ห้องโถงกว้างขวาง แต่อากาศรอบๆ กงเฉินเย็นจัดจนถึงขีดสุด กดทับจนทุกคนหายใจไม่ออก
เขาเงียบไม่พูดไม่จา
แต่ทุกคนรู้ว่าเขาโกรธแล้ว
เขาหยิบกล่องบุหรี่ออกมาและจุดบุหรี่หนึ่งมวน
หมอกสีขาวที่พ่นออกมาปกคลุมใบหน้าของเขา เขามองหลินจืออี้ผ่านหมอกสลัวๆ ด้วยสายตาที่ไม่ชัดเจน
“ไสหัวไป”
จากนั้นคุณท่านกงก็โบกมืออย่างไม่พอใจ
หลิวเหอประคองหลินจืออี้ขึ้นมา
หลินจืออี้ดึงมือตัวเองออก ยืนตัวตรงอยู่ในโถง พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ในเมื่อฉันอยู่ที่นี่ทำให้ทุกคนไม่สะดวกนัก ถ้าอย่างนั้นฉันจะย้ายออกไปค่ะ คุณท่าน ขอบคุณที่หลายปีนี้ดูแลดิฉันค่ะ”
เธอจะไปก็ต้องไปอย่างมีเกียรติ ตรงไปตรงมา
เธอจะไม่ระมัดระวังและหวาดกลัวเหมือนชาติที่แล้วอีกแล้ว
พูดจบ หลินจืออี้ก็หันหลังเดินจากไป
สายตาที่ทอดมองแผ่นหลังของเธอ อันตรายและเย็นชา
……
เมื่อเดินออกจากห้องโถง ปฏิกิริยาของระบบทางเดินอาหารที่เกิดจากยาคุมกําเนิดหลายเม็ดก็กวาดเข้ามา เธอรู้สึกเวียนหัวและคลื่นไส้
หลินจืออี้เดินออกไปได้ไม่กี่ก้าวก็สลบไปแล้ว
รอจนหลินจืออี้ตื่นขึ้นมา หลิ่วเหอก็มานั่งอยู่ข้างเตียง ดวงตาแดงก่ำเล็กน้อย
เห็นเธอตื่นมาก็ตบหน้าทันที แต่ไม่ได้ลงมือหนักอะไรมากมาย
"เธออยากให้ฉันตกใจหัวใจวายตายใช่ไหม? ยานั้นกินมั่วซั่วได้หรือไง?”
“แม่ ไม่มีประโยชน์หรอก ถ้าฉันไม่กิน ชาตินี้ก็ออกจากบ้านตระกูลกงไม่ได้” หลินจืออี้พูดอย่างอ่อนแรง
“แกนี่มัน...ชีวิตขมขื่นจริงๆ! ฉันเคยบอกแกก่อนหน้านี้แล้วว่าให้ไปคลุกคลีกับพวกลูกหลานตระกูลร่ำรวยให้เร็วหน่อย หากแต่งงานได้ดีแล้ว ก็จะสามารถใช้ชีวิตอย่างสงบสุขได้” หลิวเหอเกลี้ยกล่อม
“เหมือนแม่น่ะเหรอ?”
ชีวิตแบบนี้มันมั่นคงที่ไหนกัน?
หลิวเหออยากพูดอะไรบางอย่างแต่ก็หยุด
ในเวลานี้ประตูก็เปิดออกและกงสือเหยียนก็ยกชามโจ๊กเข้ามา
“จืออี้ตื่นแล้ว รีบกินโจ๊กเร็วเข้า ในกระเพาะจะได้สบายขึ้นหน่อย”
หลินจืออี้กําลังจะเอ่ยขอบคุณ ก็พบว่าหูของกงสือเหยียนมีบาดแผล ดูจากบาดแผลเหมือนว่าเขาถูกกระแทกด้วยอะไรบางอย่างที่แหลมคม
ต้องเป็นคุณท่านกงแน่
เขาไม่ชอบครอบครัวของพวกเขามาโดยตลอด รังเกียจความโง่เขลาของลูกชายคนรอง และยังยืนกรานที่จะแต่งงานกับผู้หญิงที่มีลูกติดคนหนึ่ง
หลินจืออี้กล่าวขอโทษ “คุณอา รบกวนคุณอาแล้ว หนูจะรีบไปค่ะ”
“อย่าพูดเหลวไหล!” หลิ่วเหอไม่พอใจ
กงสือเหยียนตบไหล่เธอเบาๆ “หมอบอกว่าเมื่อจืออี้ตื่นแล้วยังต้องกินยาอีก เธอไปรินน้ำอุ่นสักแก้วสิ”
หลิ่วเหอลุกขึ้นและจากไปทันที
กงสือเหยียนนั่งอยู่ข้างเตียงและถอนหายใจเล็กน้อย ” จืออี้ เธอต้องไปจริงๆหรือ? “
“คุณอาคะ หนูอยู่ที่นี่จะทําให้คุณอากับแม่ลําบาก หนูโตขนาดนี้แล้ว ดูแลตัวเองได้ค่ะ”
“โทษอาเองที่ไร้ความสามารถ” กงสือเหยียนหยิบบัตรออกมาและวางไว้ใต้หมอนของหลินจืออี้ “อย่าปฏิเสธนะ เธออยู่ข้างนอกต้องใช้เงินแน่นอน รหัสผ่านคือวันเกิดของเธอ ออกไปข้างนอกต้องระวังหน่อยนะ ถ้ามีอะไรก็โทรหาอากับแม่เธอนะ”
หลินจืออี้กล่าวขอบคุณ “ขอบคุณค่ะ คุณอา”
กงสือเหยียนมองไปที่หลินจืออี้ และพูดลอยๆขึ้นมาว่า “วันนี้เจ้าสามก็แปลกจริงๆ มันผิดปกติเกินไป”
หลินจืออี้พูดอย่างไม่เข้าใจ “เกิดอะไรขึ้นหรือคะ?”
“แม่เธอตะโกนว่าเธอเป็นลม ไม่นึกเลยว่าเจ้าสามจะวิ่งออกมา อุ้มเธอแล้วก็จากไป ถ้าไม่ใช่เพราะคุณท่านเรียกคนมาส่งเธอกลับมา ตอนนี้เธอก็ยังนอนอยู่ในบ้านของเขา”
“อะไรนะ?” หลินจืออี้ตกใจจนกําผ้าห่มแน่น
“เธอวางใจได้ เจ้าสามบอกว่ากลัวเธอตายที่บ้านตระกูลกง จะทําให้คนอื่นนินทาได้”
“อืม”
นี่สิถึงจะเหมือนกงเฉิน หลินจืออี้ยิ้มอย่างขมขื่น
ทุกสิ่งทุกอย่างในเมื่อคืนเหมือนความฝัน
หลินจืออี้กินยาและพักผ่อนอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ลุกขึ้นเก็บกระเป๋าใบหนึ่ง
ตอนที่ออกไป เธอหลบหลิ่วเหอ ไม่อย่างนั้นหลิ่วเหอจะต้องร้องไห้แน่ๆ
เมื่อเดินออกจากคฤหาสน์ คนรับใช้ก็ก้มหัวลงตลอดทาง ราวกับกลัวว่าจะไปยุ่งกับเธอ
เธอยืนอยู่ใต้ระเบียง มองท้องฟ้าที่ค่อยๆ มืดลง
ในที่สุดวันนี้ก็ใกล้จะผ่านไปแล้ว
ฤดูใบไม้ร่วงของเมืองหลวงมาเร็ว ลมในตอนเย็นพัดมาเบาๆ
หลินจืออี้กดสายรัดกระเป๋า เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น
คฤหาสน์ตระกูลเป็นคฤหาสน์ส่วนตัวที่อยู่ในสวน แม้ว่าจะอยู่ในทําเลที่ดีที่สุดในเมืองหลวง แต่เพื่อไม่ให้ถูกรบกวนจากโลกภายนอก ตระกูลกงได้ซื้อที่ดินรอบๆ บ้านมานานแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งที ขอหนีจากผู้ชายเฮงซวยคนนี้เถอะ