ตอนที่ 14 จันทร์จรัสเหนือเขาเทียนซาน ท่ามกลางทะเลหมอกอันกว้างใหญ่
ที่จริงแล้วเย่ฉางชิงเองก็ตกใจเช่นเดียวกัน ที่เขารับของป่ามาขายก็ได้กำไรจากส่วนต่างของราคาขายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่บุรุษตรงหน้ากลับเอาหมูป่าตัวใหญ่มากมายเช่นนี้มาขายที่ร้านของเขา
ประการแรก เขารับซื้อหมูป่ามากมายเช่นนี้มิไหวหรอก
ประการที่สอง เขาจะซื้อหมูป่ามากมายเช่นนี้ไปเพื่ออะไรกัน ?
ตอนนั้นเองบุรุษหนุ่มผู้นั้นก็ได้สติอีกครั้ง
เขาก็คือผู้สืบทอดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน หลี่ฉางหมิงนั่นเอง
ที่เขาเหาะลงมาจากเขาไท่เสวียน ก็เพื่อต้องการมาแสดงความเคารพต่อบรรพจารย์ที่เร้นกายอยู่ในเมืองเสี่ยวฉือผู้นี้ หลังจากมาถึงเมืองเสี่ยวฉือหลี่ฉางหมิงก็ได้เดินเข้ามาในเมือง
ไม่นานหลี่ฉางหมิงก็อาศัยพรสวรรค์พิเศษ ค้นพบรองร่อยของคลื่นปราณที่ลอยอยู่ในอากาศได้
และเขาก็สังเกตได้ว่าเมืองเสี่ยวฉือนั้น มิได้ขาดปราณวิญญาณอย่างเช่นที่เหล่าอาจารย์กล่าวกันแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามปราณวิญญาณของที่นี่กลับบริสุทธิ์ยิ่งนัก และนี่ทำให้หลี่ฉางหมิงสามารถยืนยันสิ่งที่เหล่าอาจารย์อาคาดเดาก่อนหน้านี้ได้
ชีพจรวิญญาณด้านล่างของเมืองเสี่ยวฉือได้ถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้งแล้ว และที่แห่งนี้ได้กลายเป็นดินแดนวิญญาณที่ดีที่สุดที่หนึ่งอีกด้วย เขาเชื่อว่าอีกมินานเมืองเสี่ยวฉือจะต้องมีอัจฉริยะเกิดขึ้นอีกมากมายเป็นแน่
หลี่ฉางหมิงอาศัยเดินตามคลื่นปราณที่ตรวจจับได้จนมาถึงที่นี่ นั่นก็คือ “ร้านของชำฉางชิง” นั่นเอง
ความรู้สึกของเขาเหมือนกับตอนลู่อู๋ซวงมาที่นี่ครั้งแรกมิมีผิด เริ่มจากอักษรห้าตัวบนป้ายไม้ที่สัมผัสได้ถึงเจตจำนงที่แท้จริงของกระบี่ที่เป็นอนันต์
อีกทั้งเขายังมีรากวิญญาณคู่แถมเป็นธาตุชั้นยอดทั้งคู่ พรสวรรค์ในการบำเพ็ญเพียรจึงเหนือกว่าลู่อู๋ซวง และการรับรู้จึงลึกซึ้งกว่าอีกด้วย
หลี่ฉางหมิงจึงมั่นใจว่าหากเป็นบรรพจารย์ที่มาจากสรวงสวรรค์ท่านนั้นจริง เขาจะต้องอาศัยอยู่ที่นี่เป็นแน่
แต่เมื่อเขาฝืนดึงจิตของตนออกมาจากป้ายชื่อไม้นั่นได้ และเดินตามไอคลื่นปราณต่าง ๆ ที่ลอยออกมาอย่างต่อเนื่องเข้าไปด้านในร้าน
ทันใดนั้นก็มีไอปีศาจที่น่าสะพรึงกลัวพวยพุ่งออกมา แทบจะกลืนกินเขาเข้าไปก่อนจะโจมตีจิตวิญญาณของเขาไม่หยุด จนหัวแทบจะระเบิดออกเป็นเสี่ยง ๆ เสียให้ได้
และเมื่อเขาได้สติอีกครั้งจึงพบว่าภายในร้านนั้นมีร่างหมูป่าหลายตัวนอนอยู่ในนั้น ส่วนด้านบนก็มีภาพเทพสุนัขดำภาพหนึ่งแขวนอยู่
และที่น่าเหลือเชื่อกว่านั้นก็คือบนภาพเทพสุนัขดำนั้นกลับมีพลังหยินหยางกระจายไปทั่ว มีลำแสงที่เปล่งประกายออกมาราวกับมีเทพเจ้าลอยอยู่บนนั้นจริง ๆ ทั้งยังแผ่ไอสังหารทำให้รู้สึกถึงความหวาดกลัวและความน่าเกรงขามออกมาอีกด้วย
วินาทีนั้นเขาจึงได้รู้ว่าที่จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ที่แท้ภาพราชันทมิฬภาพนี้นี่เองที่ทำลายวิญญาณของปีศาจเหล่านี้ ทำให้วิญญาณของพวกมันแตกสลาย พวกมันสูญสลายจนทำให้เกิดไอปีศาจที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ออกมา
“มิทราบว่า… ท่านคือ…?” หลี่ฉางหมิงเห็นเย่ฉางชิงมีท่าทีสงบนิ่ง ใบหน้าแฝงไว้ด้วยรอยยิ้มน้อย ๆ จึงเอ่ยถามออกมาด้วยท่าทีลังเล
‘บุรุษผู้นี้รูปร่างหน้าตาหล่อเหลา ท่วงท่าสง่างาม เหตุใดคำพูดคำจาถึงได้ห้วนเช่นนี้นะ ? ’
เมื่อได้ยินคำถาม เย่ฉางชิงจึงลอบสำรวจหลี่ฉางหมิงอีกครั้ง ก่อนจะยิ้มออกมาน้อย ๆ “ข้าคือเจ้าของร้านของชำฉางชิงแห่งนี้”
‘เจ้าของร้าน ? ’
‘หรือว่าบุรุษผู้นี้ก็คือบรรพจารย์ที่ได้ขึ้นสวรรค์ไปแล้วท่านนั้นอย่างนั้นหรือ ? ’
‘มิน่าเล่าข้าถึงสัมผัสไอพลังบำเพ็ญเพียรใด ๆ มิได้เลย อีกทั้งยังโดดเด่นคล้ายเซียนอยู่มิน้อย’
‘สมกับที่เป็นเซียนจริง ๆ ! ’
สีหน้าของหลี่ฉางหมิงเปลี่ยนไปทันที จากนั้นจึงมองเย่ฉางชิงอีกครั้งด้วยดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความเลื่อมใส
ก่อนจะโค้งคำนับเย่ฉางชิงอย่างนอบน้อม “ศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน หลี่ฉางหมิงคาราวะ… ผู้อาวุโส”
หลังจากใคร่ครวญดูแล้วหลี่ฉางหมิงคิดว่าคำเรียกเช่นนี้ดูจะเหมาะสมที่สุดแล้ว เพราะข้างกายของเขายังมีผู้บำเพ็ญพรตขั้นสร้างรากฐานอีกคนอยู่ด้วย หากเขาเปิดเผยฐานะที่แท้จริงของบรรพจารย์ท่านนี้โดยพลการ แล้วท่านบรรพจารย์เกิดมิพอใจขึ้นมา มิแน่ผู้สืบทอดตำแหน่งเจ้าสำนักเช่นเขาอาจจะหายไปอย่างง่ายดายก็เป็นได้
‘ผู้อาวุโส ? ’
‘ศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน ? ’
เมื่อได้ยินสองประโยคนี้สีหน้าของเย่ฉางชิงและเยี่ยนปิงซินก็เปลี่ยนไปทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน