวล้อเลียน
“แน่นอนว่าเคยได้ยิน ไม่ใช่แค่เคยได้ยิน แต่ผมยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของคุนหลุนกรุ๊ปด้วย” เซียวชุ่นเหลือบมองเขา แล้วยิ้มจางๆกล่าวขึ้น
รอยยิ้มของจงต้าจุนแข็งทื่ออยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เกือบจะหัวเราะออกเสียงขึ้นมา "คุณคงจะไม่ได้บ้าไปหรอกนะ? ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกมั้งพ้องเพื่อนพี่น้อง ก็แค่พูดคุยกับพนักงานสาวสวยของบริษัทคุณไม่กี่ประโยคหน่ะ"
คนไม่กี่คนที่อยู่ข้างๆของเขาก็มองไปที่เซียวชุ่นด้วยหน้าตาล้อเลียน ราวกับว่ากำลังมองดูคนงี่เง่าคนหนึ่งอยู่อย่างนั้น
เซียวชุ่นหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดหมายเลขของถังหลี่ ไม่ช้าเสียงของถังหลี่ก็ดังมาจากในโทรศัพท์มือถือ
“ประธานเซียวคุณจากไปนี่ก็ไม่รู้จักมารักษาอีกครั้งสักหน่อยเลยนะ โทรศัพท์ก็ไม่โทรเลยสักสาย ตอนนี้เกิดอะไรขึ้น เพิ่งนึกขึ้นได้เหรอ?” ถังหลี่พูดเล่นขำขัน
“คุณไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ตอนนี้ผมมีเรื่อง ผมอยากจะถามว่าผมมีสิทธิ์ไล่ผู้จัดการของบริษัทสาขาคนหนึ่งออกไหม?”
“แน่นอน” ถังหลี่ชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ทำไม? ใครทำให้คุณโกรธเหรอ?”
“งั้นดีเลย ผู้จัดการใหญ่ของสาขาย่อยหนิงโจวชื่อว่าจงต้าจุนอะไร ตอนนี้ผมจะไล่เขาออก คุณให้สำนักงานใหญ่ประกาศแจ้งในทันทีเลยนะ”
“ไม่มีปัญหา ตอนนี้ชือชืออยู่ที่หนิงโจวพอดีไม่ใช่หรือ ก็ให้เธอเข้ามาแทนชั่วคราวเถอะ” ถังหลี่กล่าวด้วยรอยยิ้มอันชื่นมื่น
หลังจากวางสายแล้ว เซียวชุ่นไม่ต้องดูก็รู้ว่าตอนนี้ท่าทีของจงต้าจุนเป็นอย่างไร
“นายนี่มันเป็นคนประหลาดจริงๆนะ งานประชุมอภิปรายนี้ล้วนเชิญสัตว์แปลกประหลาดอะไรมานะ? คนประเภทนี้ก็สามารถถูกเชิญมาด้วย? หนิงโจวไม่มีคนปกติแล้วหรือ?” จงต้าจุนส่ายหัวพร้อมพูดจาเย้ยหยัน
“ประธานจง จะไปถือสาอะไรกับคนโรคจิตคนหนึ่ง ช่างเถอะช่างเถอะ”
“พวกเราจะเปลี่ยนที่นั่งไหม หากว่าไอ่คนนี้อาการป่วยกำเริบขึ้นมาในภายหลังจะทำยังไง?”
คนอื่นๆหลายคนก็พูดจาเยาะเย้ยตาม
ติงเยว่ข้างๆมองเซียวชุ่นด้วยความประหลาดใจ ในใจเธอมีความรู้สึกลึกลับอย่างหนึ่ง เขาน่าจะไม่ทำท่าทีเสแสร้งอยู่ตรงนั้น คนที่คังหย่งเหนียนให้ความสำคัญมากขนาดนี้ แล้วจะเป็นคนชนชั้นรากในปากของพวกเขาได้อย่างไร
จริงตามนั้น ใช้เวลาครู่เดียว
จงต้าจุนก็ได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง หลังจากที่เขารับสายแล้ว สีหน้าก็เคร่งขรึมขึ้น แล้วมองไปที่เซียวชุ่นข้างๆด้วยท่าทางที่เหลือเชื่อ
“ถ้าหากว่าผมเดาไม่ผิดหล่ะก็สายนี้มาเพื่อบอกคุณว่า คุณถูกไล่ออกแล้วสินะ? ประธานจง”
เซียวชุ่นพูดด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ ไม่แม้แต่จะมองเขาเลยและพูดอย่างเรียบเฉย
“ประธานเซียว ผมผิดไปแล้ว มีตาแต่ไม่มีแวว ในครอบครัวผมมีทั้งคนแก่และเด็ก และเพิ่งเปลี่ยนบ้านไป โปรดมีเมตตาด้วยครับ บอกบริษัทสักคำว่าอย่าไล่ผมออกได้ไหมครับ?” จงต้าจุนอ้อนวอนด้วยหน้าตาโศกเศร้า
ในตอนนี้เขารู้สึกเสียใจภายหลังถึงที่สุดจริงๆ วันนี้ออกจากบ้านควรจะดูปฏิทินให้ดีๆ ว่าไม่เหมาะที่จะออกเดินทางหรือเปล่า
ถ้าไม่ใช่เกิดเจ้าชู้ ก็คงจะไม่มานั่งตรงนี้ หากว่าไม่มานั่งตรงนี้ ก็คงจะไม่ทำเรื่องที่ไร้สาระพวกนี้ ย้อนกลับไปคิดดู ก็ทำได้เพียงแค่โทษตัวเองที่ปากพล่อย
ไม่กี่คนรอบตัวจงต้าจุนได้ยินเขาพูดขึ้นแบบนี้ เริ่มแรกหน้าตาสับสนงุนงง หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีก็ตระหนักในทันใดว่าเกิดอะไรขึ้นกับสายนั้นที่รับสายไปเมื่อครู่นี้
ทันใดนั้นรู้สึกราวกับนั่งอยู่บนหมุดและเข็ม ในใจวุ่นวายสับสน โดยที่กลัวว่าโทรศัพท์ในกระเป๋าของตัวเองก็จะดังตามขึ้นมาด้วย
ใครจะไปคิดว่าแค่นั่งเลยแบบนี้ เพื่อนบ้านจะเป็นคนโหดร้าย แค่ไม่กี่นาทีก็สามารถไล่ผู้จัดการใหญ่ออกซะแล้ว......
คนที่น่าสงสารก็ต้องมีสิ่งทำผิดมาก่อนได้ใช้มาจนถึงบนตัวของจงต้าจุนนั้นเหมาะกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
เซียวชุ่นก็ไม่ได้แสดงความเห็นอกเห็นใจเลยสักนิด ที่สำคัญคือเป็นแบบนี้นับพันรอบ และคำพูดที่โอ้อวดที่ออกมาจากปากของจงต้าจุนไม่มีความโน้มน้าวใจเลยแม้สักนิด
เขานั่งอยู่ที่นั่นอย่างไร้อารมณ์ และไม่ได้สนใจจงต้าจุน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊
ไม่อัพต่อแล้วเหรอครับ...