เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน นิยาย บท 17

ตอนที่ 17 ฉางหมิงเหมาะจะฝึกวิถีกระบี่เยี่ยงนั้นหรือ ?

ทั่วทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนสั่นสะเทือนทันที หลังจากเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวมาจากทางยอดเขากระบี่วิญญาณ

ทุกคนต่างมองไปทางยอดเขากระบี่วิญญาณเป็นตาเดียว

“เสียงดังสนั่นเช่นนี้ทั้งยังมีแสงศักดิ์สิทธิ์ทะยานขึ้นฟ้าอีก หากเดามิผิดล่ะก็ศิษย์น้องหยวนเจี้ยนผู้เป็นเจ้ายอดเขากระบี่วิญญาณคงบรรลุแล้วสินะ”

“ช่างเป็นเรื่องน่ายินดียิ่งนัก ศิษย์น้องหยวนเจี้ยนติดอยู่ที่แดนนี้มาพันกว่าปีแล้ว คิดมิถึงว่าวันนี้จะบรรลุได้”

“บรรลุแล้วจริงงั้นหรือ ? ข้าจำได้ว่าท่านเจ้าสำนักเคยบอกว่า ศิษย์น้องหยวนเจี้ยนต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2,000 ปีจึงจะก้าวเข้าสู่แดนเทวาได้”

“ใช่ เรื่องนี้ข้าเองก็จำได้ดี”

“เช่นนั้นก็แสดงว่าเขาต้องได้รับโชคบางอย่าง จึงสามารถบรรลุได้เร็วกว่าที่คาดเช่นนี้”

“โชคหรือ ? แล้วโชคแบบไหนกันที่ทำให้ศิษย์น้องหยวนเจี้ยนเข้าสู่แดนเทวาได้โดยลดเวลาไปตั้งครึ่งหนึ่งเช่นนี้ ? ”

“น่าเหลือเชื่อ ช่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ ”

“มิได้การล่ะ ข้าจะต้องไปถามให้รู้เรื่อง”

“ข้าไปด้วย”

หลังจากสื่อสารทางจิตกันครู่ใหญ่ เหล่าผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนก็กลายเป็นลำแสงเหาะไปทางยอดเขากระบี่วิญญาณกันทันที

ณ นอกตำหนักไท่เสวียน

นักพรตฉางเสวียนและหลี่ฉางหมิงต่างหันไปมองทางยอดเขากระบี่วิญญาณเช่นเดียวกัน

“ช่างน่ายินดียิ่งนัก ดูท่านักพรตหยวนเจี้ยนคงจะบรรลุได้เพราะภาพอักษรพู่กันนั้นเป็นแน่ ครั้งนี้จึงทะลวงคอขวดจนก้าวเข้าสู่แดนเทวาได้” นักพรตฉางเสวียนที่รู้ความจริงมีสีหน้าปลื้มปิติขณะเอ่ยขึ้น

‘ภาพอักษรพู่กันเยี่ยงนั้นหรือ ? ’ หลี่ฉางหมิงได้สติขึ้นมาอีกครั้ง จึงได้เข้าใจว่าแท้จริงแล้วผู้อาวุโสเร้นกายที่เมืองเสี่ยวฉือท่านนั้นก็เคยมอบภาพอักษรพู่กันให้แก่ลู่อู๋ซวงเช่นกัน

ขณะเดียวกันเขาก็นึกถึงสิ่งที่นักพรตฉางเสวียนเอ่ยกับเขาเกี่ยวกับภาพอักษรพู่กันภาพนั้น

‘หรือว่าภาพสองภาพนี้จะแตกต่างกัน ? ’

‘นี่หมายความว่าผู้อาวุโสท่านนั้นดูแคลนข้า จึงทำให้นักพรตฉางเสวียนมิพอใจข้าอย่างนั้นหรือ ? ’

‘ใช่แล้ว ! ’

‘ต้องเป็นเช่นนี้แน่ ! ’

คิดได้ดังนั้นหลี่ฉางหมิงก็อดรู้สึกเสียใจมิได้

และก็ทำให้เขาอดสงสัยมิได้ว่า พรสวรรค์ในการบำเพ็ญเพียรของตนนั้นด้อยกว่าลู่อู๋ซวงจริงหรือ ?

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลี่ฉางหมิงก็โค้งกายให้กับนักพรตฉางเสวียนด้วยสีหน้าโศกเศร้า “อาจารย์ ศิษย์ผิดไปแล้วขอรับ”

นักพรตฉางเสวียนหมุนตัวกลับมามองหลี่ฉางหมิง ก่อนจะพยักหน้าให้พลางเอ่ยว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ช่วงนี้เจ้าก็จงสำนึกตนอยู่ที่เรือนฉางหมิงสักพักก็แล้วกัน”

หลี่ฉางหมิงตอบอย่างนอบน้อมว่า “ศิษย์ทราบแล้วขอรับ”

เอ่ยจบ หลี่ฉางหมิงก็หมุนตัวจากไป

เงาของเขาทอดยาวใต้แสงอาทิตย์ยามเย็น ทำให้เกิดความรู้สึกหดหู่มิน้อย

นักพรตฉางเสวียนมองด้านหลังของหลี่ฉางหมิง แล้วจึงส่ายหน้าเบา ๆ พลางถอนหายใจออกมา ก่อนจะกลายเป็นลำแสงเหาะไปทางยอดเขากระบี่วิญญาณ

ไม่นานด้านนอกของตำหนักกระบี่วิญญาณก็เต็มไปด้วยผู้คน

ลานด้านล่างหอสูงเต็มไปด้วยศิษย์ทั้งหมดของยอดเขากระบี่วิญญาณ ส่วนกลุ่มคนที่อยู่บนหอสูงนั่นคือเหล่าผู้อาวุโสทั้งหมดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน

เว้นก็แต่เหล่าผู้อาวุโสที่ปิดด่านบำเพ็ญเพียรและเหล่าผู้อาวุโสผู้ทรงเกียรติมิกี่คนเท่านั้น

“แอ๊ดด ! ”

ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วยามในที่สุดหมอกควันด้านนอกตำหนักกระบี่ก็สลายไป ประตูตำหนักจึงถูกเปิดออก

ก่อนนักพรตหยวนเจี้ยนที่เพิ่งจะบรรลุจะเดินออกมา

“ศิษย์ขอแสดงความยินดีที่อาจารย์บรรลุแล้วขอรับ ! ”

ทันใดนั้นศิษย์ยอดเขากระบี่วิญญาณเกือบร้อยคนที่ยืนอยู่ตรงลานด้านล่างก็คุกเข่าอย่างพร้อมเพรียง พร้อมเอ่ยแสดงความยินดีด้วยเสียงดังกึกก้องไปทั่วทั้งยอดเขากระบี่วิญญาณ

“ศิษย์น้องหยวนเจี้ยน ข้าขอยินดีด้วย ! ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน