เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊ นิยาย บท 256

เซียวชุ่นไม่ได้ตอบรับคำขอของโค่วโม่ซู เขาเห็นแก่หน้าตาของโค่วเจิ้งชิงจึงช่วยรักษาขาให้กับโค่วโม่ซู

ไอ้สารเลวนั้นไม่คิดที่จะรับผลตอบแทนก็แล้ว ยังเสือกคิดอยากจะเรียนรู้สิ่งต่างๆจากผม มันมีเรื่องโชคดีแบบนั้นที่ไหนล่ะ

ย้อนกลับไปพูดโค่วโม่ซูมีอายุ 20 กว่าปีแล้ว มีคุณสมบัติอยู่ปานกลาง การเรียนรู้ด้านศิลปะการต่อสู้ด้านการแพทย์ก็ไม่ค่อยได้เรื่อง ปล่อยให้เขาใช้ชีวิตทายาทไฮโซรุ่นที่ 2 แบบสุจริตดีกว่า

เอาเข้าจริงภาพลักษณ์ของโค่วโม่ซูที่เขาจดจำนั้นไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ไม่ถูกสิ คือไม่ดีเลย

ดังนั้นโค่วโม่ซูอยู่ต่อหน้าเขายังไม่มีแม้แต่โอกาสติดตามค่อยปรนนิบัติเขาเลย มีเรื่องอะไรไปหาโค่วเจิ้งชิงโดยตรงก็พอแล้ว ไม่ดีไปกว่าเขาหรอก

เพราะฉะนั้น จากที่พูดมาทั้งหมด โค่วโม่ซูสำหรับเซียวชุ่นแล้วไม่มีประโยชน์อะไรให้ใช้เลย พูดให้ดูแย่ก็อาจจะเป็นตัวถ่วงก็ได้

แน่นอนว่า ถ้าอยู่ต่อหน้าโค่วเจิ้งชิงซึ่งไม่สามารถพูดว่าลูกชายเขาคือเศษขยะไร้ค่า คำพูดที่หวังดีมักขัดหูนี่หน่า มากน้อยเท่าใดก็ไว้หน้าเขาหน่อยละกัน

เซียวชุ่นหลังออกจากโรงพยาบาลก็มุ่งหน้าตรงไปยังโรงแรมเลย รอบการท่องเที่ยวเหลยหยางครั้งนี้จบสิ้นสักที กระบวนการพลิกผัน สุดท้ายก็ไม่ขาดทุน เก็บเกี่ยวหินน้ำทิพย์ได้ 1 ชิ้นซึ่งคุ้มค่ากับการเดินทางครั้งนี้แล้ว

ต้องรู้ว่าสมัยนี้สมบัติของสวรรค์และโลกที่อยู่บนโลกนั้นสามารถพบเจอได้แต่ไม่สามารถเรียกร้องมันได้ พอถึงระดับขอบเขตของเขาอยากจะยกระดับเพิ่มพลังซึ่งมันถึงขั้นที่ยากแทบจะเป็บไปไม่ได้เลย แต่ละครั้งที่ยกระดับเพิ่มหนึ่งขั้นนั้นเปรียบเสมือนคูน้ำธรรมชาติ

เมื่อมีหินน้ำทิพย์ค่อยช่วยหล่อเลี้ยง หินไม้ทิพย์คงจะรวมชีทิพย์ได้รวดเร็วขึ้นแน่นอน คอยช่วยเขาอีกแรง

วันที่ 2 ตอนเช้า ที่จอดรถของโรงแรม

เซียวชุ่นกับเหยาเสินรถคันเดียวกัน ต้วนเจียกับติงเย่วกำลังเตรียมตัวออกเดินทางกลับเจียงไห่พร้อมกัน พึ่งออกจากทางออกที่จอดรถก็มองเห็นถางซือซือยืนรอพวกเขาอยู่ตรงนั้นแล้ว

มองเห็นหลังรถของเซียวชุ่นเธอเดินเข้ามาพร้อมใบหน้าที่ขุ่นเคือง เหยาเสินเปิดกระจกรถ มองเธอด้วยใบหน้าที่อธิบายไม่ได้

เสียวชุ่นนวดหน้าผากของเขานวดแล้วนวดอีก ทำไมไอ้ตัวหายนะวิญญาณยังป้วนเปี้ยนไม่ยอมหายไปไหนล่ะ?

ถางซือซือเสมือนจะได้ยืนเสียงคำในใจของเขา ชำเลืองมองเขาอย่างรวดเร็ว จากนั้นหน้าตายิ้มแย้มยิ้มให้กับเหยาเสิน

เธอปั่นหน้าเหมือนคนไม่มีพิษมีภัยพูดว่า “ประธานเหยาให้ฉันนั่งรถไปด้วยได้ไหม? บังเอิญว่าในระหว่างทางสามารถจราจากับคุณทั้งสองเรื่องเป็นตัวแทนแกนนำหุ้ยเชิงหยวน”

เหยาเสินสำหรับการที่เธอเป็นหนึ่งในผู้หญิง ผู้หญิงคนหนึ่งที่อ่อนไหวละเอียดอ่อนต่อความรู้สึก ทำไมจะไม่รู้สึกถึงความข่มขู่จากถางซือซือ ถึงแม้เธอตัดสินอย่างมั่นใจว่าเซียวชุ่นกับถางซือซือไม่มีอะไรต่อกันจริงๆ แต่ว่าข้ออ้างของถางซือซือนั้นพยายามโยงเหตุมากเกินไป

เหยาเสินมีความมั่นใจมาโดยตลอด แต่ว่าอยู่ต่อหน้าถางซือซือกลับไม่มีความมั่นใจขึ้นมาสักงั้น

แม้แต่เธอที่เป็นผู้หญิงคนหนึ่งยังต้องยอมรับว่า ถางซือซือสวยมากจริงๆ ยังเกิดในตระกลูที่มั่นคั่ง ไม่ว่าด้วยลักษณะนิสัยอารมณ์และรูปลักษณ์ก็ไม่ด้อยไปกว่าตัวเอง

เพื่อประโยชน์ในการเผชิญครั้งหน้า เธอคิดว่ารักษาความได้เปรียบในที่นี้ของเธอไว้ แต่เธอก็ยังคงตอบกลับอย่างสุภาพใจกว้างว่า “ได้แน่นอน”

ถางซือซือคิ้วผ่อนสบายตายิ้มกล่าวขอบคุณหลังจากนั้น เปิดประตูด้านหลังแล้วเข้าไปในรถ

เดิมทีโลกของคนสองคน หลังเธอนั่งเข้ามา บรรยากาศภายในรถดูเข้าใจยากขึ้นในทันที

ถางซือซือนั่งอยู่ภายในรถได้ไม่นานดวงตาคู่สวยปิดลงก็เริ่มง่วงนอนหลับไหลลง มีท่าทีตรงไหนที่อยากจะเจรจางานกัน อีกอย่างอยู่บนรถจะคุยงานกันยังไง เหยาเสินต้องขับรถและไม่สามารถวอกแวกให้เสียสมาธิ

ต้วนเจียรถของทั้งสองอยู่ข้างหน้า เหยาเสินพวกเขาตามหลังไปติดๆ พ้นจากเมืองเหลยหยางขับมุ่งตรงไปในทางทิศตะวันตกสู่เจียงไห่

“พี่ต้วน ประธานเซียวของพวกเราป็นคนยังไงหรอ?” ภายในรถต้วนเจีย ติงเย่วนั่งอยู่ตรงเบาะข้างคนขับเอ่ยถามออกมาอย่างความอยากรู้

“พูดไงดี เอาเป็นว่าไม่ใช่คนเลวร้าย” ต้วนเจียหัวเราะสั้นๆอย่างจริงใจ “ผมกับเขารู้จักกันได้ไม่นาน เป็นเขาที่รักษาโรคของผมหาย ไม่สิ พูดให้เคร่งถูกกว่านี้คือเขาช่วยชีวิตผม”

การที่นักเต้นคนหนึ่งสูญเสียพลังในการเต้นกับการเอาชีวิตของเขาไปมันไม่ได้แตกต่างกันเลย

พึ่งพูดจบ จู่ๆรถเกิดการสั่นสะเทือนขึ้นมาหลายครั้ง ต้วนเจียคิ้วขมวดแล้วขมวดอีก นำรถขับไปจอดอยู่ข้างทาง เปิดประตูรถเดินลงมา ตรวจสอบหนึ่งรอบ

“เกิดอะไรขึ้น?” ตอนนี้รถของเหยาเสินก็ได้ขับตามมาแล้ว เซียวชุ่นถาม

“บนล้อรถโดนตะปูสองอันเจาะอยู่”

ต้วนเจียมือวางบนเอว มองไปทางข้างหน้า ถ่มน้ำลายแล้วด่าว่า “คิดว่าทางข้างหน้าคงมีที่ซ้อมยางรถอยู่ ไอ้พวกตัวแสบทำเพื่อได้เงินเรื่องเลวๆอะไรก็ยอมทำออกมาหมด”

“พวกคุณไปก่อนเลย ประธานเหยาระวังบนพื้นถนนด้วย ผมเปลี่ยนยางรถเสร็จแล้วจะตามพวกคุณไป”

“แบบนั้นก็ได้ งั้นให้เสี่ยวติงขึ้นมานั่งในบนรถฉันล่ะกัน” เหยาเสินไตร่ตรองชั่วครู่แล้วพูด

“ไม่ต้องหรอกประธานเหยา ให้ฉันอยู่จะได้ช่วยเหลือได้บ้าง” ติงเย่วโบกมือพูด

“แบบนั้นก็ได้ งั้นพวกเราขับออกมุ่งหน้าไปก่อนล่ะนะ”

พอพูดจบ เหยาเสินสตาร์ทรถเครื่องใหม่แล้วขับออกมุ่งหน้าไป

ประมาณ 20 นาทีหลัง ถางซือซือลืมตาขึ้นมาช้าๆมองออกไปทางหน้าต่างรถ สะลึมสะลือพูดว่า “ขอโทษทีนะ ที่เผลอนอนหลับไป”

เหยาเสินพูดมีความหมายเชิงลึกว่า “ไม่เป็นไร คุณถัง เมื่อคืนคงนอนไม่ค่อยอิ่มใช่ไหม?”

“พอได้อยู่ พวกเราถึงที่ไหนแล้ว?”

“ขับผ่านทางด้านหน้าสะพานแม่น้ำหลู่จึงจะนับว่าออกจากตัวเมืองเหลยหยางแล้ว” เหยาเสินตอบกลับแบบส่งๆ

“โอ้”

เมืองเหลยหยางกับเมืองเหว้ยฮุยมีแม่น้ำหลู่เป็นตัวเชื่อมระหว่างกัน ต้องผ่านทางเมืองเหว้ยฮุยจึงจะถึงเมืองเจียงไห่ ซึ่งยังมีอีก 200 กว่ากิโลเมตร

เนื่องจากสะพานแม่น้ำหลู่เป็นถนนสายหลักที่เชื่อมระหว่างเมืองเหลยหยางกับเมืองเหว้ยฮุย ซึ่งช่วงเวลานี้ไม่ถือว่าวุ่นวายมากนัก

ระยะทางที่จะถึงสะพานแม่น้ำหลู่ยังมีประมาณ 1 กิโลเมตรในเวลานั้น มีรถบรรทุกของคันใหญ่หนึ่งคันจากข้างถนนตามติดพวกเขาจากทางด้านหลัง คนขับรถคือผู้ชายวัยกลางคนหนึ่งที่สวมหน้ากากสีดำ

ถนนเส้นนี้เป็นถนนเชื่อมเส้นหลัก มีรถหลายๆแบบขับโผล่มามักเป็นเรื่องปกติ ทั้งสามคนเลยไม่ได้ใส่ใจ

“ระวัง!”

