เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊ นิยาย บท 35

สรุปบท บทที่ 35 ใส่ร้าย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊

ตอน บทที่ 35 ใส่ร้าย จาก เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 35 ใส่ร้าย คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายใช้ชีวิต เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊ ที่เขียนโดย ลุงหมาป่า เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

เซียวชุ่นออกมาจากห้องน้ำแล้ว กลับไปที่เดิมแล้วนั่งลงอีกครั้ง จู่ๆ ก็มีร่างหนึ่งเดินมาตรงหน้าเซียวชุ่นแล้วถาม

“เซียวชุ่น นายว่าที่นี่เป็นไงบ้าง?”

เขาเงยหน้ามอง ก็เห็นหยาวฮั่นยืนมองเขาอยู่ตรงนั้นอย่างฝืนยิ้ม

เซียวชุ่นอดไม่ได้ที่จะแอบพูดว่า ผู้ชายคนนี้ไม่จบไม่สิ้นจริงๆ เขาถามตัวเองว่าดูเหมือนเขาจะไม่ได้ไปขัดใจอะไรเขานะ และก็ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้เกลียดชังอะไรเขานัก ถึงได้คอยมายั่วยุเขาแบบนี้

“ก็ไม่เลว”เซียวชุ่นเขย่าแก้วไวน์ในมือ ตอบกลับนิ่งๆ

“นายรู้ไหมคนที่นี่เป็นใคร?”หยาวฮั่นเอามือยัดใส่ในกระเป๋า มือหนึ่งถือแก้วเหล้า ถามต่อด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย

“ไม่รู้”

“ล้วนแต่เป็นผู้ดีของเมืองเจียงไห่”

“อ้อ”เซียวชุ่นตอบกลับด้วยสีหน้านิ่งเฉย

“แล้วนายคิดว่านายเป็นไง?”หยาวฮั่นถามอีก

“นายคิดว่าฉันเป็นไงล่ะ?”เซียวชุ่นเงยมองเขาแล้วพูด

“ขี้หมา หึ……ไม่สิ ฉันพูดผิดไป น่าจะไม่ใช่แม้แต่ขี้หมา!”หยาวฮั่นโน้มเข้ามาใกล้เขาแล้วพูดอย่างเคร่งขรึม

เซียวชุ่นเงยหน้าขึ้นอย่างเกียจคร้าน มองคนตรงหน้าที่กำลังพูดจาตามอำเภอใจ

ถ้าคนๆ นี้กวนตีนขนาดนี้อีกครั้ง เขาก็ไม่รังเกียจที่จะตบเขาสักฉาด

ทางนี้ที่กำลังมีสถานการณ์ตึงเครียด ผู้ชายคนหนึ่งที่หน้าเหลี่ยม ผมสกินเฮด คิ้วทรงสามเหลี่ยม อายุประมาณสามสิบห้าเดินเข้ามาถาม:“คุณชายหยาว นี่คือ?”

หยาวฮั่นยืนขึ้นมาชนแก้วกับเขา จิบไวน์ เลิกคิ้วขึ้นแล้วพูด:“ก็แค่กองขี้หมาเหม็นๆ”

ผู้ชายคิ้วทรงสามเหลี่ยมมองสำรวจเซียวชุ่น พูดด้วยใบหน้าไม่พอใจ:“ในเมื่อเป็นกองขี้หมาเหม็นๆ ทำไมคุณชายหยาวต้องมาเสียเวลาเพราะเขาด้วยล่ะ ไปเถอะ ผมจะแนะนำเพื่อนใหม่คนหนึ่งให้คุณรู้จัก”

หยาวฮั่นพยักหน้าเบาๆ เอามือวางไว้บนไหล่ของเจ้าปาจื่อแล้วเดินออกไป

เซียวชุ่นละสายตากลับ ในใจพูดไม่ออก

เขาเขย่าไวน์แดงในแก้ว ทำท่าเหมือนคิดอะไรอยู่

เวลาประมาณหนึ่งนาที มีชายหนึ่งหญิงหนึ่งลงมาจากชั้นสอง

ผู้ชายสวมชุดสูทสีเทา ใบหน้าขาวสะอาด ผมเซตมาอย่างดี ซึ่งก็คือเมิ่งเล่อจื้อที่ให้คนรวมตัวกันในงานเลี้ยงครั้งนี้ ส่วนด้านข้างคือหญิงวัยรุ่นที่แต่งตัวสวยงามชื่อเสี่ยวโยว

สายตาของเมิ่งเล่อจื้อเหลือบมองชายหนุ่มตรงชั้นหนึ่งอย่างรวดเร็ว เสียงสูงกว่าปกติเล็กน้อย และพูดเสียงดัง

“ทุกคนคะ ขอโทษ งานเลี้ยงของพวกเราน่าจะต้องหยุดชั่วคราว ขอโทษจริงๆ ครับ ที่ทำให้ทุกคนหมดสนุก”

ทุกคนที่อยู่ชั้นล่างเอาสายตามองไปยังพวกเมิ่งเล่อจื้อทันที

“ประธานเมิ่ง เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?”มีคนถาม

เมิ่งเล่อจื้อกระแอมออกมา:“คือแบบนี้ ที่นี่น่าจะมีขโมย นี่เป็นความเลินเล่อของผมเอง ทุกคนก็รู้ว่า งานเลี้ยงครั้งนี้เป็นงานเปิด น่าจะปล่อยคนที่ไม่ควรมาเข้ามาเสียได้”

พอคำนี้พูดออกมา ก็เริ่มถกเถียงกันขึ้นมาทันที

ผ่านไปพักหนึ่ง สายตาของทุกคนก็มองไปยังเซียวชุ่นที่อยู่ตรงมุมอย่างไม่ได้นัดหมาย คฤหาสน์หลังใหญ่ ก็มีแค่เขาเท่านั้นที่ทะเยอทะยานเมื่อเทียบกับคนอื่น

เห็นเพียงเซียวชุ่นยังคงไม่สะทกสะท้าน สายตามองข้ามคนอื่นๆ ยิ้มไปอย่างนิ่งเฉย:“หมายความว่าไง?สงสัยว่าเป็นผม?”

