เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน นิยาย บท 198

สรุปบท ตอนที่ 198 คำขอร้องของซือถูเจิ้นผิง: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 198 คำขอร้องของซือถูเจิ้นผิง – เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน โดย Internet

บท ตอนที่ 198 คำขอร้องของซือถูเจิ้นผิง ของ เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน ในหมวดนิยายนิยายแปล เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 198 คำขอร้องของซือถูเจิ้นผิง

เมื่อเห็นไอกระบี่ที่ดูธรรมดานี้พุ่งเข้ามา

เดิมซือถูเจิ้นผิงหาได้ใส่ใจไม่

แต่ในขณะที่ไอกระบี่นี้ อยู่ห่างจากเขาเพียงมิกี่จั้งนั้น

เขาเหมือนจะสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง จนอดมิได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้น พลางกระชับกระบี่สัมฤทธิ์ในมือ

ทว่าวินาทีต่อมา เมื่อไอกระบี่ใกล้จะถึงตัวของเขานั้น

เขาก็ต้องเบิกตาโพลง สีหน้าเปลี่ยนไปด้วยความตื่นตระหนก ท่าทางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

“เจตจำนงแท้จริงของกระบี่งั้นหรือ ไอกระบี่นี่แฝงเอาไว้ด้วยเจตจำนงแท้จริงของกระบี่เยี่ยงนั้นหรือ ! ”

ทันทีที่สิ้นเสียงของซือถูเจิ้นผิง

จู่ ๆ พลังของไอกระบี่ที่ดูบางเบาและธรรมดานี้กลับเพิ่มขึ้น ทำให้พื้นที่ภายในรัศมีหนึ่งร้อยจั้งกลายเป็นแดนกระบี่ในพริบตา

“ตูม ! ”

หลังเสียงดังสนั่นหวั่นไหวผ่านพ้นไป

ภายในรัศมี 100 จั้ง

ไอกระบี่ที่ถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยพลังและอำนาจในการทำลายล้าง ก็พุ่งเข้าโจมตีซือถูเจิ้นผิง

“ไอกระบี่นี้เป็นของผู้ใดกันแน่ การกระทำเช่นนี้ช่างไร้จรรยาบรรณสิ้นดี ! ”

ซือถูเจิ้นผิงคำรามกึกก้อง เพียงพริบตาพลังลมปราณของเขาก็พุ่งขึ้นจนถึงขีดสุด

ขณะเดียวกันก็ได้ปลุกพลังวิญญาณภายในร่างขึ้นอย่างรุนแรง ทำให้พลังปราณรอบกายปะทุออกมา

เพียงชั่วประกายไฟ เขาก็ยกกระบี่สัมฤทธิ์ในมือขึ้นขวางหน้าเอาไว้ เวลานี้เขาทำได้เพียงฝืนต้านทานไอกระบี่อันน่าสะพรึงกลัวนี้เอาไว้เท่านั้น

“เคร้ง ! ”

วินาทีที่ไอกระบี่เข้าปะทะกับกระบี่สัมฤทธิ์ก็ได้เกิดประกายไฟขึ้น จนเกิดแรงสั่นสะเทือนกลายเป็นคลื่นในอากาศ

หลังจากผ่านไปชั่วอึดใจ

ซือถูเจิ้นผิงก็มีสีหน้าตื่นตระหนกขึ้นมาทันที จากนั้นร่างทั้งร่างพลันไถลออกไปไกลร้อยลี้ราวกับว่าวที่เชือกขาดก็มิปาน

‘นี่มัน ? ’

‘ไอกระบี่นี้ ? ’

‘ช่างน่ากลัวยิ่งนัก ! ’

‘สามารถทำให้ยอดผู้แข็งแกร่งที่บำเพ็ญเพียรวิถีกระบี่จนถึงขั้นสูงสุดถอยไปไกลนับร้อยลี้ได้’

‘น่าเหลือเชื่อ ! ’

‘ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก ! ’

ทันทีที่เห็นภาพอันน่ากลัวตรงหน้า มิว่าจะเป็นผู้อาวุโสหรือว่าศิษย์ที่อยู่ด้านล่างของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิง

วินาทีนี้ต่างก็แข็งค้างราวกับหินด้วยความตกใจ

หลังจากความเงียบเข้าปกคลุมอยู่ครู่ใหญ่ ทั่วทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงก็เกิดความโกลาหลขึ้น

“ตบะบารมีของผู้อาวุโสเย่ยังเหนือกว่าบรรพจารย์วิถีกระบี่ผู้นี้อีกงั้นหรือ”

“คาดมิถึงว่าโลกใบนี้จะมีคนที่เก่งกาจเช่นผู้อาวุโสเย่อยู่อีก น่าเหลือเชื่อ ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก ! ”

“บรรพจารย์ท่านนี้บำเพ็ญเพียรวิถีกระบี่จนถึงขั้นสูงสุด แต่ว่าผู้อาวุโสเย่ท่านนี้มีความแตกฉานในวิถีกระบี่ขนาดไหนกัน เพียงแค่ไอกระบี่ก็สามารถทำให้อีกฝ่ายล่าถอยไปนับร้อยลี้ได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ ! ”

“ผู้อาวุโสเย่ช่างเป็นผู้ที่มีเมตตายิ่งนัก มิเพียงมอบวาสนาอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ให้แก่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิง แต่ยังมอบสุดยอดท่าไม้ตายให้แก่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงอีกด้วย”

“ท่านเจ้าสำนัก ข้าคิดว่าพวกเราควรสร้างร่างทองของผู้อาวุโสเย่ในหอบรรพบุรุษ สร้างป้ายบูชาให้แก่ผู้อาวุโสเย่ มิว่าจะผู้อาวุโสหรือศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงล้วนควรที่จะไปกราบไหว้บ่อย ๆ ขอรับ”

“ใช่แล้ว ท่านเจ้าสำนักข้าเองก็คิดเช่นนั้น”

ขณะที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงเต็มไปด้วยเสียงโหวกเหวก

ซือถูเจิ้นผิงที่ถอยไปไกลนับร้อยลี้ เพื่อหนีจากไอกระบี่อันน่ากลัวนั้น

เวลานี้กลับมีใบหน้าซีดเผือด มีเลือดไหลซึมออกมาจากมุมปาก

ทว่าสิ่งที่ทำให้ทุกคนงุนงงก็คือ

ซือถูเจิ้นผิงแม้สภาพจะดูสะบักสะบอม แต่ท่าทางของเขากลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและยินดี

ราวกับคนที่พยายามดิ้นรนจากความตาย ได้พบฟางเส้นสุดท้ายที่จะช่วยชีวิตเอาไว้ก็มิปาน

“คาดมิถึงว่าโลกนี้จะมีผู้ที่มีความแตกฉานในวิถีกระบี่ที่ร้ายกาจเพียงนี้ ทำให้ข้าได้เปิดหูเปิดตาจริง ๆ ! ”

ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยของซือถูเจิ้นผิงยกยิ้มกว้างออกมา ก่อนจะหัวเราะอย่างคนบ้าคลั่ง

แต่ในตอนนั้นเองเหมือนเขาจะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง จนอดมิได้ที่จะเบิกตาโพลงใบหน้าพลันซีดขาว

‘ไอพลังที่เหมือนกัน ! ’

‘ไอกระบี่ที่ดูธรรมดาอีกเล่มหนึ่ง ! ’

‘มิใช่ ! ’

‘ครานี้มิใช่ไอกระบี่แค่หนึ่งเล่ม แต่เป็นสองเล่ม ! ’

“สูด ! ”

ซือถูเจิ้นผิงสูดลมหายใจเข้าด้วยความตื่นตระหนก แผ่นหลังชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อเพราะความตื่นเต้น

หากเป็นไอกระบี่หนึ่งเล่ม เขาอาจจะยังพอฝืนรับได้

แต่หากสองเล่มล่ะก็ เกรงว่าเขาจะต้องบาดเจ็บหนักอย่างแน่นอน !

คนทั้งคู่ต่างก็สบตากันเล็กน้อย ก่อนจะเม้มริมฝีปากแน่นอย่างห้ามมิได้

‘เกิดความรู้สึกสนใจ ? ’

‘ประลองกระบี่ ? ’

‘ท่านเล่นใหญ่เกินไปหน่อยกระมัง ? ’

‘ใครมิรู้คงคิดว่าท่านต้องการที่จะทำลายดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงให้สิ้นซาก’

แม้ทุกคนต่างคิดเช่นนั้น แต่บรรพจารย์แห่งนิกายหมื่นกระบี่ท่านนี้เยี่ยงไรเสียก็เป็นผู้อาวุโสแห่งวิถีกระบี่ ทุกคนจึงจำต้องคารวะตามมารยาท

“ผู้น้อยคารวะผู้อาวุโส”

ซือถูเจิ้นผิงเมื่อเห็นท่าทางนอบน้อมของเหล่าผู้อาวุโสดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงก็พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม ก่อนเอ่ยว่า “เจ้าสำนักจื่อชิง มิทราบว่าข้าขอคุยด้วยสักครู่ได้หรือไม่ ? ”

สวีฉิงเทียนลังเลเล็กน้อย ก่อนที่จะพยักหน้ารับเบา ๆ

มินานทั้งสองก็แยกตัวมายังตำหนักโบราณหลังหนึ่ง

“เจ้าสำนักจื่อชิง ข้ามิใช่คนที่ชอบอมพะนำ ข้าขอเรียนท่านตามตรงเลยก็แล้วกันนะ”

ซือถูเจิ้นผิงเอ่ยกับสวีฉิงเทียนที่นั่งอยู่ตรงข้ามด้วยท่าทางจริงจัง

สวีฉิงเทียนจึงพยักหน้าให้ “ผู้อาวุโสเชิญกล่าวมาได้เลย”

“ข้าขอบอกเจ้าตามตรง”

ซือถูเจิ้นผิงจึงเอ่ยออกมาทันทีว่า “ที่ข้าออกฌานมานั้นก็เพราะใกล้ถึงขีดจำกัดของข้าแล้ว หากภายในสองปีนี้ความเข้าใจในวิถีกระบี่ของข้ายังมิเกิดการบรรลุอีก เกรงว่าคงต้องละสังขารเป็นแน่”

“ห๊ะ ? ! ”

สวีฉิงเทียนตกตะลึงทันทีที่ได้ยิน

‘สาเหตุที่บรรพจารย์วิถีกระบี่แห่งนิกายหมื่นกระบี่ท่านนี้ออกจากฌาน เป็นเพราะใกล้จะถึงขีดจำกัดของตัวเองแล้วหรอกหรือนี่ ! ’

‘บัดนี้จักรพรรดิเผ่ามารตนนั้นก็ใกล้จะตื่นขึ้นแล้ว จงหยวนอยู่ในยามคับขันที่ต้องการยอดฝีมือเช่นนี้ แต่เขากลับใกล้จะถึงขีดจำกัดของตัวเองเช่นนั้นหรือ ? ’

‘ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก ! ’

สวีฉิงเทียนคิดได้เช่นนั้นก็เอ่ยออกมาว่า “ผู้อาวุโส ท่านต้องการสิ่งใดได้โปรดบอกเถิด ผู้น้อยจะพยายามช่วยท่านอย่างเต็มที่ขอรับ”

ซือถูเจิ้นผิงพยักหน้าให้ด้วยความยินดี “เจ้าสำนักจื่อชิง ข้าต้องการที่จะบำเพ็ญเพียรใต้ภาพอักษรพู่กันของเจ้า”

สวีฉิงเทียนผงะไปทันที ก่อนเอ่ยอย่างอึกอัก “ผู้อาวุโส นี่มัน…”

“เจ้าสำนักจื่อชิง เอาเช่นนี้ก็แล้วกัน”

ซือถูเจิ้นผิงลังเลครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ข้าขอบำเพ็ญเพียรอยู่ใต้ภาพอักษรพู่กัน เพื่อทำความเข้าใจสักช่วงหนึ่ง มิว่าข้าจะบรรลุได้หรือไม่ ก่อนจะจากไป ข้าจะทิ้งเคล็ดกระบี่ขั้นสูงเอาไว้ให้หนึ่งเล่ม ท่านเห็นเป็นเช่นไร ? ”

สวีฉิงเทียนนิ่งเงียบอยู่นาน ก่อนจะพยักหน้าให้ “ผู้อาวุโส ข้าตกลงขอรับ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน