“พวกวัยรุ่นรุ่นหลัง ปู่ไม่ค่อยได้รู้จัก ไม่รู้นิสัยใจคอของพวกเขา โดยเฉพาะเจิ้งหยุนเห้อคนนี้ ตอนนั้นเขาถ่อมตนไม่โอ้อวด พอถึงช่วงเวลาสำคัญ เขาล้มพวกพี่น้องหลายคนของเขาได้ในคราวเดียวจนได้เป็นนายท่านตระกูลเจิ้ง ดังนั้นปู่ก็ไม่สามารถมั่นใจได้ว่า อาศัยเพียงคำพูดของเขาแล้วเรื่องนี้จะจบลงได้จริง”
ซ่งเจิ้นไห่หลับตาเอนพิงเก้าอี้พร้อมพูดขึ้น
“งั้นตอนนี้ พวกเรา?” ซ่งหลิงเอ๋อร์พูดขึ้นอย่างเป็นกังวล
“กลับกันเถอะ ปู่เหนื่อยแล้ว”
ซ่งเจิ้นไห่ไม่ได้เหนื่อยกาย แต่เหนื่อยใจ
เซียวชุ่นคนนี้ก็ช่างก่อเรื่องจริงๆ หากเพียงแค่ตระกูลซือคง ตระกูลซ่งยังสามารถอยู่เหนือเขา ตอนนี้เซียวชุ่นมีเรื่องกับทั้งสองตระกูล หากทั้งสองตระกูลร่วมมือกัน แม้แต่ตระกูลซ่งก็อาจจะรับมือไม่ไหว
นี่คือสาเหตุที่สี่ตระกูลใหญ่ของเจียงไห่ รักษาความสมดุลอันละเอียดอ่อนนี้มาตลอด
ตระกูลโอหยางมักห่างเหินมาตลอด มักตีตัวออกห่างจากเรื่องส่วนใหญ่ อีกสามตระกูลอื่น ถึงแม้ตระกูลซ่งมีอำนาจที่สุด แต่ก็เหนือกว่าเพียงเล็กน้อย ไม่สามารถที่จะรับมือได้ทั้งหมด
นี่อาจจะพัวพันถึงความเป็นความตายของตระกูลซ่ง ดังนั้นเขาจึงต้องไตร่ตรองให้ดี
“อ้อ” ซ่งหลิงเอ๋อร์พยักหัว
คฤหาสน์ตระกูลเจิ้ง เจิ้งหยุนเห้อแกว่งเล่นถ้วยชาในมือด้วยสีหน้าเคร่งขรึมอย่างไม่รู้ตัว
“นายท่าน เรื่องนี้จะปล่อยไปแบบนี้หรือ?” พ่อบ้านติงหู้ถามขึ้น
“ตระกูลซ่งของเขามีสิทธิ์สั่งตระกูลเจิ้งตั้งแต่เมื่อไหร่?” เจิ้งหยุนเห้อพูดขึ้นอย่างเย็นชา
“ไปสืบประวัติเจ้าคนนั้น ดูสิว่าเป็นใครมาจากไหน ถึงได้สามารถทำให้ซ่งเจิ้นไห่มาขอร้องข้าด้วยตนเอง”
“ขอรับ” ติงหู้รับคำสั่ง
“เตรียมรถให้ผม ผมจะไปตระกูลซือคง”
“ขอรับ”
……
หลังจากเจิ้งหย่งจางทะเลาะกับเจิ้งหยุนเห้อก็กลับมายังMomo Bar หลังจากหยิบไวน์นอกราคาแพงสองสามขวดจากบาร์ แล้วก็เข้าไปในห้องส่วนตัวสุดหรูของตนเอง
เทเต็มแก้ว แล้วยกขึ้นมาดื่มจนหมด จู่ๆ ก็รู้สึกปวดแสบท้องขึ้นมา เหมือนเป็นผลพวงจากเมื่อวานที่พลักตกลงไป
สายตามองไปบนรูปถ่ายสองรูปที่วางบนโต๊ะอย่างไม่ได้ตั้งใจ เอื้อมมือไปหยิบรูปเซียวชุ่นมาตรงหน้า คิ้วขมวดกลม มุมปากกระตุกอย่างไม่รู้ตัว
ผมจะต้องสับคุณเป็นชิ้นๆ
หวนคิดถึงภาพเมื่อคืน อาจเป็นเพราะตอนนั้นแสงมืดสลัว เขาเห็นเพียงเซียวชุ่นหยิบสิ่งของอะไรบางอย่างออกมาจากในกระเป๋า จากนั้นก็ดีดออกไปเบาๆ ท้ายทอยของตนเองก็เจ็บปวดแสบขึ้นมา จากนั้นก็เหมือนเห็นภาพหลอน
เวทย์มนต์? สะกดจิต?
เป็นไปได้หรือ?
เดิมเขาไม่เชื่อว่าบนโลกนี้จะมีพลังเหนือธรรมชาติ หรือที่เรียกว่าปรมาจารย์นอกโลก นับตั้งแต่วันนั้นมีคนโยนท่อเหล็กอันหนึ่งเสียบเข้าไปในเพดาน ทำให้เขาไม่เชื่อไม่ได้
หรือว่าคนคนนี้ก็เป็นปรมาจารย์นอกโลกเหมือนอย่างคนนั้น?
นี่จะเป็นไปได้อย่างไร? เขาเป็นเพียงลูกเขยของตระกูลเหยาเท่านั้นเอง
หากเป็นเช่นนี้ โลกใบนี้ยิ่งอยู่ก็ยิ่งบ้านไปแล้ว เรื่องแบบนี้มีเพียงในหนังในละครเท่านั้น กลับปรากฏขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริง
ขณะที่เขาหัวสมองของเขาเต็มไปด้วยความคิด ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“ใคร? อย่ามากวนผม”
“คุณชายสาม ผมเอง หลีเย่า”
เจิ้งหย่งจางให้หลีเย่าไปสืบหาผู้มีฝีมือคนนั้นมา หลังจากรู้ว่าเป็นหลีเย่า เขาสงบสติอารมณ์ พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชาว่า “เข้ามา”
หลีเย่าผลักประตูเดินเข้ามา เรื่องเมื่อคืนเขาก็รู้เรื่องแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊
ไม่อัพต่อแล้วเหรอครับ...