ตอนที่ 260 คำสอนหลักมหายาน
เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังปราณมหาศาลที่แผ่มาจากด้านหลัง
เย่ฉางชิงก็อดมิได้ที่จะรู้สึกใจสั่นขึ้นมา ก่อนจะใช้หางตากวาดมองไปทางด้านหลัง
จึงเห็นว่าเจ้าสำนักของห้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ รวมทั้งคนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนนั้นกำลังตึงเครียดเป็นอย่างมาก ท่าทางพร้อมลงมือได้ทุกเมื่อ
แน่นอนว่าเย่ฉางชิงเองก็สังเกตเห็นเช่นกัน
หลังจากที่พ่ายแพ้ไปถึง 2 ครั้ง เสวียนเต๋อก็เริ่มมีท่าทีกระวนกระวายขึ้นมา หาได้สงบนิ่งเช่นในตอนแรกอีกไม่
และเพราะคำอธิบายหลักคำสอนของลัทธิเต๋าและศาสนาพุทธของเขา จึงทำให้พระสงฆ์ 300 รูปที่อยู่ทางด้านหลังของเสวียนเต๋อมีสีหน้าเปลี่ยนไป บางทีอาจเป็นไปได้ว่าไปสั่นคลอนความเชื่อของพระพุทธศาสนาในจิตใจของพวกเขาก็เป็นได้
เช่นนี้แล้วบางทีอาจเกิดเรื่องมิคาดฝันขึ้นก็เป็นได้
แต่ที่นี่คือจงหยวนเป็นดินแดนแห่งลัทธิเต๋า มิหนำซ้ำดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนยังเป็นหนึ่งในห้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่อีกด้วย
หากเกิดเรื่องมิคาดฝันขึ้นจริง ลัทธิเต๋าก็ยังคงเป็นฝ่ายได้เปรียบอยู่
เย่ฉางชิงคิดถึงตรงนี้แล้วก็มิได้ใส่ใจคนของลัทธิเต๋าที่อยู่ด้านหลังอีก ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง
“ครานี้ข้าอยากจะถามไต้ซือว่า ศาสนาพุทธมีผู้ที่มิหลุดพ้นหรือไม่ ? ”
“อมิตาพุทธ ศาสนาพุทธของเราเปี่ยมไปด้วยเมตตา”
เสวียนเต๋อพนมมือขึ้น หลังจากท่องคำภาวนาแล้ว ก็เอ่ยเสียงเรียบว่า “ผู้ที่หลุดพ้นคือพระพุทธเจ้า ศาสนาพุทธของเราย่อมมิแบ่งชั้นวรรณะ”
เย่ฉางชิงยิ้มออกมา ก่อนจะถามต่อ “ผู้ที่สองมือเปื้อนเลือดก็ยังหลุดพ้นได้เช่นนั้นหรือ ? ”
เสวียนเต๋อพยักหน้า “เมื่อวางมีดลงย่อมหลุดพ้นได้”
เย่ฉางชิงเอ่ยต่อโดยมิหยุดคิดว่า “วางมีดลงก็หลุดพ้นได้งั้นหรือ ? ”
เสวียนเต๋อพยักหน้ารับ “วาดมีดลงแล้ว ย่อมสามารถหลุดพ้นได้”
เย่ฉางชิงยกมุมปากขึ้น และเอ่ยด้วยท่าทางนิ่งสงบเช่นเดิม “โกหก หากผู้คนมากมายสังหารพระพุทธเจ้า แล้วใครกันที่จะทำให้คนเหล่านั้นหลุดพ้นได้ ? ”
เสวียนเต๋อได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับพูดมิออก
ผ่านไปมิกี่อึดใจ ไอความเคียดแค้นของเสวียนเต๋อก็ทวีความรุนแรงมาขึ้น
เงียบไปครู่หนึ่งเสวียนเต๋อก็พนมมือขึ้น พลางเอ่ยกับเย่ฉางชิงว่า “ครานี้ก็เป็นอาตมาที่แพ้อีกแล้ว”
สองคนผลัดกันถาม ผลัดกันตอบอยู่เช่นนั้น
จนเวลาผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วยาม
สุดท้ายเสวียนเต๋อก็พ่ายแพ้ไปถึงสิบคำถามและสิบคำตอบ
ขณะเดียวกัน เสวียนเต๋อในตอนนี้ก็มิอาจสงบเยือกเย็นได้อีก โดยสีหน้าเปลี่ยนเป็นดุดันขึ้น
นอกจากนี้ร่างของเขายังแผ่ไอความเคียดแค้นอันน่ากลัวออกมาอีกด้วย รอบกายมีหมอกดำทะมึนปกคลุมอยู่จาง ๆ
เห็นได้ชัดว่าการแพ้อย่างต่อเนื่อง ค่อย ๆ สั่นคลอนพระธรรมในใจของเขาอย่างเงียบ ๆ และที่สำคัญยังไปกระตุ้นปีศาจในใจของเขาอีกด้วย
ขณะที่เสวียนเต๋อดูชั่วร้ายขึ้น และยากที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ได้
ทว่าใบหน้าของเย่ฉางชิงก็ยังคงเรียบนิ่ง ขณะลุกขึ้นยืน
เวลานี้เสวียนเต๋อเป็นอะไรไปนั้น เขาพอจะคาดเดาได้
เย่ฉางชิงยอมรับว่าฝีมือของเขาตอนนี้ยังด้อยนัก หาใช่คู่ต่อสู้ของพวกเสวียนเต๋อไม่
แต่ทางด้านหลังของเขามีเจ้าสำนักห้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ รวมทั้งคนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนที่หาใช่คนธรรมดาไม่
หากพวกเขาคิดจะใช้กำลังโจมตี เช่นนั้นก็คงต้องคิดให้ดีเสียก่อน
วินาทีต่อมา ขณะที่เย่ฉางชิงเตรียมจะหมุนตัวจากไปนั้น
“โยม อาตมายังมีอีกเรื่องที่มิเข้าใจ หวังว่าโยมจะให้ความกระจ่างได้”
เสวียนเต๋อขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าถมึงทึงเมื่อครู่ผ่อนลมหายใจหนัก ๆ ออกมา
“อาตมามองดูแล้ว มิว่าจะศาสนาพุทธหรือลัทธิเต๋า นับแต่อดีตมาล้วนสอนสั่งให้คนมีเมตตา ล้วนเป็นแนวทางที่ถูกต้องของโลก เหตุใดจึงมิอาจอยู่ร่วมกันได้เล่า ? ”
สิ้นเสียง เย่ฉางชิงยังมิได้ตอบสิ่งใด
ต้วนฉางเต๋อที่มีนิสัยมุทะลุกว่าใครก็ก้าวเดินไปด้านหน้า และเป็นคนเอ่ยขึ้นก่อนว่า “การประชันจบลงแล้ว เจ้ายังจะมีปัญหาอะไรอีก พวกเจ้ารีบกลับไปได้แล้ว ! ”
เย่ฉางชิงปรายตามองต้วนฉางเต๋อเล็กน้อย อีกฝ่ายจึงรีบยิ้มประจบก่อนจะถอยหลังกลับที่เดิม
“หลักการต่างกัน”
เย่ฉางชิงหมุนตัวไปเอ่ยกับเสวียนเต๋อด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “พระบรมศาสดาสอนว่า เมื่อวางมีดลงย่อมหลุดพ้นได้ แต่ลัทธิเต๋า ผู้ที่เข่นฆ่าผู้คนจะถูกฟ้าดินลงโทษ”
“ศาสนาพุทธพูดถึงชีวิตหลังความตาย เน้นเหตุและผล แต่ลัทธิเต๋าพูดถึงชาตินี้ เน้นเรื่องโชคชะตา วาสนา”
“เช่นนั้นศาสนาพุทธและลัทธิเต๋ามีหลักคำสอนต่างกัน หลักการก็ต่างกัน ด้วยเหตุนี้จึงมิอาจอยู่ร่วมกันได้”
ได้ยินเช่นนั้นเสวียนเต๋อก็ถึงกับพูดมิออก
หลังจากที่เงียบไปสักพัก เสวียนเต๋อก็เอ่ยว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น อาตมาอยากทราบว่า โชคชะตาของลัทธิเต๋าคือสิ่งใดกัน ? ”
เย่ฉางชิงจึงตอบกลับโดยมิหยุดคิดว่า “วิถีฟ้ามีวัฏจักร ดีชั่วย่อมได้รับผลกรรม ถือเป็นโชคชะตา วิถีฟ้ามีรางวัลตอบแทน กรรมราวกับเงาติดตาม นี่ก็คือโชคชะตา”
ทันใดนั้นเสียงของเย่ฉางชิงก็กังก้อง ราวกับเสียงแห่งวิถีเต๋าในทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน