เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน นิยาย บท 220

ตอนที่ 220 แผนการของเฮยเซี่ยว

ได้ยินเช่นนั้นผู้เฒ่าชิวหลงผู้มีพลังอันน่าเกรงขามก็ขมวดคิ้วเบา ๆ แววตาพลันเกิดประกายอันเย็นชาแวบผ่าน

วินาทีต่อมาก็มีเงาดำขนาดใหญ่ พุ่งออกมาจากกายของผู้เฒ่าชิวหลง

เพียงแค่ไอพลังที่แผ่ออกมาจากร่างของผู้เฒ่าชิวหลง ก็ทำให้ภายในรัศมีนับสิบจั้งเกิดการสั่นสะเทือนเป็นระลอกคลื่น

จากนั้นเมื่อผู้เฒ่าชิวหลงสะบัดมือ แสงอันเจิดจ้าจำนวนหนึ่งพลันตกลงบนกายของเฮยฉางซาน

วินาทีต่อมาเฮยฉางซานก็รู้สึกได้ว่าจิตสังหารที่ปกคลุมอยู่ จู่ ๆ ก็มลายหายไป เขาจึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

ในตอนนั้นเองผู้เฒ่าชิวหลงก็มองไปยังร่างเงา ที่ถูกปกคลุมเอาไว้ด้วยหมอกอันเจิดจ้าที่อยู่ไกลออกไปนับร้อยจั้ง

“ก่อนหน้านี้เฮยฉางซานทำผิดไปก็จริง แต่อย่างไรซะเขาก็มีตบะบารมีขั้นสูงในระดับจ้าวปีศาจ ทั่วทั้งเทือกเขาแดนใต้เป็นรองเพียงแค่ตาเฒ่าเช่นพวกข้ามิกี่คนเท่านั้น เช่นนั้นข้าจึงมิอาจนิ่งดูดายได้”

ผู้เฒ่าชิวหลงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าหวั่นเกรงที่แสดงออกมาอย่างปิดมิมิด

ด้วยตบะบารมีของเขา ย่อมสามารถสัมผัสได้อย่างง่ายดายว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงร่างแยกร่างหนึ่งเท่านั้น

หากร่างจริงของอีกฝ่ายปรากฏขึ้นที่นี่ เขาก็มิมั่นใจเช่นกันว่าจะสามารถช่วยเฮยฉางซานจากน้ำมือของอีกฝ่ายได้หรือไม่

เช่นนั้นเขาจึงทำได้เพียงพูดออกไปเช่นนั้น

วินาทีต่อมาเสียงลึกลับก็ดังขึ้นราวกับระฆังทองคำ

“ถูกต้อง อาศัยร่างแยกร่างนี้ของข้า การจะสังหารเจ้าปีศาจที่เจ้าปกป้องอยู่ ดูจะเกินกำลังไปบ้าง”

“แต่ข้าขอเตือนเจ้าอย่างหนึ่ง หากมิใช่เพราะเหตุผลบางอย่างทำให้ข้ามิอาจปลีกตัวมาได้แล้วล่ะก็ วันนี้อย่างว่าแต่ทำลายเผ่าพยัคฆ์ดำของพวกเจ้า แม้แต่ทั้งเทือกเขาแดนใต้ก็ต้องตอบแทนข้าอย่างแสนสาหัสเช่นกัน”

เอ่ยเพียงเท่านั้น เสียงลึกลับก็หันไปทางราชันทมิฬ

“ราชันทมิฬ ข้าได้ส่งคนไปหาหินหุนหยวนให้นายท่านแล้ว ทางเทือกเขาแดนใต้จึงมิมีประโยชน์อันใดอีกก็ปล่อยไปเถอะ รอร่างจริงของข้าฟื้นฟูแล้ว ถึงตอนนั้นค่อยกลับมาเอาคำอธิบายก็แล้วกัน”

ราชันทมิฬได้ยินเช่นนั้นก็อดที่จะตกตะลึงมิได้ ก่อนจะพยักหน้ารัว ๆ “พี่ต้นไม้ ข้าทราบแล้วขอรับ”

มินานหลังจากสายลมบางเบาพัดผ่าน

หมอกอันเจิดจ้าก็เริ่มจางหายไป

มิกี่อึดใจต่อมา หมอกตรงหน้าของราชันทมิฬ รวมทั้งเงาร่างที่อยู่ในหมอกนั้นก็หายไปในอากาศด้วยเช่นกัน

จนเวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป

ทั่วทั้งเผ่าพยัคฆ์ดำก็ยังคงเงียบสงัดอยู่อย่างนั้น

มิเพียงแต่เหล่าผู้แข็งแกร่งของทั้งสองเผ่าเท่านั้นที่มีท่าทางเคร่งเครียด แม้แต่ผู้ที่แข็งแกร่งอย่างมากในเทือกเขาแดนใต้เช่นผู้เฒ่าชิวหลงเองก็ยังขมวดคิ้วแน่น ท่าทางของเขาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น

‘เพียงแค่ร่างแยกยังแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ หากร่างจริงมาปรากฏตัวที่นี่จะเป็นเช่นไรกัน ? ’

‘ที่สำคัญที่สุดก็คือนายท่านที่ผู้แข็งแกร่งอันลึกลับเอ่ยถึง จะเก่งกาจเพียงใดกันแน่ ? ’

‘ผู้ที่แข็งแกร่งเช่นนี้ยังยอมเป็นข้ารับใช้’

‘แค่คิดก็รู้แล้วว่า นายท่านของเขาจะน่ากลัวเพียงใด ! ’

คิดถึงตรงนี้แล้ว สีหน้าของผู้เฒ่าชิวหลงก็มิสู้ดีลงทันที

‘หากเจ้านายและลูกน้องปรากฏตัวที่เทือกเขาแดนใต้พร้อม ๆ กัน คงสามารถทำลายเทือกเขาแดนใต้ได้โดยง่ายเป็นแน่ ? ’

‘หลังจากสงครามครั้งใหญ่นับตั้งแต่สมัยบรรพกาลเป็นต้นมา เผ่าปีศาจทั้งหลายต่างก็ต้องทำตัวสงบเสงี่ยมอยู่แต่ภายในเทือกเขาแดนใต้แห่งนี้ เพื่อหวังว่าสักวันจะสามารถกลับไปดินแดนจงหยวนได้อีกครั้ง’

‘บัดนี้เมื่อจักรพรรดิมารตนนั้นฟื้นขึ้นมาแล้ว เชื่อว่าอีกมินานฝ่ายมารจะต้องบุกโจมตีจงหยวนเป็นแน่’

‘ปีศาจเผ่าต่าง ๆ ในเทือกเขาแดนใต้ก็จะอาศัยโอกาสนี้ กลับไปดินแดนจงหยวนอีกครั้ง’

‘แต่สุดท้ายหลังจากรอคอยมานับล้านปี ยังมิทันจะได้กลับไปยังจงหยวน ก็บังเอิญไปล่วงเกินผู้ที่น่าเกรงกลัวเช่นนี้เข้าเสียแล้ว ! ’

‘เช่นนี้การกลับไปจงหยวนจะมีความหมายอันใดอีกเล่า ? ’

ผู้เฒ่าชิวหลงคิดถึงตรงนี้แล้ว ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยก็เผยความโศกเศร้าออกมา

ในตอนนั้นเองราชันทมิฬที่อยู่ไกลออกไปก็แสยะยิ้มออกมา พลางลุกขึ้นยืน

เขากวาดตามองเหล่าผู้แข็งแกร่งของเผ่าพยัคฆ์ดำ รวมทั้งผู้เฒ่าชิวหลง

“เมื่อครู่พวกเจ้าคงได้ยินแล้วใช่หรือไม่ ? ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน