เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน นิยาย บท 190

ตอนที่ 190 ท่านเย่ ข้าเข้าใจแล้ว

หลักการมากมายของเย่ฉางชิง ดังสะท้อนอยู่ที่จัตุรัสแห่งนั้นมิหยุดราวกับเสียงสวรรค์ก็มิปาน

ขณะเดียวกันไอพลังมหาศาลก็ได้แผ่ออกมามากมาย จนแทบจะปกคลุมไปทั่วทั้งสำนักศึกษาตงหลัน

ทำให้ผู้คนที่นั่งอยู่ด้านล่างต่างก็เกิดการรู้แจ้งขึ้น

ทุกคนต่างพากันหลับตาลง ท่าทางเต็มไปด้วยสีหน้าตื่นเต้นยินดี

โดยเฉพาะจางเฉินที่นั่งอยู่แถวหน้า

หนวดและผมสีขาวโพลนของเขาปลิวไสว ชายเสื้อขยับราวกับมีลมพัด ดวงตาทั้งสองข้างหลับสนิทท่าทางสงบนิ่งเป็นอย่างมาก

ทว่าเมื่อหลักการที่เย่ฉางชิงกล่าวดังขึ้นมามิหยุด รอบกายของเขาก็ได้มีไอพลังบางอย่างแผ่ออกมาจากภายใน

‘ไอพลังนี่มัน ? ’

เยี่ยนเทียนซานที่นั่งอยู่ข้าง ๆ จางเฉิน เหมือนกับจะสัมผัสได้จึงมีสีหน้าเปลี่ยนไป ก่อนจะลืมตาพร้อมกับหันไปทางจางเฉิน

‘พลังรุนแรงเช่นนี้อีกทั้งยังแฝงพลังปราณแห่งวิถีปรัชญาไว้ด้วย ดูเหมือนบัณฑิตจางผู้นี้กำลังจะเข้าสู่วิถีแล้วสินะ ! ’

หลังจากสัมผัสได้ถึงไอพลังที่เปลี่ยนแปลงไปของจางเฉิน เยี่ยนเทียนซานก็อดมิได้ที่ใจจะสั่นสะท้านขึ้นมา

เพราะสำหรับเหล่าปัญญาชนนั้น มีเพียงวิถีปรัชญาเท่านั้นที่จะสามารถบำเพ็ญเพียรได้

ความยากของมันยากเสียยิ่งกว่าการเข้าสู่วิถีของเหล่าผู้บำเพ็ญเพียรมากมายนัก

แต่การเข้าสู่เต๋าด้วยวิถีปรัชญาก็มีประโยชน์อย่างมากเช่นกัน

ผู้บำเพ็ญเพียรโดยทั่วไปเมื่อบำเพ็ญเพียรถึงช่วงท้าย ๆ จะยากขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนวิถีปรัชญาของเหล่าปัญญาชนนั้นกลับจะง่ายขึ้น

อีกทั้งการเข้าสู่เต๋าด้วยวิถีปรัชญาจะถือว่ามีโชคอย่างมาก

การที่จางเฉินเข้าสู่เต๋าด้วยวิถีปรัชญาได้สำเร็จ หากภายภาคหน้าเขาคอยสนับสนุนแคว้นต้าเยี่ยน เช่นนั้นโชคของเขาก็จะมีประโยชน์ในการช่วยหนุนนำบ้านเมืองด้วย

เช่นนั้นหากวันนี้จางเฉินสามารถเข้าสู่เต๋าด้วยวิถีปรัชญาได้สำเร็จ ก็จะมีความหมายต่อแคว้นต้าเยี่ยนอย่างมาก

ยิ่งไปกว่านั้นหลายพันปีมานี้ มิเพียงแต่ภายในแคว้นต้าเยี่ยน แม้แต่อีกสามแคว้นก็หาได้มีปัญญาชนที่เข้าสู่วิถีสำเร็จมาก่อนเช่นกัน

หากเรื่องที่จางเฉินเข้าสู่วิถีในวันนี้ได้แพร่ออกไป ปัญญาชนของอีกสามแคว้นจะต้องแห่กันมาที่แคว้นต้าเยี่ยนอย่างแน่นอน

เวลาผ่านไปเกือบหนึ่งก้านธูป

เย่ฉางชิงที่พูดสั่งสอนคนมานานถึง 1 ก้านธูปเต็ม ๆ ในที่สุดก็ได้หยุดลง

‘พูดหลักการออกมามากมายเพียงนี้ คงมิเป็นอะไรแล้วกระมัง ? ’

เย่ฉางชิงยกถ้วยชาขึ้นจิบเพราะคอเริ่มแห้ง จากนั้นก็ได้กวาดตามองทางด้านล่าง

เมื่อเห็นผู้คนที่อยู่ด้านล่างแต่ละคนนั่งหลังตรงดวงตาหลับพริ้มทั้งสองข้าง บ้างคราก็ขมวดคิ้วมุ่น บ้างคราก็ยกยิ้มออกมา

เย่ฉางชิงจึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

หลักการมากมายที่พูดออกไป อย่างน้อยต้องมีสักประโยคสองประโยคที่ควรค่าแก่การใคร่ครวญอย่างละเอียด

จากที่ดูในตอนนี้ ดูเหมือนว่าทุกคนจะเกิดความเข้าใจขึ้นจริง ๆ

เช่นนั้นจิตใจที่หวาดหวั่นของเย่ฉางชิงในตอนแรกจึงรู้สึกสงบลงไปอย่างมาก จนสามารถจิบชาได้สบายใจขึ้น

แต่ขณะที่เขาบังเอิญเหลือบมองขึ้นไปบนท้องฟ้านั้น สีหน้าก็ปรากฏความสงสัยขึ้นมาทันที

ตามหลักแล้วเวลานี้ นิมิตฟ้าดินที่เกิดขึ้นควรจะหายไปได้แล้วถึงจะถูก

แต่วันนี้กลับต่างออกไป

เวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูปแล้ว แต่บนท้องฟ้าก็ยังคงมีหมู่เมฆสีทองปกคลุมเอาไว้อยู่

ทั้งยังไร้ซึ่งสัญญาณใด ๆ ว่าจะหายไปอีกด้วย

นี่มันเกิดอะไรขึ้น ?

และในตอนนั้นเอง

จางเฉินถึงกับขมวดคิ้วมุ่น ท่าทางเต็มไปด้วยความสงสัย

เขาค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ก่อนจะมองไปยังเย่ฉางชิงที่อยู่บนเวที จากนั้นจึงยืนขึ้นโค้งคำนับ “ท่านเย่ ผู้น้อยมีข้อสงสัยขอรับ”

‘ข้อสงสัย ? ’

‘เมื่อครู่ข้าพูดหลักการออกไปมากมายเพียงนั้น หรือว่าเจ้าฟังมิเข้าหัวสักประโยคเลยเยี่ยงนั้นหรือ ? ’

‘บัณฑิตสำนักศึกษาตงหลันเช่นเจ้าเหตุใดถึงได้สมองทึบนักนะ’

เย่ฉางชิงได้ยินเช่นนั้นก็อดที่จะบ่นขึ้นในใจมิได้

บ่นก็ส่วนบ่น

แต่เวลานี้เขากำลังแสดงเป็นท่านเทพฉางชิงอยู่ ย่อมต้องมีความอดทนต่อ ‘เด็กรุ่นหลัง’

“ท่านจาง เชิญพูดมาได้เลย”

เย่ฉางชิงเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มสุภาพ

ขณะเดียวกัน เมื่อคนอื่น ๆ ได้ยินบทสนทนาของคนทั้งคู่ก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นและมองมาที่พวกเขา

จางเฉินนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น ก่อนเอ่ยขึ้นอย่างนอบน้อม

“เรียนท่านเย่ อีกเพียงนิดเดียวผู้น้อยจะสามารถเข้าสู่วิถีแห่งเต๋าได้แล้ว ก่อนหน้านี้ตอนได้ฟังหลักการของท่านทำให้ข้าเกิดความเข้าใจ แต่ก็ยังมิสามารถเข้าสู่วิถีเต๋าได้เช่นที่ปรารถนา ขอท่านเย่ได้โปรดชี้แนะด้วย”

‘เข้าสู่วิถี ? ’

‘ที่แท้ในโลกเซียนแห่งนี้ เหล่าปัญญาชนก็สามารถเข้าสู่วิถีเต๋าได้เยี่ยงนั้นหรือ ! ’

‘เหมือนที่ข้าคิดเอาไว้ก่อนหน้านี้มิมีผิด’

‘ในโลกเซียนเช่นนี้มิว่าจะเป็นการศึกษา การวาดภาพ ล้วนสามารถกลายเป็นเส้นทางบำเพ็ญเพียรได้ทั้งสิ้น’

‘มิใช่สิ ! ’

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน