หยางหยางสีหน้านิ่งเฉย "อ้อ แบบนี้เอง"
เด็กชายแนะนำตัวเองอย่างรวดเร็ว "ข้าชื่อรุ่ยรุ่ย"
มู่จือเหยี่ยนตะลึงค้าง ในใจคิดรุ่ยคำไหนกันนะ?
หรือจะเป็นคำว่ารุ่ยที่มาจากชื่อหนานกงรุ่ยหยวน?
เหตุใดบุรุษคนนั้นถึงตั้งชื่อลูกแบบนั้นได้? ฟังดูไม่น่าฟังเลยสักนิด!
รุ่ยรุ่ยโน้มตัวมาถามอย่างสงสัย "เจ้าชื่อหยางหยางหรือชื่อเพราะมาก"
หยางหยางตอบกลับอย่างเย็นชา "อืม"
“นั้นคือมารดาของเจ้า?”
"ใช่"
“ที่แท้พวกเจ้าเป็นคนในเมืองหลวงหรอกหรือ งั้นพวกเราก็ถือเป็นคนบ้านเดียวกัน
"ไม่ใช่" หยางหยางรู้สึกรำคาญคนตรงหน้าที่เอาแต่ถามไม่หยุด ทำให้เขาปวดหัวอย่างมาก
คนอะไรพึ่งจะรู้จักทำตัวราวกับสนิทสนมมานาน น่ารำคาญยิ่งนัก!
“ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะไปเมืองหลวงใช่ไหม? ข้าเป็นคนเมืองหลวงนะ สามารถนําทางให้พวกเจ้าได้ ที่ไหนมีของกินอร่อย ๆ ในเมืองหลวงข้าล้วนรู้ดี” รุ่ยรุ่ยยิ่งพูดยิ่งภูมิใจ ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองจะน่ารําคาญเลย
“เจ้าคิดจะหนีออกจากบ้านไม่ใช่หรือ? เหตุใดจะกลับไปอีกล่ะ?” มู่จื่อเหยี่ยนถามกลับ
"เฮ้อ ข้าไม่อยากหาแล้ว อย่างไรก็หาไม่พบอยู่ดี" รุ่ยรุ่ยพูดอย่างจนใจ
"เจ้าต้องการหาอะไร?"
“แน่นอนว่าจะต้องตามหาท่านแม่ของข้า ท่านพ่อเคยบอกว่า ท่านแม่ทิ้งข้าไป แล้วไปพบรักกับคนอื่น จากนั้นก็ไม่กลับมาบ้านอีกเลย ข้าอยากตามหาท่านแม่ให้พบ แล้วถามว่าที่ท่านพ่อพูดเป็นความจริงหรือไม่"
มู่จื่อเหยี่ยนไม่คาดคิดมาก่อนว่า หนานกงรุ่ยหยวนลับหลังจะกล่าวหาตนเช่นนี้
เขาไม่กลัวที่จะถูกสวรรค์ลงโทษหรือ?
รุ่ยรุ่ยก้าวไปข้างหน้าถามอย่างสงสัย "หยางหยาง เจ้ามีบิดาหรือไม่?"
“ไม่มี” หยางหยางตอบอย่างหนักแน่น
“เกิดอะไรขึ้น” รุ่ยรุยมองแววตาของเขา วินาทีนั้นเกิดความสงสารขึ้นมา
“ท่านแม่บอกว่า บุรุษคนนั้นไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี เขาตกหลุมรักคนอื่น สุดท้ายถูกฆ่าตาย ต้นหญ้าที่ขึ้นอยู่ตรงหลุมฝังศพตอนนี้สูงกว่าข้าเสียอีก”
รุ่ยรุ่ยรู้สึกว่าคำพูดนี้ฟังแล้วดูแปลกพิกล แต่เขากลับไม่รู้ว่ามันแปลกตรงไหน
เขาพูดกล่าวโทษ "บิดาของเจ้าทำเรื่องขัดต่อศีลธรรมตายแบบนี้สมควรแล้ว"
ในที่สุดใบหน้าของหยางหยางก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้น "คนทำชั่วย่อมได้รับโทษ เขาสมควรแล้ว"
ยามนี้ในเมืองหลวง เหยี่ยนอ๋องที่อยู่ในจวนกำลังจามออกมาสองครั้งอย่างไม่รู้สาเหตุ เขารู้สึกว่ามีคนนินทาเขาอยู่ลับหลัง!
มู่จื่อเหยี่ยนได้ยินเด็กสองคนพูดเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย นางรู้สึกจนใจเล็กน้อย เปลี่ยนเรื่องสนทนา "ไม่ต้องยืนอยู่ด้านนอก รีบเข้าไปในรถม้าแล้วค่อยคุยกันต่อ"
ในรถม้าได้จัดเตรียมถ่านไฟกับเตาอุ่นไฟไว้เพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย มู่จือเหยี่ยนอุ้มหยางหยางเข้าไปในรถม้า แล้วบอกให้สารถีเร่งเดินทางต่อไป
นางหยิบเครื่องมือหลากหลายชนิดที่เกี่ยวกับการแปลงโฉมจากกล่องสัมภาระ
นี่เป็นครั้งแรกที่รุ่ยรุ่ยเห็นการแปลงโฉมเป็นครั้งแรก เขาดูตกใจมาก เขาเอาตัวไปเบียดอยู่ด้านข้างของหยางหยาง ถามว่า "ท่านแม่ของเจ้าทำไมถึงเปลี่ยนใบหน้าได้ล่ะ? ราวกับสวมหน้ากากไว้ไม่มีผิด"
หยางหยางเมินเฉยใส่เขา
รุ่ยรุ่ยกลับไม่โกรธ จ้องไปยังหน้ากากที่แกะสลักอย่างปราณีตที่ประดับบนหน้าบนหน้าของหยางหยางแล้วถามขึ้น “เจ้าสวมมันไว้ตลอดเวลาเลยหรือ? ข้าอยากเห็นว่าหน้าตาของเจ้าเป็นเช่นไร ถอดได้หรือไม่?”
“ไม่ได้” หยางหยางปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา
"อา ทำไมล่ะ?"
“ท่านแม่สอนว่าอย่าให้คนแปลกมาหน้าเห็น”
“พวกเรารู้จักกันแล้ว ดังนั้นจึงไม่ใช่คนแปลกหน้าอีก เจ้าให้ข้าดูหน่อย ” รุ่ยรุ่ยโน้มตัวเข้ามา มองเขาด้วยสีหน้าสงสัย “เป็นไปได้หรือไม่ว่าเจ้าจะมีหน้าตาที่ดีมาก ท่านแม่ของเจ้ากลัวว่าจะมีคนลักพาตัวเจ้าไป”
หยางหยางรู้สึกหัวเสียกับคนตรงหน้าอย่างมาก ไม่ให้ดูก็คือไม่ให้ดู ยังจะถามหาเหตุผลมากมายไปอีกทำไม?
เขาควรจะเปลี่ยนชื่อเป็น เจ้าคนช่างสงสัย!
“เจ้าให้ข้าดูหน่อย ดูหน่อยเถอะนะ” รุ่ยรุ่ยอยากเห็นใบหน้าของเขาอย่างมาก เขาอาศัยจังหวะที่ฝ่ายตรงข้ามไม่ทันระวัง ยื่นมือไปแตะโดนใบหน้าเล็ก ๆ นั่น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ครั้งนี้ พระชายาท้องแฝดแล้วหนี
เื่องนี้ไม่ลงต่อหรอค่ะ...