ตอนที่ 122 ข้าเลี้ยงหม้อไฟเสือดำทุกคนเอง
พลังกระบี่ !
อำนาจกระบี่ !
ไอกระบี่ !
จิตกระบี่ !
……………………………….
สวีฉิงเทียนหรี่ตาลง จ้องเขม็งไปยังนิมิตด้านหลังของเย่ฉางชิง
ผู้บำเพ็ญเพียรวิถีกระบี่อย่างยากลำบากมาหลายพันปีเช่นเขา เหมือนสัมผัสได้ถึงเจตนาที่แท้จริงของกระบี่ที่มีพลังสุดหยั่งมากมาย แม้จะเพียงน้อยนิดก็ตามที
แต่มิรู้ว่าด้วยเหตุใดเขาจึงมิอาจเข้าใจได้เลยแม้แต่น้อย
กล่าวได้ว่า ทั้งหมดนี้มันอัศจรรย์พันลึกเกินไป
ราวกับเด็กน้อยที่กำลังเฝ้ามองผู้บำเพ็ญเพียรท่านหนึ่งฝึกกระบี่อยู่อย่างไรเยี่ยงนั้น
ได้แค่เพียงเห็นด้วยตา แต่กลับเข้ามิถึงความล้ำลึกที่อยู่ภายในได้
นักพรตฉางเสวียนที่ยืนอยู่ด้านข้างราวกับสัมผัสได้ถึงบางอย่าง จึงมีสีหน้าเข้มขึ้นทันที ก่อนจะหันไปมอง
ก็พบว่าสวีฉิงเทียนมีใบหน้าซีดขาว ท่าทางตะลึงงัน เหงื่อเย็นผุดขึ้นตามหน้าผาก หว่างคิ้วปรากฏจิตแท้ออกมาเป็นระยะ ๆ
มิเพียงเท่านั้นลมหายใจของเขาก็เริ่มเกิดความปั่นป่วน
‘นี่มัน ! ’
‘นี่มันต้องมนต์สะกดชัด ๆ ’
ทันใดนั้นนักพรตฉางเสวียนจึงยื่นมือไปแตะที่หลังของสวีฉิงเทียนอย่างมิลังเล
ก่อนจะท่องเคล็ดวิชาชั้นสูงของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน ขณะเดียวกันก็ดึงพลังวิญญาณของตนเข้าไปภายในร่างของสวีฉิงเทียนด้วย
“สวีฉิงเทียน อยู่ต่อหน้าท่านบรรพจารย์เย่อย่าได้ทำตัวเหลวไหล ! ”
มิกี่อึดใจต่อมาเสียงแหบแห้งของนักพรตฉางเสวียน ก็ดังก้องราวอัสนีบาตในโสตประสาทของสวีฉิงเทียน
‘ท่านบรรพจารย์เย่ ! ’
“สูด ! ”
สวีฉิงเทียนได้สติทันทีหลังได้ยินเช่นนั้น ร่างกายพลันเกิดความหนาวเหน็บ จนต้องสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่
‘ช่างอันตรายยิ่งนัก ! ’
‘ข้าเกือบจะก่อหายนะครั้งยิ่งใหญ่เข้าแล้ว ! ’
หลังสงบสติอารมณ์อยู่ครู่หนึ่ง สวีฉิงเทียนจึงหันไปเอ่ยกับนักพรตฉางเสวียน “พี่เหอ เมื่อครู่โชคดีที่มีท่านอยู่ด้วย มิเช่นนั้นข้าคงได้ก่อหายนะครั้งใหญ่ขึ้นเป็นแน่”
“เจ้าก็รู้งั้นหรือ ? ”
นักพรตฉางเสวียนกลอกตาเล็กน้อย ก่อนจะหันไปทางเย่ฉางชิงที่อยู่ตรงหน้า
“สวีฉิงเทียน เห็นหรือไม่ว่าหากมีวาสนาที่ท่านบรรพจารย์มอบให้ ท่านยังกลัวว่าตนหรือดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงยากที่จะบรรลุในวิถีกระบี่อีกงั้นหรือ ? ”
นักพรตฉางเสวียนถลึงตาใส่ พลางเอ่ยว่า “เมื่อครู่หากข้าช่วยเอาไว้มิทัน เกรงว่าชีวิตที่เหลือของท่านคงต้องจมอยู่กับความเสียใจเป็นแน่ ! ”
สวีฉิงเทียนตกตะลึงเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าหงึกหงัก
“พี่เหอ ครานี้ถือว่าข้ารวมทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิง ติดหนี้บุญคุณท่านคราใหญ่แล้ว”
สวีฉิงเทียนครุ่นคิดอยู่สักครู่ ก่อนจะตอบกลับอย่างจริงใจ
“เรื่องหนี้บุญคุณช่างมันเถิด”
มุมปากของนักพรตฉางเสวียนกระตุกเล็กน้อย “หากเจ้ามีน้ำใจจริง ก็ให้อู๋ซวงยืมคัมภีร์กระบี่ฮัวชิงของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงสักหน่อยก็แล้วกัน”
“มิมีปัญหา ! ” สวีฉิงเทียนตอบรับทันที
นักพรตฉางเสวียนได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักไปทันที
สวีฉิงเทียนผู้นี้มิใช่ว่ากินยาผิดมาหรอกกระมัง ?
คัมภีร์กระบี่ฮัวชิงเป็นเคล็ดกระบี่ขั้นสูงของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิง ที่มิมีทางมอบให้คนนอกเด็ดขาด !
แต่เมื่อหันไปมองก็พบว่าตอนนี้สวีฉิงเทียนกำลังจ้องเขม็งไปยังอักษรโบราณที่เย่ฉางชิงตวัดแปรงอย่างงดงาม
เย่ฉางชิงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ
ทันทีที่ยกพู่กันออก เขาก็ยืดตัวขึ้นยืน
“ภาพนี้เป็นเยี่ยงไรบ้าง ? ”
เย่ฉางชิงหันไปมองสวีฉิงเทียน ใบหน้าคมสันแฝงไว้ด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนพลางเอ่ยถามขึ้น
ได้ยินเช่นนั้นทั้งสวีฉิงเทียน นักพรตฉางเสวียน รวมถึงเยี่ยนปิงซิน ต่างก็ก้าวไปด้านหน้า เพื่อพิจารณาตัวอักษรพู่กันที่ยังมิแห้งบนโต๊ะ
‘กลิ่นบุปผาทั่วห้องมอมเมาแขกเหรื่อ กระบี่คมกวัดแกว่งไปทั่วทั้งสิบสี่แคว้น’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน