เมื่อถึงเวลา ตลาดก็เริ่มขึ้น
ในเสี้ยววินาทีหลังจากนั้น ไม่เพียงแต่นักลงทุนในเมืองฮาร์เบอร์เท่านั้นที่กำลังเฝ้าดูหุ้นฮาร์เบอร์ แต่นายทุนจำนวนมากจากทั่วทุกมุมโลกต่างก็จับตามองเช่นกัน
แม้ว่าเรื่องฟองสบู่จะแตกกระจายไปทั่วโลก แต่ใครก็ตามที่มีสายตาที่เฉียบแหลมจะสามารถบอกได้ว่าสถานการณ์ในเมืองฮาร์เบอร์นั้นไม่ธรรมดา
เพราะมีคนพยายามทำลายเศรษฐกิจในเมืองฮาร์เบอร์โดยใช้วิกฤตนี้
นี่เป็นการต่อสู้ทางการเงิน และมันไม่ง่ายเหมือนวิกฤตปกติหลังจากฟองสบู่แตก
ทันทีที่ตลาดหุ้นเริ่มต้น กองทุนจำนวนมากถูกอัดฉีดเข้าไปในธุรกรรมของดัชนีตลาดหุ้นอย่างบ้าคลั่ง ดัชนีฮันเซลผันผวนอย่างมากในเสี้ยววินาที
"มิสเตอร์เลน ดัชนีฮันเซลลดลงไป 11 จุด หลังจากเริ่มตลาด การขายชอร์ตเซลล์เป็นไปตามเงื่อนไขได้สูงถึง 5 พันล้าน และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องครับ
"มิสเตอร์เลน อัตราส่วนการขายชอร์ตเซลนั้นเป็นที่น่ากลัวและรุนแรง ตอนนี้ดัชนีฮัลเซลลดลงอีก 7 จุด
"มิสเตอร์เลน สองหุ้นในหุ้นฮาร์เบอร์ถึงขีดจำกัดราคาแล้วครับ”
บรรยากาศในห้องนั่งเล่นเริ่มเข้มข้นขึ้น หลังจากที่แซครายงานสถานการณ์ด้วยความเร็ว
สเปนเซอร์จากสี่ตระกูลที่ร่ำรวยมีสีหน้าที่หวาดกลัว เพราะหุ้นสองตัวที่ถึงขีดจำกัด มันเป็นบริษัทจดทะเบียนภายใต้ชื่อของพวกเขา
อีกฝ่ายกำลังลงมือครับ!
พวกเขากำลังโจมตีหุ้นของตระกูลที่ร่ำรวย!
ทุกคนมองไปที่แจสเปอร์ รอให้เขาออกคำสั่ง
อย่างไรก็ตาม แจสเปอร์เพียงนั่งดื่มชาของเขาเท่านั้น ไอหมอกหนาทึบลอยอยู่ในอากาศ บดบังสีหน้าของเขา
สเปนเซอร์ไม่สามารถใจเย็นได้อีกต่อไป เพราะบริษัทจดทะเบียนของเขาถูกโจมตีถึงขีดจำกัดราคาของพวกเขา เขากล่าวว่า “มิสเตอร์เลน เราจะไม่ทำอะไรเลยเหรอ?”
ในขณะนี้ เจคยิ้มและพูดว่า “ฉันคิดว่าเขานิ่งจากการโจมตีแค่สามนาทีตั้งแต่เริ่มต้น เงินทุนของฝ่ายขายชอร์ตเซลที่กำลังรอการขายได้เพิ่มขึ้นเป็น 7 พันล้าน นายไม่เคยเห็นการสู้รบแบบนี้เลยเหรอ ไอ้เด็กบ้านนอก?
“ต้องให้ฉันสอนนายไหมว่าตอนนี้ตลาดต้องการความมั่นใจ ทุกคนรู้ดีว่ารัฐบาลของเมืองฮาร์เบอร์มีแผนกอบกู้ตลาด นายควรเข้าไปทันทีและเคลียร์ตลาดของผู้ขายซะ!”
ขณะที่พูดอย่างนั้น เขาก็หัวเราะอย่างเย็นชา “ไอเด็กบ้านนอก นายรับมือกับการต่อสู้แบบนี้ไม่ได้หรอก นายควรมอบอำนาจในการดำเนินการและทำตามที่เราพูดอย่างว่าง่ายนะ”
คำพูดของเจคเริ่มสั่นคลอนความคิดเห็นของทุกคนในห้อง
โดยปกติแล้ว สิ่งที่เจคพูดจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการจัดการกับสิ่งนี้
อย่างไรก็ตาม ถ้าแซคคารีและคลาร์กไม่พูด ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไร
แซคมองดูการโจมตีที่มาจากบรรดาผู้ขายหุ้นในตลาดหุ้นอย่างดุเดือดและรุนแรงขึ้น ในขณะนี้ดัชนีฮันเซลลดลงอย่างต่อเนื่อง
แซคเหงื่อออกที่หน้าผากโดยที่ไม่รู้ตัว เขาถามอย่างระมัดระวัง “มิสเตอร์เลน เราควรทำยังไงดีครับ?”
ในขณะนี้ แจสเปอร์กล่าวว่า “อย่ากังวลไปเลย มารอเวลาของเรากันเถอะ”
เมื่อเจคได้ยินดังนั้น ก็หัวเราะออกมา “รอเวลาของเรา? นี่คือความสามารถของคนบ้านนอกที่ฉันเจองั้นเหรอ? โดนเล่นซะไม่มีชิ้นดีแต่ยังมีหน้ามาบอกให้รอเวลาอีกงั้นเหรอ? ฉันอยากหัวเราะให้ตายกันข้างหนึ่งจริง ๆ
“สเปนเซอร์ คุณเป็นหัวหน้าของสี่ตระกูลที่ร่ำรวย คุณจะสูญเสียมูลค่าตลาดของบริษัทของคุณ เพราะเขาต้องการรอเวลาของเขา”
เจคยังคงยิ้ม คำพูดของเขาเหมือนงูพิษ ขณะที่เขาเยาะเย้ยแจสเปอร์อย่างเมามัน
“ถ้าไม่มีความสามารถ ก็ยอมแพ้เถอะ ทำไมถึงดันทุรังทำให้คนอื่นในที่นี้เขาเป็นทุกข์ไปด้วยล่ะ?
“แสร้งตีหน้าซื่อทำเป็นใจเย็น แต่ความจริง นายกลัวจนจะฉี่ราดกางเกงแล้วใช่ไหมล่ะ?
“เด็กบ้านนอกนี่โง่มาก ฉันบอกนายแล้วว่าตอนนี้นายควรโต้กลับได้แล้ว ทำตามที่ฉันพูดมันคงจะเสียศักดิ์ศรีของนายมากสินะ? ช่างเป็นเรื่องตลกสิ้นดี ใคร ๆ ก็รู้ว่าคนบ้านนอกอย่างนายมีความรู้แค่ไหน หยุดทำตัวเสแสร้งที่นี่สักทีจะได้ไหม?”
"พอได้แล้ว"
แซคคารีขัดจังหวะการเยาะเย้ยของเจคอย่างเย็นชา “หุบปากได้ไหม? จะเสียงดังไปถึงไหนกัน!”
เมื่อเจคเห็นท่าทีที่ไม่เป็นมิตรของแซคคารี เขากลืนน้ำลายและระงับความโกรธและความเกลียดชังเอาไว้ เขาเยาะเย้ยด้วยใบหน้าที่ดูถูกเหยียดหยาม แต่เขาไม่กล้าโต้ตอบแซคคารี
แจสเปอร์จ้องเขม็งไปที่จอดิจิตอลตลอดเวลา
บรรทัดและเส้นข้อมูลถูกรีเฟรชอยู่ตลอด แจสเปอร์กำลังเตรียมตัว และวิเคราะห์ทุกย่างก้าวของอีกฝ่ายในหัว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ ไปให้สุด
รออัพอยู่นะคะ เดือนเศษแล้ว จะมีต่อไหมคะ...