เซียวชุ่นนั่งด้านข้างเหยาเสินแล้วพูดเสียงเบา“ขอโทษด้วยที่รัก ผมติดธุระเลยมาสาย”
เหยาเสินยังไม่ทันพูด แม่ยายหลิวหยุนเซียงก็กวาดสายตามองเซียวชุ่นปราดหนึ่ง ก่อนจะกล่าวเสียงเย็นเยียบ “มีธุระ?สวะอย่างแกจะไปมีธุระใหญ่โตได้ยังไง?ฉันว่าขึ้นรถเมล์ไม่ทันต่างหาก เซียวชุ่น วันนี้เป็นงานฉลองวันเกิดของหัวหน้าประจำตระกูล แกอย่าบอกว่าฉันนะว่า แกมามือเปล่า!”
“แม่ครับ...” เซียวชุ่นเห็นแก่หน้าเหยาเสิน เตรียมอธิบายเป็นครั้งสุดท้าย
“อย่ามาเรียกฉันว่าแม่ เป็นเพราะสวะอย่างแก ถ่วงความเจริญของลูกสาวฉัน ถ้าไม่ใช่แก ลูกสาวฉันคงแต่งเข้าบ้านเศรษฐีไปนานแล้ว และฉันก็ไม่ต้องนั่งไกลๆแบบนี้หรอก!?”
หลิวหยุนเซียงยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกโกรธขึ้ง ชี้เซียวชุ่นแล้วตะเบ็งเสียงเกรี้ยวกราด“เดี๋ยวทำตัวดีๆหน่อย บอกให้ทำอะไรก็ทำตามด้วย อย่าทำให้ฉันขายหน้า ไม่งั้นฉันจะตบให้ตายเลย”
ปากก่นด่าก็แล้ว เธอยังคิดจะง้างมือขึ้นสูงแล้วตบใส่หน้าเซียวชุ่นอย่างจังอีกด้วย
แววตาเซียวชุ่นสว่างและมืดสลับกันไป เพลิงโทสะในใจก็ลุกโชน
เมื่อก่อนต้องทำตามคำสั่งของอาจารย์ ตอนนี้เลยกำหนดเวลาสามปีแล้ว แต่ยังคิดว่าเขาน่ารังแกอีกเหรอ?!
เขาเอื้อมมือคว้าข้อมือที่หมายจะตบหน้าของหลิวหยุนเซียงไว้ อีกฝ่ายจึงหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธทันที
“ปีกกล้าขาแข็งแล้วใช่ไหมที่กล้าขวางฉัน”
นัยน์ตาเซียวชุ่นยิ่งเย็นเยียบเพิ่มขึ้น เหยาเสินรีบกู้สถานการณ์เอาไว้“แม่ ที่นี่คนอยู่กันเยอะนะคะ”
“หืม รอฉันกลับไปก่อน แล้วรอดูว่าฉันจะสั่งสอนแกยังไง” หลิวหยุนเซียงด่าทอพร้อมกับจ้องถมึงทึงใส่เซียวชุ่นหลายปราด
เหยาเสินมองเซียวชุ่นปราดหนึ่ง กล่าวอย่างจนปัญญา“คุณแม่กำลังโกรธ นายก็ไม่ต้องพูดแล้ว!”
เสียงเย็นเยียบระคนเหนื่อยล้าของเหยาเสินทำให้เพลิงโกรธในใจเซียวชุ่นพอจะระงับลงได้
หลายปีที่ผ่านมานี้ เหยาเสินก็ไม่ได้มีชีวิตดีไปกว่าเขาเลย
สี่ตระกูลใหญ่ในเมืองเจียงไห่ ได้แก่ตระกูลเจิ้ง ตระกูลซ่ง ตระกูลโอหยาง ตระกูลซือคง และลำดับต่อมาก็จะเป็นตระกูลเหยา ตระกูลซุนเป็นต้น
ถึงแม้ตระกูลเหยาไม่ใช่หนึ่งในอันดับสามของเมืองเจียงไห่ แต่ชื่อเสียงของเหยาเสินก็ลือกระฉ่อนไปทั่วเมืองเจียงไห่ ประธานจากบริษัทต่างๆ และร่วมไปถึงลูกชายหัวหน้าตระกูลซือคง นามว่าซือคงซิงก็เคยขายขนมจีบให้เหยาเสินด้วย
ทว่าสุดท้ายกลับถูกเหยาฉางเหอคลุมถุงชนให้แต่งงานกับเซียวชุ่น ซึ่งเป็นคนแปลกหน้า ไม่มีความสามารถใดๆทั้งสิ้น
สามปีมานี้ เหยาเสินได้รับความเสียดสี ประชดประชันไม่น้อยกว่าเขา!
“อุ๊ย! หยุนเซียง ลูกเขยสวะบ้านคุณก็มาด้วยเหรอ ได้นำของขวัญมาด้วยหรือเปล่า?”
เซียวชุ่นพึ่งจะหย่อนกายนั่งลง ภรรยาของคุณลุงเหยาเต๋อ นามว่า หลี่ชุนเหลียนก็เดินมาด้วยใบหน้าหยอกเย้า
หลี่ชุนเหลียนแต่งหน้าจัด เครื่องสำอางบนใบหน้าสามารถฝังกลบมดตายได้เลย ปกติมักจะชอบซ้ำเติมและสมน้ำหน้าเหยาเสินอยู่เสมอ
“จะเอามาหรือไม่เอามา มันเกี่ยวอะไรกับเธอไม่ทราบ ฉันไม่อยากทะเลาะกับเธอหรอกนะจะบอกให้” หลิวหยุนเซียงมองหลี่ชุนเหลียนปราดหนึ่ง รีบโต้แย้งทันที ซึ่งในใจก็เกิดความคิดอยากตบหน้าเซียวชุ่นที่เป็นเศษสวะอีกครั้ง
“อุ๊ย โมโหมากเลยหรือ แต่มันจะเสียสุขภาพเอานะ ตัวเองหาลูกเขยสวะเองแท้ๆ แล้วจะโทษใครล่ะ?”
หลี่ชุนเหลียนมองหลิวหยุนเซียงด้วยแววตาเยาะเย้ย น้ำเสียงสูงแหลม
“พอแล้ว วันนี้เป็นวันเกิดคุณพ่ออายุครบเจ็ดสิบปี คุณสำรวมพฤติกรรมด้วย”
ผู้ชายข้างกายหลี่ชุนเหลียน ซึ่งมีอายุประมาณสี่สิบห้าสิบปีเอ่ยปากพูด ซึ่งเป็นคุณลุงให้เหยาเสิน ชื่อเหยาเต๋อ มีคิ้วโค้งดั่งกระบี่ ท่าทางดุดัน ให้ความรู้สึกเคี่ยวเข็ญมาก
เขาเอ่ยปาก หลี่ชุนเหลียนก็หุบปากแบบไม่เต็มใจ สุดท้ายก็ใช้สายตาดูแคลนมองไปยังเซียวชุ่นปราดหนึ่ง
เหยาเต๋อถลึงตาใส่เซียวชุ่นปราดหนึ่ง สีหน้าก็รังเกียจเดียดฉันท์มากเช่นกัน เอ่ยว่า“มาสายก็ช่างปะไร สนใจคนที่มีหรือไม่มีก็ได้ทำไม?”
ใบหน้าเซียวชุ่นไร้อารมณ์ ไม่อยากใส่ใจถ้อยคำเสียดสีของคนพรรค์นี้
เวลาเดียวกัน เหยาเจิ้นชูที่นั่งในตำแหน่งหลัก เอ่ยเสียงดังลั่นว่า“ขอบคุณแขกทุกท่านที่ให้มาร่วมงานครับ ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างสูง ผมขอขอบคุณมิตรสหายทุกท่านที่มาร่วมอวยพรวันเกิดของผม!”
กล่าวจบ เขาลุกขึ้นยืนด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็ยกแก้วเบียร์ในมือขึ้น
บรรดาแขกเหรื่อบนโต๊ะลุกขึ้นยืน จากนั้นก็มีคำอวยพรคำแสดงความยินดีให้ได้ยินไม่หยุดหย่อน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊
ไม่อัพต่อแล้วเหรอครับ...