เหยาเสินขับรถไปถึงช่วงกลางของถนน เซียวชุ่นจู่ๆก็รู้สึกขึ้นมาว่ารถบรรทุกของคันใหญ่ด้านหลังเหมือนอยู่ดีๆก็บ้าคลั่งขึ้นมาเหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็ว เลยรีบพูดเตือน

รถบรรทุกของคันใหญ่นั้นมากสุดผิวปากขับผ่านเกือบถูโดนรถของเหยาเสิน

ยังดีที่เหยาเสินปฏิกิริยาการตอบสนองเร็ว หลังจากเซียวชุ่นพูดเตือน เธอรีบหักหมุนพวงมาลัยอย่างรวดเร็วและขับหลบไปทางอีกฝั่ง

“ใจหายหมดเลยฉัน…” ถางซือซือกุมมือจับตรงหน้าอก พูดด้วยความกังวลใจ

เซียวชุ่นขมวดคิ้วเป็นปม ลางสังหรณ์ไม่ดีก็ผุดขึ้นมาในใจ

นั้นไง ไอ้รถบรรทุกของคันใหญ่หลังจากขับผ่านเรา ไปทางถนนด้านหน้าขับช้าลง ทันใดนั้นขับยูเทิร์นข้ามมาอยู่ตรงกลางถนน

ระยะห่างใกล้เกินไป เบรกรถคงไม่ทันแล้ว เหยาเสินตื่นตระหนกทันที จิตใต้สำนึกทำให้ขับมั่วไม่รู้ทิศทาง รถเหมือนเสียการควบคุมเลยพุ่งชนรั้วกั้น

บูม!

แสงแปลบประกายไฟ รถพุ่งทะลุรั้วกั้น มุ่งตรงพุ่งเข้าใต้สะพาน

ในชั่วพริบตาก็มีเสียงบูมดังอีกครั้ง รถก็ตกลงไปในใต้น้ำ ทำให้เกิดน้ำกระเซ็นขนาดใหญ่

เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก เซียวชุ่นแค่รู้สึกหน้ามืดตามัว ใบหูได้ยินเสียงของเหยาเสินกับถางซือซือกรีดร้องด้วยความตื่นตระหนก ในตอนนั้นเศษกระจกแตกหลายชิ้นขีดข่วนโดนใบหน้าของเขาเป็นสองสามแผล เลือดไหลเป็นทาง ทันทีหลังจากนั้นรู้สึกถึงความหนาวเหน็บเข้ากระดูกสู่ทั่วร่างกาย

รถส่วนตัวหลายคันบนสะพานจอดรถในทันที ผู้คนไม่น้อยนักรีบร้อนวิ่งลงมาข้างใต้สะพาน

“เกิดเหตุรถชน รีบแจ้งตำรวจที!”

“ในรถใครมีเชือกหรือห่วงชูชีพบ้าง ถ้ามีก็เอาเชือกมาพร้อมลงข้างใต้สะพานกับเรา ต้องการคนช่วยเหลือเพิ่มอีกหลายคน! ช่วยคนก่อนสำคัญที่สุด! อย่ามั่วแต่ยืนนิ่งชะล่าใจ!”

ชายหนุ่มร่างใหญ่คนหนึ่งวิ่งตรงไปที่สะพานแล้วตะโกนเสียงดังว่า เวลานี้ที่ไหนมีห่วงชูชีพ ทันใดนั้นมีไม่กี่คนตามเขาลงไปใต้สะพาน หนึ่งในนั้นวิ่งไปที่บ้านหลายหลังที่หัวสะพาน ซึ่งคิดว่าน่าจะไปตามหาอุปกรณ์ช่วยเหลือคนอยู่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