ตอนที่ 228 คงมิใช่เจ้าสำนักดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนหรอกกระมัง
หลายวันผ่านไปราวกับพริบตา
ทุกวันนอกจากเย่ฉางชิงจะบำเพ็ญเพียรแล้ว ก็จะชี้แนะการดีดเพลงฮั่วฟานให้กับถานไถชิงเสวี่ย
แต่หลังจากการบำเพ็ญเพียรตลอดหลายวันมานี้ เย่ฉางชิงกลับมีเรื่องกลัดกลุ้มใหม่เข้ามาอีก
นั่นก็คือพลังภายในจุดตันเถียนของเขากลับหมุนวนราวพายุและใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ สีของพลังจากเดิมที่เป็นสีขาวเทาก็เปลี่ยนไปเป็นสีม่วงทอง
อีกทั้งรอบ ๆ พลังที่หมุนวนนั้นก็ปรากฏแสงสีเทาขึ้นมา ดูแล้วช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก
แต่จวบจนถึงบัดนี้เขาก็ยังเป็นเพียงน้องใหม่ในวิถีบำเพ็ญเพียร แม้กระทั่งระดับตบะบารมีของผู้บำเพ็ญเพียรก็ยังมิเคยได้ยินมาก่อน
เช่นนั้นเขาจึงอยากรู้เป็นอย่างมากว่า เวลานี้ตนเองนั้นมีตบะบารมีระดับใดกันแน่
ทว่าอย่างหนึ่งก็คือเขารู้ว่าตัวเองนั้น ถูกทุกคนเข้าใจผิดว่าเป็นท่านเทพที่ลงมาเยือนโลกมนุษย์ท่านนั้นไปเสียแล้ว
หากเขาไปถามพวกยอดผู้ฝีมือในการบำเพ็ญเพียรอย่างเหอฉางเสวียน ซือถูเจิ้นผิงพวกนั้น เกี่ยวกับความรู้พื้นฐานในการบำเพ็ญเพียร ก็เท่ากับว่าเขาเปิดเผยความจริงให้ทุกคนได้รู้น่ะสิ
และหลังจากเปิดเผยความจริงออกไป มิต้องพูดถึงว่ายอดผู้ฝีมือเหล่านี้จะเชื่อหรือไม่
แต่หากพวกเขาเชื่อจริง ก็เท่ากับเป็นการยืนยันว่าตัวเขานั้นมิมีความเข้าใจเรื่องการบำเพ็ญเพียรเลย
เช่นนั้นแล้วการที่เขาปกปิดตัวตนที่แท้จริงมานานถึงเพียงนี้ ยอดฝีมือเหล่านี้จะมิโมโหจนสับเขาเป็นชิ้น ๆ หรือ ?
ปัญหานี้เย่ฉางชิงเอาแต่ครุ่นคิดไปมาอยู่หลายตลบ สุดท้ายก็ได้ข้อสรุปมาอย่างหนึ่ง
หากมิแสดงละครต่อไป ก็จะต้องถูกยอดฝีมือเหล่านี้สังหาร ตั้งแต่เพิ่งเริ่มเส้นทางในการบำเพ็ญเพียร
วันนี้หลังจากที่เย่ฉางชิงบำเพ็ญเพียรเสร็จแล้ว นิมิตที่ปกคลุมเมืองเสี่ยวฉือก็มลายหายไป
ทว่าในตอนนี้เย่ฉางชิงกลับได้ยินเสียงพิณดังมาเป็นระลอก
“ตึง ๆๆ… ตึง ๆ… ตึง ๆๆๆ…”
เพลงฮั่วฟาน !
หลังจากได้รับการชี้แนะอย่างตั้งใจจากเย่ฉางชิงในช่วงที่ผ่านมา ในที่สุดถานไถชิงเสวี่ยก็สามารถฝืนดีดเพลงฮั่วฟานจนจบได้แล้ว
อีกทั้งฟังจากเสียงพิณในวันนี้แล้ว ถานไถชิงเสวี่ยยังสามารถดีดเพลงฮั่วฟานได้ลื่นไหลขึ้นอย่างมาก
“ในที่สุดก็ทำได้แล้วสินะ”
หลังจากเงียบอยู่ครู่หนึ่ง เย่ฉางชิงก็เอ่ยวิจารณ์พร้อมกับยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน
มินานเมื่อเย่ฉางชิงเดินออกมาจากภายในห้อง
ก็เห็นถานไถชิงเสวี่ยที่สวมอาภรณ์สีขาว นั่งดีดพิณอยู่ใต้ต้นหลิวใบหน้าแฝงเอาไว้ด้วยรอยยิ้มยินดี กำลังมองมาทางเย่ฉางชิงอยู่พอดี
“ท่านเย่ ในที่สุดชิงเซว่ก็สามารถดีดเพลงฮั่วฟานได้แล้วเจ้าค่ะ”
ถานไถชิงเสวี่ยเอ่ยกับเย่ฉางชิงด้วยดวงตาเป็นประกาย และท่าทางมีความสุขเป็นอย่างมาก
เย่ฉางชิงพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม พลางเอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ปัญหาใหญ่ ๆ แทบจะมิมีแล้ว แต่ว่ายังต้องหมั่นฝึกซ้อมอยู่”
“ท่านเย่ ในเมื่อตอนนี้ข้าสามารถดีดเพลงฮั่วฟานได้แล้ว เช่นนั้นคงถึงเวลาที่ต้องกลับไปแล้วเจ้าค่ะ”
ถานไถชิงเสวี่ยยิ้มออกมา ก่อนจะลุกขึ้นโค้งคำนับให้แก่เย่ฉางชิง “ช่วงที่ผ่านมาชิงเสวี่ยรบกวนมามาก หวังว่าท่านเย่จะอภัยให้ด้วยนะเจ้าคะ”
เดิมถานไถชิงเสวี่ยยังมีคำขอบคุณที่ต้องการจะเอ่ยอีก
ทว่านางกลับรู้สึกว่ามิมีความจำเป็นที่จะต้องกล่าวเช่นนั้นแล้ว
ยอดบุรุษเช่นผู้อาวุโสเย่ ต่อให้นางจะขยันมากขึ้นและทุ่มเททั้งชีวิต สุดท้ายก็ทำได้เพียงแค่เฝ้าหวังเท่านั้น
อีกทั้งการที่ผู้อาวุโสเย่ขยันบำเพ็ญเพียรในช่วงนี้ ปราณวิญญาณฟ้าดินรอบเมืองเสี่ยวฉือจึงถูกดูดไปจนเกือบหมด ทำให้หลายวันมานี้นางมิสามารถที่จะบำเพ็ญเพียรได้ตามปกติ
ขณะเดียวกันการที่นางสามารถฝืนดีดเพลงฮั่วฟานได้ ย่อมหมายความว่านางได้เกิดการบรรลุวิถีดนตรีอย่างใหญ่หลวง
ขั้นต่อไปนางต้องรีบเข้าฌานบำเพ็ญเพียรต่อ
เช่นนั้นนางจำต้องไปแล้ว
เย่ฉางชิงได้ยินเช่นนั้นก็นิ่งไปเล็กน้อย
‘จะไปแล้วงั้นหรือ ? ’
‘แต่ก็ถูกต้องแล้ว’
‘นับตั้งแต่กลับจากเมืองหลวง เพียงพริบตาเวลาก็ผ่านไปนับเดือนแล้วสินะ’
หลังจากนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง เย่ฉางชิงก็เอ่ยถามถานไถชิงเสวี่ยด้วยรอยยิ้มว่า “แม่นางชิงเสวี่ย เตรียมตัวจะไปเมื่อใดงั้นหรือ?”
ถานไถชิงเสวี่ยเอ่ยอย่างระมัดระวังว่า “เรียนท่านเย่ ชิงเสวี่ยตัดสินใจว่าจะไปวันนี้เจ้าค่ะ”
“จะไปวันนี้เลยหรือ ? ”
เย่ฉางชิงเลิกคิ้วขึ้นน้อย ๆ พลางเอ่ยอย่างครุ่นคิดว่า “แม่นางชิงเสวี่ย เอาเช่นนี้ก็แล้วกัน”
“ท่านก็อยู่ที่นี่มาพักใหญ่แล้ว ข้ายังมิได้เลี้ยงต้อนรับเจ้าเลย เจ้ารอสักครู่ข้าจะไปร้านสุรา ซื้ออาหารกลับมาสองสามอย่าง กินเสร็จแล้วเจ้าค่อยไปก็แล้วกัน”
ถานไถชิงเสวี่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าลง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน