เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน นิยาย บท 162

ตอนที่ 162 หากนี่เป็นชะตาที่ถูกกำหนดไว้ จะทำเช่นไรดี ?

“บัดซบ พวกเจ้าจะมองข้าเช่นนี้ทำไมกัน ? ”

ต้วนฉางเต๋อมุมปากกระตุกอย่างห้ามมิอยู่ทันที เมื่อเห็นสายตาแปลก ๆ ของทุกคน

ประมุขนิกายหมื่นกระบี่จึงเอ่ยขึ้นว่า “พี่ต้วน การที่พี่ฉางเสวียนจากไปเช่นนั้น ก็เป็นเพราะท่านมิใช่หรือ”

คนที่เหลือได้ยินเช่นนั้นต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย

ตอนนั้นเองนักพรตไท่หัวจึงเอ่ยกับต้วนฉางเต๋อด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “นักพรตฉางเต๋อ คำพูดก่อนหน้านี้ของเจ้าเกินไปจริง ๆ ”

ต้วนฉางเต๋อกะพริบตาปริบ ๆ เอ่ยอย่างน้อยใจว่า “พี่ไท่หัว แม้แต่ท่านก็ยังตำหนิข้าหรือ ? ”

“มิใช่ว่าข้าตำหนิเจ้า”

นักพรตไท่หัวส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มแล้วเอ่ยต่อ “เจ้าลองคิดดูให้ดีสิ หากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนมีบรรพจารย์เช่นนี้จริง ทั้งยังสามารถต่อกรกับจักรพรรดิมารตนนั้นได้ เช่นนั้นคำพูดของเจ้าก่อนหน้านี้ก็เท่ากับเป็นการล่วงเกินมิใช่หรือ”

“นอกจากนั้น ท่าทีของเจ้าสำนักจื่อชิงเมื่อครู่ทุกคนก็ล้วนเห็นแล้ว อุปนิสัยของเขาทุกคนเองก็ทราบดี เช่นนั้นข้าคิดว่าที่เขาพูดมาคงจะเป็นความจริง”

นักพรตไท่หัวเอ่ยถึงตรงนี้ก็ลุกขึ้นยืน แล้วหมุนตัวเดินออกไปนอกตำหนักทันที

จากทุกคนก็หันไปสบตากัน ก่อนจะทยอยออกไปจากตำหนักด้วยเช่นกัน

หากคำพูดของนักพรตฉางเสวียนและสวีฉิงเทียนเป็นความจริงล่ะก็ เช่นนั้นการที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนจะแข็งแกร่งขึ้นก็คงอีกมินานแล้วสินะ

และหากจักรพรรดิมารตนนั้นสามารถปลดผนึกได้อย่างสมบูรณ์ ทั่วทั้งดินแดนจงหยวนก็คงมีเพียงบรรพจารย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนที่สามารถยื่นมือเข้าไปขัดขวางได้

เช่นนั้นเวลานี้จำเป็นจะต้องประจบเอาใจนักพรตฉางเสวียนไว้เสียแล้ว

ขณะที่ทุกคนกำลังเดินออกจากตำหนักเพื่อไปรั้งนักพรตฉางเสวียนเอาไว้นั้น เงาร่างหนึ่งพลันปรากฏอยู่ตรงหน้า และขวางทางนักพรตฉางเสวียนเอาไว้

เป็นต้วนฉางเต๋อนั่นเอง

“คนแซ่ต้วน เจ้าทำเช่นนี้หมายความเยี่ยงไร ? ”

นักพรตฉางเสวียนเห็นต้วนฉางเต๋อขวางทางเอาไว้พร้อมยิ้มประจบ ก็มิได้มีสีหน้าที่ดีขึ้นแต่อย่างใด

“พี่เหอ เมื่อครู่เป็นข้าที่ทำมิถูกเอง เยี่ยงไรเสียเรื่องนี้ก็เกี่ยวพันถึงความปลอดภัยของดินแดนจงหยวนของพวกเรา ท่านอย่าได้ถือสาข้าเลยนะ”

ต้วนฉางเต๋อเอ่ยขอโทษกับนักพรตฉางเสวียนที่ยังทำหน้าเข้มอยู่

สวีฉิงเทียนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ นักพรตฉางเสวียน เอ่ยอย่างเคร่งเครียดว่า “พี่เหอ หากจักรพรรดิมารตนนั้นฟื้นขึ้นมาจริง ๆ เช่นนั้นอีกมินานก็คงจะปลดผนึกได้อย่างสมบูรณ์ เช่นนั้นเรื่องนี้พวกเราคงต้องวางแผนกันให้ดี”

ตอนนั้นเองเจ้าสำนักต้าหลัวและเจ้าสำนักกู่หัวก็เดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ

หลัวชุนเฟิงเดินเข้ามาตบที่บ่าของนักพรตฉางเสวียนเบา ๆ แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “พี่ฉางเสวียน พวกเราทั้งห้าสำนักเปรียบดั่งพี่น้องกัน อีกทั้งปากของต้วนฉางเต๋อเป็นเช่นไร พวกเราต่างก็รู้ดี ก่อนหน้านี้เขาก็เคยกล่าวหาข้ามาแล้ว”

“ใช่ ๆ ! ”

ต้วนฉางเต๋อรีบพยักหน้าสนับสนุนทันที “พี่เหอ ท่านก็รู้ว่าปากข้าบางทีข้าเองก็ยังห้ามไม่ได้ เอาเช่นนี้หลังจากปรึกษากันเสร็จแล้ว ข้าจะมอบผลเทพหยินหยางให้ท่าน 2 ผล ถือเป็นคำขอโทษจากข้า ท่านเห็นเป็นเช่นไร ? ”

เอ่ยถึงตรงนี้ต้วนฉางเต๋อก็อยากตบปากตัวเองสักสองฉาดจริง ๆ

ผลเทพหยินหยางนั้นเกิดจากต้นไม้เทพต้นหนึ่งภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์หยินหยาง ห้าสิบปีจึงจะผลิดอกและออกผลหนึ่งครา

ภายในผลเทพหยินหยางนั้นแฝงจิตวิญญาณฟ้าดินบริสุทธิ์เอาไว้ ถือเป็นของบำรุงสำหรับการบำเพ็ญเพียรที่ดีมาก แม้แต่กับผู้แข็งแกร่งระดับแดนเทวาก็มีประโยชน์มากเช่นกัน

เพียงแค่นี้ก็รู้แล้วว่าผลเทพหยินหยางนั้นล้ำค่าเพียงใด !

แต่บัดนี้ เพราะคำพูดพล่อย ๆ ของตนเองกลับต้องมอบให้คนอื่น ๆ ไปโดยง่าย

ต้วนฉางเต๋อคิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา

‘เฮ้อ ! ’

‘ดูท่าที่ท่านอาจารย์พูดไว้คงมิผิดจริง ๆ ปากของข้าช้าเร็วจะต้องก่อให้เกิดปัญหาเป็นแน่ ! ’

ขณะเดียวกันนักพรตไท่หัวก็ลูบหนวดตนเอง พลางเอ่ยพร้อมรอยยิ้มว่า “พี่ฉางเสวียน คำโบราณกล่าวเอาไว้ หนึ่งต้นไม้กำเนิดหมื่นบุปผา สำนักเต๋าทั่วหล้าคือครอบครัว พวกเราสำนักบำเพ็ญเพียรทั่วจงหยวนเปรียบดั่งพี่น้อง บัดนี้ฝ่ายมารคุกคามจงหยวน เช่นนั้นเวลานี้พวกเรามิควรมาทะเลาะกันเสียเอง ! ”

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นักพรตฉางเสวียนก็หมุนตัวและประสานมือคาราวะให้แก่นักพรตไท่หัว “พี่ไท่หัว เรื่องมาถึงขั้นนี้ข้าก็จะมิขอปิดบังอีก”

นักพรตไท่หัวโบกมือไปมาแล้วกล่าวว่า “พี่ฉางเสวียน เรื่องนี้สำคัญนักเพื่อป้องกันความยุ่งยากที่มิจำเป็น พวกเราเข้าไปคุยกันต่อด้านในจะดีกว่า”

พลันมีคนเอ่ยสนับสนุนขึ้น “ใช่แล้ว พี่ฉางเสวียนพวกเราเข้าไปคุยกันด้านในเถิด”

นักพรตฉางเสวียนลังเลเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าตกลง

ครานี้นักพรตฉางเสวียนจึงเดินนำอยู่ด้านหน้าสุด ราวกับดาวล้อมเดือนก็มิปาน ก่อนที่ทุกคนจะกลับเข้ามาในตำหนักโบราณอีกครา

“ทุกท่าน เรื่องมาถึงขั้นนี้ข้าก็จะมิปิดบังใด ๆ อีก”

หลังจากทุกคนนั่งลงเรียบร้อยแล้ว นักพรตฉางเสวียนจึงกวาดตามองทุกคน แล้วกลั่นกรองคำที่จะพูดออกมาช้า ๆ แต่กลับทำให้คนฟังตกใจอย่างที่สุด

“ความจริงแล้ว ท่านบรรพจารย์เย่แห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนของข้า หากมิมีสิ่งใดผิดพลาด ท่านน่าจะลงมาจากสวรรค์”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน