ตอนที่ 137 ท่านเย่ดีดพิณ
ครึ่งชั่วยามผ่านไป
ขณะที่พวกจางเฉินกำลังหารือกันอยู่นั้น รถม้าก็ค่อย ๆ วิ่งช้าลง
อีกทั้งด้านนอกรถม้าก็มีเสียงเอะอะดังขึ้นเป็นระลอก
“คนขับรถ เกิดอะไรขึ้น ? ”
มินานก็มีเสียงถามดังออกมาจากภายในรถม้า จากนั้นม่านตรงหน้าต่างก็ค่อย ๆ เปิดขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าของชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง
บนถนนที่รถม้าหยุดอยู่ ผู้คนแออัดเบียดเสียด บรรยากาศคึกครื้นอย่างมาก
ชายหญิงทั้งเด็กและคนแก่มากหน้าหลายตา ทุกคนต่างใช้สองมือประคองเทียนเล่มหนึ่งเอาไว้ เดินกันไปอย่างระมัดระวัง จุดหมายคือภูเขาตะวันออกที่อยู่ตรงหน้า
เห็นได้ชัดว่าจุดหมายของพวกเขาก็คือ อารามฉางชิงที่ตั้งอยู่บนเขาตะวันออกด้านหน้านั่นเอง
ส่วนเทียนที่พวกเขาถือไว้ในมือนั้นเป็นส่วนหนึ่งในการขอพร ที่สืบทอดกันมาของชาวแคว้นต้าเยี่ยน
วิธีขอพรวิธีนี้จะมีการสลักชื่อเอาไว้บนเทียน ก่อนจะขอพรก็จุดเทียนและคุกเข่าสามครั้ง จากนั้นก็คำนับอีกเก้าครั้ง
จากนั้นก็ถือเทียนเอาไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง แล้วมุ่งหน้าไปยังอารามภายในเมืองหลวง
ด้านล่างของอารามส่วนใหญ่มักจะสร้างลานเอาไว้ เทียนเหล่านี้จะถูกนำมาวางไว้บนลานแห่งนี้ ก่อนจะทำการกราบไหว้ขอพรเป็นสิ่งสุดท้าย
เนื่องจากหลังสร้างอารามฉางชิงแล้วได้ปรากฏนิมิตขึ้น
เช่นนั้นผู้คนในเมืองหลวงจึงได้พากันมาสักการะท่านเทพฉางชิง ที่ตั้งอยู่ในอารามฉางชิงด้วยความศรัทธามากยิ่งขึ้นไปอีก
อีกทั้งวันนี้อารามฉางชิงก็ปรากฏนิมิตอีกครั้ง โดยเฉพาะหลังจากไอพลังลึกลับได้แผ่ปกคลุมฝั่งตะวันออกเอาไว้
แทบทุกคนต่างเห็นพ้องต้องกันว่า เป็นเพราะท่านเทพฉางชิงได้เดินทางผ่านเมืองหลวง จึงได้ประทานวาสนาบารมีนับอนันต์ให้
เช่นนั้นจึงเกิดปรากฏการณ์ตรงหน้าขึ้น
เวลานี้เมื่อทอดสายตามองออกไป ถนนทั้งสายสว่างไสว ราวกับมังกรไฟกำลังเคลื่อนตัวไปทางภูเขาตะวันออกอย่างช้า ๆ
ตอนนั้นเอง ชายวัยกลางคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับจางเฉินก็ได้เอ่ยถามอย่างนอบน้อมว่า “อาจารย์ ในสมัยโบราณเคยมีบันทึกเอาไว้ว่า ใต้หล้ามีพลังที่ไร้รูปลักษณ์เรียกว่าพลังแห่งศรัทธา หากเทพเจ้าได้รับมันจะสามารถหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณได้”
“คืนนี้มีสาวกมากันมากมายเช่นนี้ มิรู้ว่าท่านเทพฉางชิงจะสัมผัสพลังแห่งศรัทธานี้ได้หรือไม่ขอรับ ? ”
จางเฉินผงะเล็กน้อย หัวเราะราวกับเย้ยหยันตัวเอง
“ก็อาจเป็นไปได้”
…………………………
อีกด้านหนึ่ง
หลังจากเยี่ยนเทียนซานและเยี่ยนหยางเหนียนกลับไปแล้ว
เยี่ยนจิ่งหงก็ได้สั่งให้สาวใช้ไปเตรียมมื้อค่ำ จากนั้นเขาและเยี่ยนปิงซินก็เดินดูรอบ ๆ คฤหาสน์เป็นเพื่อนเย่ฉางชิง
มิถึงครึ่งชั่วยาม ก็มีสาวใช้วิ่งมารายงานว่ามื้อค่ำได้จัดเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ขณะที่เย่ฉางชิงอุ้มถูสือซานแนบอก รวมทั้งเยี่ยนจิ่งหงสองคนพี่น้องมาถึงห้องทานอาหาร
บนโต๊ะต่างเต็มไปด้วยอาหารรสเลิศหลากหลายชนิด
เย่ฉางชิงกวาดตามองเล็กน้อย ก็พบว่าบนโต๊ะนั้นมีอาหารหลายสิบอย่าง
หลังจบมื้ออาหาร
เยี่ยนจิ่งหงและเยี่ยนปิงซินได้น้อมส่งเย่ฉางชิงเรียบร้อยแล้ว เย่ฉางชิงก็ได้กลับมายังห้องที่มีคนจัดเตรียมเอาไว้ให้
ภายในห้องถูกตกแต่งอย่างประณีต ดูงดงามและโดดเด่น เหมาะที่จะใช้พักผ่อนยิ่งนัก
หลังจากเยี่ยนจิ่งหงและเยี่ยนปิงซินจากไป
เย่ฉางชิงที่ล้างหน้าล้างตาเรียบร้อยแล้ว ก็ได้มานั่งยังโต๊ะกลมตัวหนึ่งตามลำพัง
“เมืองหลวงนี่ช่างดีจริง ๆ แต่คนตระกูลเยี่ยนดูแลข้าดีเกินไปหรือเปล่านะ ข้าถึงรู้สึกอึดอัดเยี่ยงนี้”
“คฤหาสน์โอ่อ่าหรูหรา ทั้งยังถูกออกแบบและตกแต่งมาอย่างดี ราวกับตั้งใจเตรียมเอาไว้เพื่อข้าโดยเฉพาะ ข้าเพียงแค่มอบภาพอักษรพู่กันให้พวกเขาเพียงภาพเดียว ต่อให้พวกเขาจะหลงใหลภาพอักษรพู่กันมากเพียงใด ก็มิน่าจะต้องต้อนรับข้าถึงเพียงนี้นี่นา?”
เย่ฉางชิงพูดกับตัวเองไปพลาง ก็คลึงหว่างคิ้วของตัวเองไปด้วย คล้ายกับรู้สึกปวดหัวขึ้นมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน