ตอนที่ 114 ปรึกษากับผู้อาวุโสหนานกงดีหรือไม่ ?
ต้องบอกว่าเวลานี้แม้แต่ผู้อาวุโสที่มีนามว่า ชิวหลง ก็ยังรู้สึกประหลาดใจ
ภาพเทพมารแท้จริงแล้วเป็นเช่นไรกันแน่ ?
เขาย่อมรู้ดีที่สุด
แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น ผู้ที่มีสายตากว้างไกลและบำเพ็ญเพียรมายาวนานกว่าจ้าวปีศาจจิ้งจอกวิญญาณเช่นถูซื่อเยี่ยงเขา กลับมิเคยมีโชคได้เห็นเครื่องรางเช่นนี้ด้วยตาตัวเองมาก่อนเลยสักครา
บัดนี้เมื่อได้ยินว่ามีเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้อยู่จริง
แล้วเขาจะนิ่งเฉยทำเหมือนมิมีสิ่งใดเกิดขึ้นได้เยี่ยงไรกัน ?
เมื่อเห็นดวงตาเย็นเหยียบของชิวหลงซึ่งจ้องมองมาที่ตนด้วยท่าทางจริงจังเช่นนั้น
ถูซื่อจึงเกิดความลังเลเล็กน้อยและมิได้ตอบคำถามของเขา แต่กลับถามขึ้นว่า “ด้วยตบะบารมีอันแก่กล้าของท่านชิวหลง คิดว่าคงรู้จักเด็กน้อยที่ชื่อว่า ราชันทมิฬ ใช่หรือไม่เจ้าคะ ? ”
ผู้อาวุโสเอ่ยอย่างครุ่นคิด “เจ้าหมายความว่าภาพเทพมารอยู่กับเด็กคนนั้นงั้นหรือ ? ”
ถูซื่อพยักหน้ายอมรับ
ผู้อาวุโสลูบหนวดตัวเอง “หรือว่าที่ไอปีศาจของราชาปีศาจตนนั้นเบาบางลงเรื่อย ๆ เป็นเพราะภาพเทพมารเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“น่าจะเกี่ยวข้องกับการบำเพ็ญเพียรโดยการศึกษาภาพเทพมารเจ้าค่ะ”
“มิน่าเล่า ก่อนหน้านี้ข้าถึงรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลก ๆ ที่แท้ก็เป็นอย่างที่ตำนานกล่าวเอาไว้ การบำเพ็ญเพียรโดยการศึกษาภาพเทพมารจะช่วยให้พัฒนาสายเลือดได้ ถึงขนาดสามารถทำให้ไอปีศาจหมดไปจากกายของผู้ฝึกได้”
“น่าเสียดายที่ยอดฝีมือที่สังหารเฮยฉางหลิงอยู่ด้วย ผู้น้อยจึงมิอาจชิงภาพนั้นมาได้”
“ทั้งยังมิสามารถพาตัวเด็กที่มีพรสวรรค์ที่สุดในเผ่าจิ้งจอกวิญญาณของข้ากลับมาได้ด้วยเจ้าค่ะ”
“อืม เรื่องนี้ข้าทราบแล้ว ภาพเทพมารเป็นเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าปีศาจของเรา สักวันหนึ่งพวกเราย่อมนำกลับคืนสู่เผ่าปีศาจของเราได้”
“อีกทั้งข้าได้ลองทำนายดูแล้ว วันนั้นจะมาถึงในอีกมิช้านี้แหละ”
“ท่านชิวหลง เช่นนั้นท่านสามารถทำนายให้ผู้น้อยได้หรือไม่ ใครกันแน่ที่เป็นผู้ช่วงชิงโชคที่สะสมมาหลายร้อยปีของเผ่าจิ้งจอกวิญญาณไปเจ้าคะ ? ”
“คนผู้นี้มีความสามารถลึกล้ำ ด้วยตบะบารมีของข้าในตอนนี้ก็มิอาจทำนายได้เช่นกัน เห็นเพียงภาพที่สับสนวุ่นวายเท่านั้น”
“เอาล่ะ เรื่องนี้เอาไว้แค่นี้ก่อน เจ้ากลับไปฟื้นฟูรักษาบาดแผลวิถีฟ้าบนร่างกายให้ดีเถิด ข้าเองก็ต้องกลับแล้วเหมือนกัน”
“เช่นนั้นผู้น้อยขอตัวก่อนเจ้าค่ะ”
หลังจากเอ่ยจบ ถูซื่อก็ได้ทำความเคารพผู้อาวุโสอย่างนอบน้อม ก่อนจะหมุนตัวจากไป
แต่ในขณะที่ถูซื่อเพิ่งจะจากไป
และผู้อาวุโสเพิ่งจะหมุนตัวนั้น
ก็เกิดอาการไอขึ้นมาอย่างรุนแรง เงาดำที่ปกคลุมอยู่ทางด้านหลังก็สลายไปในอากาศทันที
มินานผู้อาวุโสที่มีใบหน้าดุดัน ท่ายืนอกผายไหล่ผึ่งก็มีเลือดไหลออกจากทวารทั้งเจ็ด สีหน้าซีดเผือดลงภายในพริบตา
‘น่าเหลือเชื่อ ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก ! ’
ผู้อาวุโสร่างกายสั่นเทา ส่ายศีรษะพลางถอนหายใจออกมา ‘คาดมิถึงว่าดินแดนจงหยวนของเผ่ามนุษย์ จะมียอดฝีมือที่น่าเกรงกลัวถึงเพียงนี้ ข้าเพียงแค่ลองทำนายดูเท่านั้น แต่พลังกลับสะท้อนคืนมาได้ถึงเพียงนี้ได้’
‘คนผู้นี้แท้จริงแล้วเป็นใครกันแน่ หรือว่าจะมีชีวิตอยู่มาตั้งแต่สมัยบรรพกาล ? ’
ผู้อาวุโสคิดถึงตรงนี้ก็รีบส่ายศีรษะ พร้อมกับพึมพำว่า ‘หลังจากศึกใหญ่ในสมัยบรรพกาลครานั้น ผู้แข็งแกร่งของเผ่ามนุษย์บ้างก็ตายตกไปตามกัน บ้างก็ขึ้นสวรรค์ไปเป็นเซียน ผู้ที่แข็งแกร่งเช่นนี้ มิน่าจะปรากฏอยู่บนโลกใบนี้ได้ ! ’
‘แต่บัดนี้ดูเหมือนว่า มีเพียงจักรพรรดิของเผ่ามารท่านนั้น หากหลุดพ้นจากผนึกได้จึงจะสามารถเปิดศึกได้อีกครา มิเช่นนั้นเผ่ามารก็ยังคงต้องอาศัยอยู่ในแดนรกร้างทางเหนืออันหนาวเหน็บ ส่วนเผ่าปีศาจของเราก็ต้องอยู่ในเทือกเขาแดนใต้แห่งนี้ไปชั่วชีวิต’
“พรู่ ! ”
สิ้นเสียง ร่างของผู้อาวุโสถึงกับสะดุ้งเฮือก ก่อนที่เลือดสีแดงสดจะทะลักออกจากปากทันที
…………………………………..
ณ เขาไท่เสวียน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน