รอยยิ้มบนใบหน้าเซียวชุ่นเบ่งบานได้อย่างเย็นยะเยือกสุดขั้ว
พวกกบในกะลา คิดว่าจะกำเริบเสิบสานต่อหน้าเขาได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าหรือไง?!
หากอาจารย์ไม่กำชับก่อนออกเดินทาง แล้วเขาจะทนคนอื่นเหยียดหยามในตระกูลเหยาหรือ!?
หยาวฮั่นผู้ไม่ประสีประสา เขาหมั่นไส้สวะที่กินนอนฟรีตั้งนานแล้ว รีบสาวเท้าเดินไปยังเซียวชุ่น จากนั้นก็สั่งการ“วันนี้แกต้องเซ็นอย่างเดียว”
“รังแกมาสามปี เจ้ากี้เจ้าการตลอด แต่ก็ยังไม่รู้จักพอประมาณ วันนี้ยังฉีกหน้าในสาธารณะ คิดจะทอดทิ้งแล้วไปเกาะคนสูงศักดิ์กว่าอย่างนั้นเหรอ?ตระกูลเหยาวางแผนได้ดีจริงๆ กล้ามากจริงๆ”
เซียวชุ่นสบถหนึ่งเสียง จากนั้นก็ดังกังวานไปทั่วงาน และผู้รับฟังก็พากันอึ้งเป็นแถวๆ
ไอ้สวะคนนี้ กล้าโอหังเพียงนี้เลยหรือ?
ไม่มีคนสังเกตเลยว่า เซียวชุ่นแค่พูดเบาๆ ทว่าก็ได้ยินทั่วงาน ซึ่งมันต้องมีนัยยะอะไรแฝงอยู่เป็นแน่
“เซียวชุ่น ไอ้สวะ รู้ตัวหรือเปล่าว่าพูดอะไรอยู่”
เหยาเจิ้นชูโกรธจนหน้าเขียวคล้ำ ไม้เท้าหัวมังกรในมือกระทืบดังตึกๆ
หยาวฮั่นที่อยู่ด้านข้างกับคนตระกูลเหยาก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ หยาวฮั่นชี้หน้าด่าเซียวชุ่นว่า“ไอ้สวะ มึงกินฟรีอยู่ฟรีที่บ้านตระกูลเหยามาสามปี เป็นเหมือนพยาธิที่เกาะคนอื่นกิน ยังมีหน้าบอกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมอีก?”
คำพูดของหลี่ชุนเหลียนยิ่งรุนแรงไปอีกขั้น มือเท้าเอวกล่าวว่า“ใช่ ไม่ดูสารรูปตัวเองเลย วันนี้แกยังกล้าเอาเหรียญทองแดงมาวันเกิดนายท่าน ทำให้ตระกูลเหยาขายหน้ามากรู้ไหม ต่ำทรามมาก ตระกูลเหยาติดค้างอะไรแกไม่ทราบ?”
แต่ละคนผลักกันพูดทีละคำสองคำ ถ้อยคำก่นด่าเหยียดหยามแทงเข้าไปในใจเซียวชุ่น
เซียวชุ่นไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่รวบรวมพลังในกายทั้งหมดเพียงหนึ่งเดียว จากนั้นก็จู่โจมให้สำเร็จในครั้งเดียว——
“พ่อหนุ่ม”
เสียงที่รู้สึกคุ้นเคยเล็กน้อยดังขึ้น
ตรงประตูมีคนเข้ามาสองคน
คนหนึ่งแก่ชรา คนหนึ่งยังอายุน้อย ซึ่งผู้อาวุโสคนนี้ร่างกายแข็งแรง กระปรี้กระเปร่า สายตาทรงพลัง ถึงแม้ผมจะขาวไปทั่วหัว ทว่าไหล่ก็ยังคงยืดตรง รังสีบนตัวไม่ธรรมดาเลยสักนิด
ส่วนคนข้างกายเขา คือสาวน้อยผู้เลอโฉม เปล่งประกายออร่าทั่วเรือนร่าง ดวงตาทั้งคู่ก็สะดุดตายิ่งนัก คล้ายกับจิ้งจอกน้อยที่มีท่วงท่าปราดเปรียว
เมื่อพวกเขาสองคนปรากฏกายก็ดึงดูดสายตาคนทั้งงาน
“ดูเหมือนว่าฉันจะมาถูกเวลานะ” ชายชราเอ่ยพร้อมกับเดินเนือยๆ
เมื่อเห็นสองคนที่มีกลิ่นอายพิเศษ เหยาเจิ้นชูก็ระงับเพลิงโทสะชั่วคราว ก้าวเข้าไปทำท่าคำนับ “ผมชื่อเหยาเจิ้นชู ไม่ทราบว่าสองท่าน……”
“ซ่งเจิ้นไห่”
ชายชราเอ่ยออกมาสามพยางค์ จึงรู้ว่าเป็นปู่หลานที่เซียวชุ่นช่วยชีวิตไว้
ซ่งเจิ้นไห่พูดต่อไปว่า“คนนี้คือหลานสาวฉัน ซ่งหลิงเอ๋อร์”
ได้ยินสองชื่อนี้แล้ว ทุกคนในงานก็ตกตะลึง นี่คือซ่งเจิ้นไห่แห่งตระกูลซ่ง!
ถ้าบอกว่าตระกูลซ่งมีอิทธิพลมากสุดในเมืองเจียงไห่ เช่นนั้นซ่งเจิ้นไห่ก็คือบุคคลระดับสูงสุดของเมืองเจียงไห่ เขาแค่กระแอม เจียงไห่ก็ต้องสั่นสะท้านแล้ว
แม้แต่ตระกูลโอหยางที่แข็งแกร่งก็ต้องตกเป็นรอง
โอหยางเจิ้งรีบโค้งคำนับ“กระผมโอหยางเจิ้ง ได้ยินชื่อเสียงนายท่านซ่งมานานแล้วครับ แต่ก็ยังสู้เห็นเองกับตาไม่ได้ ช่างเป็นมังกรผู้เกรียงไกรจริงๆเลยครับ”
เหยาเจิ้นชูก็รีบเข้ามาประจบ“ใช่ๆๆ ผมมีตาแต่หามีแววไม่ นายท่านซ่งได้อย่างถือสาเลยนะครับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊
ไม่อัพต่อแล้วเหรอครับ...