เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน นิยาย บท 159

สรุปบท ตอนที่ 159 เผ่ามนุษย์ก็มีจักรพรรดิ: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

ตอนที่ 159 เผ่ามนุษย์ก็มีจักรพรรดิ – ตอนที่ต้องอ่านของ เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

ตอนนี้ของ เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายนิยายแปลทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 159 เผ่ามนุษย์ก็มีจักรพรรดิ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่ 159 เผ่ามนุษย์ก็มีจักรพรรดิ

เพราะการฟื้นขึ้นมาของจักรพรรดิฝ่ายมาร ณ แดนรกร้างทางเหนือครานี้ ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ขึ้น

มิเพียงฝ่ายปีศาจแดนใต้เท่านั้นที่รับรู้ได้ แม้แต่ผู้พิทักษ์ราตรีที่ลาดตะเวนทางทิศเหนือของจงหยวนก็รับรู้ได้เช่นกัน

ณ ส่วนลึกของดินแดนทางใต้

หลังจากที่จักรพรรดิฝ่ายมารฟื้นขึ้นมา มินานก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา

“ทุกเผ่าจงฟังคำสั่ง จักรพรรดิฝ่ายมารได้ฟื้นขึ้นมาแล้ว แต่การจะปลดผนึกอย่างสมบูรณ์ และออกมาจากหุบเหวได้ยังต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ หากข้าเดามิผิดภายในสิบปี ฝ่ายมารจะต้องบุกเข้าโจมตีทางเหนือของจงหยวนอย่างแน่นอน”

“ก่อนจะถึงตอนนั้นพวกเจ้าจงตั้งใจบำเพ็ญเพียรอยู่แต่ในเผ่าของตนเอง หากเกิดเรื่องขึ้นทางแดนเหนือของจงหยวนเมื่อใด พวกเราก็จะบุกโจมตีจากทางแดนใต้เช่นกัน ! ”

หลังจากที่เสียงนี้ดังออกมาจากส่วนลึกของราชาขุนเขาสือว่านซาน ก็ทำให้เกิดความโกลาหลไปทั่วทั้งแดนใต้ทันที

“ก่อนหน้านี้ท่านชิวหลงบอกเองมิใช่หรือ ว่าอีกเป็นร้อยปีกว่าจักรพรรดิฝ่ายมารจะฟื้นขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใดจักรพรรดิฝ่ายมารถึงได้ฟื้นขึ้นมาก่อนกำหนดเช่นนี้เล่า ? ”

“เจ้าจะสนใจเรื่องนั้นทำไมกัน ขอเพียงจักรพรรดิฝ่ายมารสามารถปลดผนึกได้ ถึงเวลาฝ่ายมารก็จะบุกโจมตีทางเหนือของจงหยวน ตอนนั้นเหล่าผู้แข็งแกร่งของพวกมนุษย์ก็จะไปทางเหนือกันหมด ส่วนพวกเราก็จะอาศัยโอกาสนี้เข้าโจมตีทางใต้ของจงหยวนเสีย”

“ใช่แล้ว แต่เพื่อเป็นการป้องกันเอาไว้ ระหว่างนี้พวกเราทุกเผ่าห้ามละเมิดข้อตกลงกับจงหยวนอีกเป็นอันขาด มิเช่นนั้นอาจทำให้พวกมนุษย์เกิดความสงสัยขึ้นได้”

“เรื่องแค่นี้สบายมาก เผ่าของข้าจงฟังก่อนจะถึงการโจมตีแดนใต้ ทุกคนในเผ่าห้ามไปที่จงหยวนเด็ดขาด มิฉะนั้นจะถูกลงโทษตามกฎของเผ่าทันที ! ”

“…….”

ขณะเดียวกัน

ภายในตำหนักหินโบราณหลังหนึ่งในหุบเขามังกรหลับใหล

นอกจากท่านชิวหลงที่มีร่างกายกำยำแล้ว ยังมีชายชราหลังค่อมรูปร่างผอมบาง และชายวัยกลางคนที่สวมชุดนักพรตคนหนึ่ง พร้อมกับหญิงวัยกลางคนอีกสองคน

“น้องชิวหลง แม้เทือกเขาแดนใต้ของเราและฝ่ายมารเคยทำข้อตกลงกันเอาไว้ ว่าหากฝ่ายมารโจมตีทางเหนือของจงหยวน พวกเราก็จะโจมตีขนาบทางใต้ ถึงตอนนั้นก็จะสามารถบุกเข้าไปในจงหยวนได้อย่างง่ายดาย”

ชายชราหลังค่อมหัวคิ้วขมวดมุ่น พลางกวาดสายตามองทุกคนแล้วเอ่ยต่อ “แต่พวกเจ้าเองก็คงจะทราบดีว่า ก่อนหน้าที่พวกมนุษย์จะผงาดขึ้นมานั้น เผ่าปีศาจของเราและฝ่ายมารมีความขัดแย้งระหว่างกันมายาวนาน ทั้งสองฝ่ายทำสงครามกันบ่อยครั้ง ทำให้พวกมนุษย์แข็งแกร่งขึ้นอย่างเงียบ ๆ และมิมีผู้ใดทันสังเกต”

“เช่นนั้น ข้าจึงคิดว่าต่อให้ทั้งสองฝ่ายร่วมมือกันบุกโจมตีจงหยวน แต่หลังจากยึดครองจงหยวนได้แล้ว ทั้งสองฝ่ายจะเปิดศึกอีกคราหรือไม่ พวกเจ้าจงรับรู้ไว้ว่าจักรพรรดิฝ่ายมารท่านนั้น นับตั้งแต่สมัยบรรพกาลเรียกได้ว่าเป็นผู้ที่น่าเกรงกลัวอย่างยิ่ง”

คนที่เหลือได้ยินเช่นนั้นต่างก็สบตากัน ก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย

ต้องยอมรับว่านี่คือเรื่องจริงที่ต้องตระหนัก !

การที่ฝ่ายมารมีจักรพรรดิเช่นนี้ ส่วนผู้แข็งแกร่งจริง ๆ ของฝ่ายปีศาจของพวกเขา ตั้งแต่สมัยบรรพกาลบ้างก็บรรลุเป็นเซียน บ้างก็ล้มตายไปในสงครามใหญ่ครานั้น

บัดนี้จึงไร้ซึ่งคนที่สามารถเทียบเคียงกับจักรพรรดิมารท่านนั้นได้

ถ้าเช่นนั้น ต่อให้พวกเขาจะร่วมมือกับฝ่ายมารโจมตีดินแดนจงหยวน แต่หากหลังจากนั้น ฝ่ายมารกลับคำขึ้นมา แล้วขับไล่พวกเขาออกจากจงหยวน ฝ่ายปีศาจของพวกเขาก็กลายเป็นตัวตลกน่ะสิ ?

“เรื่องนี้คงต้องวางแผนกันให้ดีจริง ๆ ”

สตรีวัยกลางคนหน้าตาค่อนข้างสะสวยในมือถือลูกประคำเอาไว้ เมื่อเงียบมาพักหนึ่งก็ได้เอ่ยขึ้นอย่างใช้ความคิดว่า “แม้ว่าปีศาจทุกเผ่าจะอยากกลับไปจงหยวนเต็มแก่ และอยากจะยึดส่วนหนึ่งของจงหยวนเอาไว้”

“แต่หากไร้ซึ่งคนที่จะสามารถต่อกรกับจักรพรรดิมารท่านนั้นได้ เช่นนั้นต่อให้เราร่วมมือกับฝ่ายมารเอาชนะพวกมนุษย์ได้ แต่ฝ่ายปีศาจของเราก็ยังคงต้องพึ่งพาอาศัยผู้อื่นอยู่ดี และอาจถูกขับไล่ออกจากจงหยวนได้ทุกเมื่อด้วย”

ตอนนั้นเองท่านชิวหลงที่มีร่างกายกำยำก็ยกมุมปากโค้งขึ้น ก่อนเอ่ยออกมาอย่างมั่นใจว่า “ที่พวกท่านกล่าวมานั้น ก่อนหน้านี้ข้าเองได้ไตร่ตรองมาหมดแล้ว แต่ต้องบอกว่าต่อให้พวกเราร่วมมือกัน ก็มิอาจต้านทานจักรพรรดิมารแบบซึ่ง ๆ หน้าได้”

“แต่หากข้าเดามิผิดล่ะก็ เผ่ามนุษย์คงมียอดบุรุษท่านหนึ่ง ที่จะสามารถต่อกรกับจักรพรรดิมารได้”

‘ห๊ะ ! ’

‘เผ่ามนุษย์มีผู้ที่น่าเกรงขามเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน ? ’

พลันทุกคนที่ได้ยินต่างก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป

คนอื่น ๆ เห็นเช่นนั้น ต่างก็เผยสีหน้ายินดีออกมาเช่นกัน

หากเป็นเช่นนั้นขอเพียงสามารถทำให้ค่ายกลเพลิงแปดแดนสมบูรณ์ พวกเขาก็มั่นใจว่าสามารถต่อสู้กับจักรพรรดิได้

ถึงตอนนั้นต่อให้เผ่ามนุษย์หรือฝ่ายมารที่ล้วนมีจักรพรรดิอยู่ แต่ดินแดนจงหยวนก็ต้องถูกแบ่งเป็นสามส่วนอยู่ดี

อีกด้านหนึ่ง

ทางเหนือของจงหยวน

กำแพงเมืองสูงตระหง่านนับร้อยจั้ง ชั้นนอกของกำแพงถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ

เมื่อทอดสายตามองออกไป ราวกับมังกรน้ำแข็งตัวใหญ่นอนขวางอยู่บนดินแดนทางเหนือ เพื่อขวางกั้นฝ่ายมารแห่งแดนรกร้างทางเหนือเอาไว้

เวลานี้ เมฆดำทมึนปกคลุม สายลมหนาวเหน็บพัดมา

ชายชรารูปร่างเพรียวบางผู้หนึ่ง กำลังยืนเอามือไพล่หลังอยู่บนกำแพงเมืองที่สูงตระหง่าน

หูของเขาได้ยินแต่เสียงลมที่พัดกระหน่ำ ผมสีขาวโพลนปลิดปลิวยุ่งเหยิง ดวงตาหรี่ลง ขณะมองไปยังดินแดนทางเหนือที่ไร้จุดสิ้นสุด

‘ส่วนลึกของแดนรกร้างทางเหนือส่งเสียงดังกึกก้องเช่นนี้ อีกทั้งไอพลังยังน่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนี้ หากมิมีสิ่งใดผิดพลาด จักรพรรดิฝ่ายมารที่ถูกผนึกเอาไว้ในส่วนลึกของแดนรกร้างทางเหนือคงจะฟื้นขึ้นมาแล้วสินะ’

ชายชราถึงกับขมวดคิ้วแน่น สีหน้าเข้มขึ้น ท่าทางเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด

เขานิ่งเงียบอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะถอดถอนใจออกมา ‘เมื่อใดที่จักรพรรดิของฝ่ายมารผู้นี้สามารถทำลายผนึกบนกายได้อย่างสมบูรณ์ ฝ่ายมารจะต้องบุกเข้าโจมตีดินแดนจงหยวนอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นเหล่ามนุษย์ผู้บำเพ็ญเพียร ผู้ใดจะสามารถปกป้องแดนเหนือยับยั้งการรุกรานของฝ่ายมารได้กัน ? ’

ชายชราคิดได้เช่นนั้น ก็เพ่งสมาธิหยิบยันต์หยกชิ้นหนึ่งออกมาจากแหวนเก็บสมบัติ จากนั้นก็เริ่มส่งข่าวนี้ให้แก่คนในจงหยวน

จากนั้นมินานเหล่าผู้บำเพ็ญเพียรทั่วทั้งจงหยวนก็เกิดความโกลาหลขึ้น…

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน