เจ้าสมาคมเหว้ยคิดแบบนี้ก็ไม่ผิด แต่ว่าเดิมทีงานเลี้ยงในครั้งนี้ก็เป็นไปโดยสมัครใจ ผมคิดว่าผมน่าจะมีสิทธิ์ที่จะไม่เข้าร่วมสินะ?"
เหอกวงจี๋พิงเก้าอี้ แล้วเคาะโต๊ะสองสามครั้งพร้อมเอ่ยขึ้น
“ประธานโค่วก็หมายถึงแบบนี้ด้วยหรือ?” เหว้ยเหวินตงมองไปที่โควเจิ้งชิง
“ถูกต้อง” โควเจิ้งชิงตอบสั้นๆ
เหว้ยเหวินตงตระหนกตกใจชั่วขณะ
ไอ้แซ่เซียวนี้ถึงกลับทำให้ธุรกิจสองตระกูลใหญ่ขนาดนี้ของเหลยหยางร่วมกันปกป้องเขา?
และฟังคำพูดของโควเจิ้งชิงเมื่อครู่นี้สมาคมบู๊ต้องการถอนตัวออกจากธุรกิจทั้งหมดของหนิงโจว เบื้องหลังนี้คือสมาคมบู๊เชียวนะ หากว่าเป็นธุรกิจของตระกูลเดียวก็ยังอาจจะพูดจาได้ง่าย หากว่าพัวพันถึงทั้งสมาคมบู๊……
ไอ้แซ่เซียวนี้มีความเป็นมายังไงกันแน่นะ?
จู่ๆบรรยากาศก็เปลี่ยนเป็นหมองลงผิดปกติ
หลังจากเป็นเวลานาน เหว้ยเหวินตงก็เอ่ยขึ้นว่า “ครั้งนี้ผมยอมรับ ห้าร้อยล้าน ผมจะให้คนจัดการในทันที หลังจากงานเลี้ยงน้ำชาในวันนี้จะมอบให้กับประธานเซียว”
“นี่ก็จบแล้วไม่ใช่เหรอ มา ดื่มชากัน” เหอกวงจี้ยิ้มแล้วกล่าวขึ้น
หลังจากได้รับเงินแล้ว ไม่ได้รองานเลี้ยงน้ำชาสิ้นสุดลงก็ออกจากห้องโถงอย่างเร่งรีบ ถางชือชือก็ตามติดมาอย่างใกล้ชิด
เมื่อครู่เธอเห็นท่าทางของเซียวชุน นั่นเป็นท่าทางที่จะฆ่าใครซักคน จึงอกสั่นขวัญแขวนกลัวอยู่ตลอดเวลา กลัวว่าเขาหุนหันพลันแล่นขึ้นมาแล้วจะฆ่าเหว้ยเทียนฮั๋วไปจริงๆ
เริ่มแรกเธอนึกว่าก็ยังเป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้น ต่อมาถึงได้พบว่าไม่ได้เป็นแบบนั้น
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” ถางชือชือถามตามหลังเซียวชุ่น
เซียวชุ่นไม่ได้สนใจเธอ แล้วโบกแท็กซี่คันหนึ่งข้างทาง ถางชือชือก็ใช้โอกาสนั่งเข้าไป และมุ่งหน้าไปยังโรงแรม
ห้องโถงโรงแรม
เวินหว่านยู่มาทำธุระนิดหน่อยที่เหลยหยาง กำลังจัดการเรื่องเข้าพักอยู่ หางตาได้จับร่างไปตรงร่างที่คุ้นเคยโดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วหันศีรษะไปมองก็คือเซียวชุ่น และข้างกายของเขายังตามด้วยแม่หนูที่อายุน้อยสวยงามคนหนึ่ง
นอกใจคู่สมรส?
ไอ้สารเลวนี่ตอนนี้เพิ่งมีเงินหน่อยก็เริ่มวาดลวดลายเสียแล้ว รู้สึกผิดต่อเหยาเสินเพื่อนรักของฉันหรือเปล่านะ?
