เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊ นิยาย บท 248

เจ้าสมาคมเหว้ยคิดแบบนี้ก็ไม่ผิด แต่ว่าเดิมทีงานเลี้ยงในครั้งนี้ก็เป็นไปโดยสมัครใจ ผมคิดว่าผมน่าจะมีสิทธิ์ที่จะไม่เข้าร่วมสินะ?"

เหอกวงจี๋พิงเก้าอี้ แล้วเคาะโต๊ะสองสามครั้งพร้อมเอ่ยขึ้น

“ประธานโค่วก็หมายถึงแบบนี้ด้วยหรือ?” เหว้ยเหวินตงมองไปที่โควเจิ้งชิง

“ถูกต้อง” โควเจิ้งชิงตอบสั้นๆ

เหว้ยเหวินตงตระหนกตกใจชั่วขณะ

ไอ้แซ่เซียวนี้ถึงกลับทำให้ธุรกิจสองตระกูลใหญ่ขนาดนี้ของเหลยหยางร่วมกันปกป้องเขา?

และฟังคำพูดของโควเจิ้งชิงเมื่อครู่นี้สมาคมบู๊ต้องการถอนตัวออกจากธุรกิจทั้งหมดของหนิงโจว เบื้องหลังนี้คือสมาคมบู๊เชียวนะ หากว่าเป็นธุรกิจของตระกูลเดียวก็ยังอาจจะพูดจาได้ง่าย หากว่าพัวพันถึงทั้งสมาคมบู๊……

ไอ้แซ่เซียวนี้มีความเป็นมายังไงกันแน่นะ?

จู่ๆบรรยากาศก็เปลี่ยนเป็นหมองลงผิดปกติ

หลังจากเป็นเวลานาน เหว้ยเหวินตงก็เอ่ยขึ้นว่า “ครั้งนี้ผมยอมรับ ห้าร้อยล้าน ผมจะให้คนจัดการในทันที หลังจากงานเลี้ยงน้ำชาในวันนี้จะมอบให้กับประธานเซียว”

“นี่ก็จบแล้วไม่ใช่เหรอ มา ดื่มชากัน” เหอกวงจี้ยิ้มแล้วกล่าวขึ้น

หลังจากได้รับเงินแล้ว ไม่ได้รองานเลี้ยงน้ำชาสิ้นสุดลงก็ออกจากห้องโถงอย่างเร่งรีบ ถางชือชือก็ตามติดมาอย่างใกล้ชิด

เมื่อครู่เธอเห็นท่าทางของเซียวชุน นั่นเป็นท่าทางที่จะฆ่าใครซักคน จึงอกสั่นขวัญแขวนกลัวอยู่ตลอดเวลา กลัวว่าเขาหุนหันพลันแล่นขึ้นมาแล้วจะฆ่าเหว้ยเทียนฮั๋วไปจริงๆ

เริ่มแรกเธอนึกว่าก็ยังเป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้น ต่อมาถึงได้พบว่าไม่ได้เป็นแบบนั้น

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” ถางชือชือถามตามหลังเซียวชุ่น

เซียวชุ่นไม่ได้สนใจเธอ แล้วโบกแท็กซี่คันหนึ่งข้างทาง ถางชือชือก็ใช้โอกาสนั่งเข้าไป และมุ่งหน้าไปยังโรงแรม

ห้องโถงโรงแรม

เวินหว่านยู่มาทำธุระนิดหน่อยที่เหลยหยาง กำลังจัดการเรื่องเข้าพักอยู่ หางตาได้จับร่างไปตรงร่างที่คุ้นเคยโดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วหันศีรษะไปมองก็คือเซียวชุ่น และข้างกายของเขายังตามด้วยแม่หนูที่อายุน้อยสวยงามคนหนึ่ง

นอกใจคู่สมรส?

ไอ้สารเลวนี่ตอนนี้เพิ่งมีเงินหน่อยก็เริ่มวาดลวดลายเสียแล้ว รู้สึกผิดต่อเหยาเสินเพื่อนรักของฉันหรือเปล่านะ?

เธอรีบเปิดโทรศัพท์มือถือและถ่ายรูปอย่างรวดเร็วสองรูป มีทั้งพยานบุคคลและพยานหลักฐาน ดูซิว่าคุณจะแก้ต่างอย่างไร

เซียวชุ่นมีเรื่องอยู่ในใจ จึงไม่ได้สังเกตเห็นเวินหว่านยู่ แล้วเดินตรงขึ้นชั้นบนไปเลย

ไม่ช้าก็เห็นต้วนเจียที่หน้าประตูห้องของติงเยว่

“เป็นยังไงบ้าง?” เซียวชุ่นถาม

“คนไม่เป็นไร ก็แค่สติเหม่อลอยเล็กน้อย เมื่อครู่ร้องไห้ไปพักหนึ่ง ตอนนี้ไม่มีความเคลื่อนไหวแล้ว” ต้วนเจียขมวดคิ้วพูดอย่างช่วยไม่ได้

“พี่เซียว ให้ผมไปจัดการไอ้แซ่เหว้ยซะเลย”

เซียวชุ่นโบกมือ แล้วเดินหน้าเคาะประตู

“คุณติงเป็นอะไรเหรอ?” ถางชือชือถามต้วนเจียด้วยความรู้สึกสับสนงุนงง

“ช่วงเช้าวันนี้ถูกไอ้สัตว์เดรัจฉานนั่นลักพาตัวไป……” ต้วนเจียกล่าวด้วยใบหน้าบูดบึ้ง

ถางชือชือเข้าใจในทันที แล้วขบฟันแน่น "เขาสมควรตายจริงๆ!"

แม้ว่าเธอจะไม่ค่อยข้องเกี่ยวกับติงเยว่มากนัก แต่เธอก็สามารถดูออกว่าแม่หนูคนนั้นแม่หนูที่ดีเถรตรงคนหนึ่ง ทันใดนั้นก็รู้สึกปวดใจขึ้นมาพักหนึ่ง ไม่น่าแปลกใจเลยที่ใบหน้าของเซียวชุ่นจะดูไม่ได้แบบนั้น

เซียวชุ่นเคาะประตูสองสามครั้ง แต่ไม่มีการตอบสนองเลย กลัวว่าติงเยว่จะคิดเรื่องนี้ไม่ตกจึงพูดกับต้วนเจียว่า "ไปบอกให้บริกรของโรงแรมมาเปิดประตูซิ"

ต้วนเจียตอบรับแล้ววิ่งเหยาะๆไปหาบริกร

ไม่นานบริกรก็มาเปิดประตูห้อง เมื่อเดินเข้าไปในห้องก็เห็นติงเยว่นั่งอยู่ข้างเตียงโดยที่ผมเผ้ายุ่งเหยิง และมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างขวัญหนีดีฝ่อ แววตานั้นว่างเปล่าและเต็มไปด้วยความเศร้าโศกไม่รู้จบ

ได้ยินคนเข้ามาก็เหมือนว่าจะไม่รู้สึกตัว ร่างกายเล็กๆสั่นสะท้าน ใบหน้าไร้ความมั่นใจและความสวยงามเหมือนเช่นดังก่อน เสมือนกับต้นหญ้าเล็กๆที่สูญเสียน้ำและค่อยๆเหี่ยวเฉาไป ไม่สามารถต้านทานแรงลมได้

เซียวชุ่นเดินไปตรงหน้าติงเยว่ จนถึงตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอถึงได้รู้ว่ามีคนเข้ามา เธอเงยหน้ามองไปที่เซียวชุ่น ขอบตาแดงก่ำ ดวงตาที่สวยงามท่วมท้นด้วยน้ำตา เส้นผมที่ยุ่งเหยิงหลายเส้นสยายอยู่บนใบหน้า เห็นแล้วช่างน่าสงสารนัก

“นี่คือค่าชดใช้ห้าร้อยล้านจากตระกูลเหว้ย” เซียวชุ่นหยิบบัตรธนาคารออกจากกระเป๋าอย่างเงียบๆ แล้ววางไว้ข้างๆเธอ

เขาถอนหายใจ ทนไม่ได้ที่จะมองแววตาของติงเยว่ตรงๆ พูดกันจริงๆแล้ว เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะเขา

“ผมปลอบคนไม่เป็น แต่ว่าเรื่องนี้ก็เป็นผมที่ทำให้คุณลำบากไปด้วย หากว่าคุณเกิดเรื่องไม่คาดคิดอะไรขึ้น ผมจะให้เหว้ยเทียนฮั๋วฝังไปพร้อมกับคุณ”

เมื่อเผชิญหน้ากับเรื่องแบบนี้ เซียวชุ่นรู้สึกว่าไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ ทิ้งประโยคนี้เอาไว้แล้วออกจากจากห้องไป

“คุณก็ออกไปเถอะ ฉันจะอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนเธอ” ถางชือชือพูดกับต้วนเจีย

ต้วนเจียพยักหน้าจากนั้นเดินตามออกไป

ทั้งสองคนกลับไปที่ห้องของเซียวชุ่น ต้วนเจียกอดอกยืนอยู่ตรงนั้นด้วยใบหน้าบูดบึ้ง แล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า "เรื่องนี้จะปล่อยไปแบบนี้ไม่ได้"

“ฉันว่าช่างมันเถอะ ตระกูลเหว้ยก็ไม่มีทางปล่อยไปเฉยๆ” เซียวชุ่นกล่าว

“งั้นก็ฆ่าตระกูลเหว้ย และทำลายพวกมันซะ”

“จากนั้นก็เหมือนนายแต่ก่อนแบบนั้น ไปต่างประเทศให้ไกล”

ต้วนเจียอึ้งไป ปีนั้นเขาหนีไปต่างประเทศ พอไปก็เป็นเวลาถึงยี่สิบปี จนถึงผ่านพ้นระยะเวลาดำเนินคดีแล้วถึงได้กลับมา

การฆ่าเหว้ยเทียนฮั๋วเป็นเรื่องง่าย กระทั่งว่าสามารถทำได้โดยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆเอาไว แต่เกรงว่าจะชักนำปัญหามากมายมา เขาไม่กลัวความวุ่นวาย ที่กลัวคือจะลำบากคนอื่นไปด้วยอีก

หากตระกูลเหว้ยสามารถกลืนลงไปได้ เซียวชุ่นก็ไม่ถือสาที่จะให้เรื่องนี้ผ่านไป เขาไม่ต้องการใช้ความรุนแรงแก้ไขเรื่องใดๆ อย่างไรก็ตามอยู่ในสังคมแบบนี้ ก็ต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของมัน

แต่ถ้าหากตระกูลเหว้ยกล้าที่จะกระทำเรื่อยเปื่อย งั้นก็ไม่ได้อยู่ที่การตัดสินใจของพวกเขา

เมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เซียวชุ่นก็ไม่มีอารมณ์ที่จะไปเข้าร่วมงานเลี้ยงของเหอกวงจี๋ หลังจากยกเลิกไปก็พักผ่อนอย่างไวเสียแล้ว

ณ จิ่นซิ่วกั๋วจี้

หลังจากได้รับรูปถ่ายจากเวินหว่านยู่แล้ว เหยาเสินก็พลิกกลับไปกลับมานอนไม่หลับอยู่บนเตียง

เธอได้เข้าไปอยู่ท่ามกลางกระแสน้ำวนของความไว้วางใจและความสงสัย

ฉันควรเชื่อใจเขา น่าจะเป็นเพียงแค่ผู้ร่วมหุ้นหน่ะ ที่ไปในครั้งนี้ไม่ใช่ว่าในนั้นมีความเกี่ยวข้องที่ให้ผู้เข้าร่วมประชุมของผู้ประกอบการได้ทำความรู้จักกันสักหน่อย ถึงแม้ว่าจะพักอยู่ในโรงแรมเดียวกันก็ไม่สามารถหมายความถึงอะไรได้

เธอปลอบตัวเองอยู่ในใจ แต่ก็ยังไม่สามารถโน้มน้าวตัวเองได้

หรือไม่ก็ไปดู?

จับชู้เหรอ?

คิดไปแล้วก็รู้สึกว่าน่าขัน ถ้าหากบังเอิญว่าพบเข้าจริง จากนั้นล่ะ? เอะอะครึกโครมการใหญ่เหรอ?

เธอเฝ้าถามตัวเองอยู่ตลอด

เมื่อก่อนเห็นข่าวเมียหลวงกับชู้ทะเลาะกันในท้องถนนอย่างสลัดไม่ออกก็รู้สึกว่าแทบไม่น่าเชื่อ ผู้ชายแบบไหนถึงควรค่าให้ผู้หญิงไม่สนใจหน้าตาอยู่บนท้องถนน ช่างงี่เง่าจริงๆ

หรือว่าตอนนี้ถึงตาตัวเองกลายเป็นคนที่เคยดูถูกเหยียดหยามไปแล้วหรือ?

ช่างเถอะ ตาไม่เห็นใจสงบ ต้องเป็นเพียงแค่เพื่อนธรรมดาๆเท่านั้น เวินหว่านยู่คงจะคิดมากไป ฉันก็คิดมากไปด้วย

เหยาเสินดึงผ้าห่มขึ้นคลุมศีรษะ ก็ยังคงสงบสติอารมณ์ไม่อยู่

วันรุ่งขึ้น ท้องฟ้าเพิ่งสว่าง เธอก็ลุกจากเตียงและขับรถไปทางแสงตะวันประกายแรก มุ่งไปทางทิศทางของเหลยหยาง

……

เซียวชุ่นเพิ่งลุกขึ้นและอาบน้ำเสร็จ ด้านนอกก็มีเสียงเคาะประตูพักหนึ่ง

เขาเดินไปเปิดประตูออก เห็นติงเยว่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู

เธอแต่งหน้าบางๆ ทว่าสีหน้ายังคงดูซีดเซียวเล็กน้อยออกเหมือนเดิม แต่ว่ามีสติมากกว่าบ่ายเมื่อวานนี้มากแล้ว โดยสวมชุดสูทมืออาชีพที่สะอาดหมดจด

เห็นประตูเปิดออก เธอพยายามดึงสติ ยิ้มอย่างยากเย็นแล้วพูดว่า “ประธานเซียว”

เซียวชุ่นเห็นท่าทางนี้ของเธอ รู้ว่าเธอได้สติขึ้นมาแล้ว ในใจก็รู้สึกเป็นสุข นี่เป็นแม่หนูที่มีจิตใจเข้มแข็งคนหนึ่ง

"เข้ามาเถอะ"

เขาเอียงข้างให้ติงเยว่เข้ามาในห้อง จากนั้นก็ปิดประตูลง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