“ไม่ได้สงสัย พวกเราดูกล้องวงจรปิดมาแล้ว เป็นคุณจริงๆ”

ผู้หญิงที่ดูเย้ายวนพูดว่า“ฉันไปห้องน้ำมา วางแหวนของฉันไว้ที่อ่างล้างมือ คิดไม่ถึงว่าออกมาจากห้องน้ำไม่กี่นาทีก็จะถูกตาคนนี้ขโมยไปได้”

เมิ่งเล่อจื้อเดินไปที่เขาสองสามก้าวแล้วพูด

“เหรอ?ผมล่ะอยากจะดู ถ้าคุณไม่เกรงใจแล้วเป็นไง”เซียวชุ่นหัวเราะอย่างดูถูก

“ไอ้บ้านี่หยิ่งยโสไปแล้ว นายรู้ไหมคนที่คุยกับนายคือใคร?”

ผู้ชายรูปร่างเตี้ยที่แข็งแรงกระโดดออกมาจากด้านข้างเมิ่งเล่อจื้อแล้วตะโกนออกไป

เซียวชุ่นพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน:“เขาคือใครหรือ?ไม่สำคัญหรอก”

ทั้งงานเงียบลงทันที

ทั้งงานต่างไม่กล้าเชื่อหูของตัวเอง ต่างมองไปที่เขาด้วยใบหน้าตกตะลึง

เมิ่งเล่อจื้อ ถึงในนามจะเป็นแค่ท่านประธานของอสังหาฯจวินเป่า แต่ผลประโยชน์ที่พัวพันส่วนตัวนั้นกว้างขวาง ซึ่งรวมถึงพื้นที่สีเทาบางส่วนด้วย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งอสังหาฯจวินเป่าก็ยังเป็นอุตสาหกรรมของตระกูลซ่ง อำนาจที่อยู่เบื้องหลังก็คือตระกูลซ่งแห่งเจียงไห่ และว่ากันว่าความสัมพันธ์ของเมิ่งเล่อจื้อกับตระกูลซ่งก็แน่นแฟ้นมาก ดังนั้นแม้แต่ตระกูลเล็กๆ ที่นอกจากสี่ตระกูลใหญ่แล้วก็ยังต้องเกรงใจเขา

ในสายตาประชาชนเมืองเจียงไห่ นอกจากสี่ตระกูลใหญ่แล้ว ครอบครัวชนชั้นสองเหล่านั้นที่เหลืออยู่ต่างถือเป็นครอบครัวที่โดดเด่น แต่ที่จริงแล้วเมื่อเทียบกับสี่ตระกูลใหญ่ก็ยังถือว่าห่างอีกไกล

ทรัพย์สินของตระกูลเล็กๆ ส่วนมากมีแค่สองถึงสามร้อยล้านหยวน และเมื่อตระกูลมีหลายครอบครัวมี ถ้าแบ่งให้แต่ละครอบครัวแล้วก็จะมีแค่ไม่กี่สิบล้าน ยิ่งน้อยมากขึ้น

อย่างเช่นตระกูลเหยา ทั้งตระกูลเหยานั้นแล้ว มีทรัพย์สินประมาณสองร้อยล้าน รุ่นของเหยาเจิ้นเจียงมีพี่น้องสี่คน แบ่งเฉลี่ยนให้แต่ละครอบครัวก็จะได้ไปคนละห้าสิบล้าน พ่อของเหยาเสินมีพี่น้องสามคน ห้าสิบล้านนั้นแบ่งมาอีกแต่ละครอบครัวก็จะไม่ถึงยี่สิบล้าน

ถึงแม้ตอนนี้สำหรับภายในแล้วเหยาเจิ้นเจียงจะเป็นคนคุมหางเสือของทั้งตระกูลเหยาแต่ทุกครอบครัวกลับต่อสู้กันเอง กระทั่งว่าภายในตระกูลก็สู้กันเอาถึงตาย การฮุบทรัพย์สินก็เห็นได้บ่อย

สี่ตระกูลใหญ่กลับต่างกัน ทรัพย์สินของพวกเขามีมูลค่าหลายพันล้าน ความสัมพันธ์ของผู้ประกอบการทางการเมืองนั้นซับซ้อน และการจัดการภายในของตระกูลก็เข้มงวด สิทธิก็ค่อนข้างรวมศูนย์

ดังนั้นอย่างว่าแต่ขัดใจคนของสี่ตระกูลใหญ่ไม่ได้เลย แม้แต่คนที่สนิทกับพวกเขา อย่างเช่นซุนซวน หยาวฮั่นลูกชายของครอบครัวชนชั้นสองแบบนี้ก็ไปยุ่งด้วยไม่ได้

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเซียวชุ่นเขาก็แค่ลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านตระกูลเหยา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