เธอรีบเปิดโทรศัพท์มือถือและถ่ายรูปอย่างรวดเร็วสองรูป มีทั้งพยานบุคคลและพยานหลักฐาน ดูซิว่าคุณจะแก้ต่างอย่างไร
เซียวชุ่นมีเรื่องอยู่ในใจ จึงไม่ได้สังเกตเห็นเวินหว่านยู่ แล้วเดินตรงขึ้นชั้นบนไปเลย
ไม่ช้าก็เห็นต้วนเจียที่หน้าประตูห้องของติงเยว่
“เป็นยังไงบ้าง?” เซียวชุ่นถาม
“คนไม่เป็นไร ก็แค่สติเหม่อลอยเล็กน้อย เมื่อครู่ร้องไห้ไปพักหนึ่ง ตอนนี้ไม่มีความเคลื่อนไหวแล้ว” ต้วนเจียขมวดคิ้วพูดอย่างช่วยไม่ได้
“พี่เซียว ให้ผมไปจัดการไอ้แซ่เหว้ยซะเลย”
เซียวชุ่นโบกมือ แล้วเดินหน้าเคาะประตู
“คุณติงเป็นอะไรเหรอ?” ถางชือชือถามต้วนเจียด้วยความรู้สึกสับสนงุนงง
“ช่วงเช้าวันนี้ถูกไอ้สัตว์เดรัจฉานนั่นลักพาตัวไป……” ต้วนเจียกล่าวด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
ถางชือชือเข้าใจในทันที แล้วขบฟันแน่น "เขาสมควรตายจริงๆ!"
แม้ว่าเธอจะไม่ค่อยข้องเกี่ยวกับติงเยว่มากนัก แต่เธอก็สามารถดูออกว่าแม่หนูคนนั้นแม่หนูที่ดีเถรตรงคนหนึ่ง ทันใดนั้นก็รู้สึกปวดใจขึ้นมาพักหนึ่ง ไม่น่าแปลกใจเลยที่ใบหน้าของเซียวชุ่นจะดูไม่ได้แบบนั้น
เซียวชุ่นเคาะประตูสองสามครั้ง แต่ไม่มีการตอบสนองเลย กลัวว่าติงเยว่จะคิดเรื่องนี้ไม่ตกจึงพูดกับต้วนเจียว่า "ไปบอกให้บริกรของโรงแรมมาเปิดประตูซิ"
ต้วนเจียตอบรับแล้ววิ่งเหยาะๆไปหาบริกร
ไม่นานบริกรก็มาเปิดประตูห้อง เมื่อเดินเข้าไปในห้องก็เห็นติงเยว่นั่งอยู่ข้างเตียงโดยที่ผมเผ้ายุ่งเหยิง และมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างขวัญหนีดีฝ่อ แววตานั้นว่างเปล่าและเต็มไปด้วยความเศร้าโศกไม่รู้จบ
ได้ยินคนเข้ามาก็เหมือนว่าจะไม่รู้สึกตัว ร่างกายเล็กๆสั่นสะท้าน ใบหน้าไร้ความมั่นใจและความสวยงามเหมือนเช่นดังก่อน เสมือนกับต้นหญ้าเล็กๆที่สูญเสียน้ำและค่อยๆเหี่ยวเฉาไป ไม่สามารถต้านทานแรงลมได้
เซียวชุ่นเดินไปตรงหน้าติงเยว่ จนถึงตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอถึงได้รู้ว่ามีคนเข้ามา เธอเงยหน้ามองไปที่เซียวชุ่น ขอบตาแดงก่ำ ดวงตาที่สวยงามท่วมท้นด้วยน้ำตา เส้นผมที่ยุ่งเหยิงหลายเส้นสยายอยู่บนใบหน้า เห็นแล้วช่างน่าสงสารนัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊
ไม่อัพต่อแล้วเหรอครับ...