ตอนที่ 266 ทุกที่ในเมืองนี้ล้วนเป็นโอกาสและวาสนา
หลังจากซีเหมินเหลยหู่ทอดถอนหายใจเสร็จแล้ว
ทันใดนั้นเขาก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป ท่าทางของเขาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น
“ช่างเป็นสิ่งมีชีวิตโบราณที่น่ากลัวจริง ๆ ! ”
ซีเหมินเหลยหู่ขมวดคิ้วแน่น อดมิได้ที่จะเอ่ยด้วยเสียงสั่นเทาว่า “พฤกษาที่เหี่ยวเฉาพานพบวสันต์ฤดู หากข้าเดามิผิดล่ะก็สิ่งมีชีวิตโบราณนี่ เหมือนเคยประสบกับทัณฑ์สวรรค์มาแล้วสินะ”
ได้ยินเช่นนั้นหนานกงเสวียนจีและซือถูเจิ้นผิงก็ได้สบตากัน จากนั้นจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า “ผู้อาวุโสซีเหมิน ท่านหมายความว่าเยี่ยงไรหรือขอรับ ? ”
“ข้าหมายความว่าภายในเมืองแห่งนี้มีสิ่งมีชีวิตโบราณอยู่ตนหนึ่ง อีกทั้งยังเคยประสบการทดสอบจากสวรรค์ เพียงแต่… ล้มเหลวไปเสียก่อน”
ซีเหมินเหลยหู่เอ่ยพลางครุ่นคิดว่า “เขาต่างกับข้าตรงที่ข้าบั่นทอนตบะบารมีตนเองลง จึงมิได้ประสบกับทัณฑ์สวรรค์มาก่อน ส่วนเขากลับเคยประสบกับทัณฑ์สวรรค์มาแล้ว ทว่าบัดนี้ยังได้ฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาได้อีกครา”
ซีเหมินเหลยหู่นึกบางอย่างขึ้นมาได้ ก่อนจะเอ่ยถามออกมาว่า “หรือว่าสิ่งมีชีวิตโบราณตนนี้ ก็คือผู้อาวุโสเย่ที่พวกเจ้าเอ่ยถึงเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“ห๊ะ ? ”
ซือถูเจิ้นผิงและหนานกงเสวียนจีชะงักงันไปทันที จากนั้นก็ส่ายหน้าออกมาเบา ๆ
ซือถูเจิ้นผิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ตบะบารมีของผู้อาวุโสเย่ลึกล้ำสุดจะหยั่ง อิทธิฤทธิ์ของเขาเรียกได้ว่าสูงส่งอย่างมาก อีกทั้งเขามักจะปกปิดไอพลังเอาไว้ พวกข้าเองยังมองมิออกเลยขอรับ”
หนานกงเสวียนจีเอ่ยเสริมขึ้นบ้าง “ความจริงแล้วผู้อาวุโสเย่สามารถนำจิตแท้ของหลักการเต๋าฟ้าดินมากมายผสานลงภายในอักษรพู่กันได้ อิทธิฤทธิ์เช่นนี้ก็คงพอจะอธิบายความเก่งกาจของเขาได้แล้วขอรับ”
“ใช่แล้ว ผู้อาวุโสซีเหมินก่อนหน้านี้มินานเคยมีคนพยายามเสริมวิถีเต๋าบนโลกใบนี้ คิดว่าท่านเองก็คงสัมผัสได้ใช่หรือไม่ ? ”
ซีเหมินเหลยหู่นิ่งอึ้งไปเล็กน้อย ขณะมองหน้าหนานกงเสวียนจีมุมปากก็ได้กระตุกขึ้นขณะตอบกลับว่า “เจ้าหมายความว่า… คนผู้นั้นก็คือผู้อาวุโสเย่ที่เจ้าเอ่ยถึงเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
ซือถูเจิ้นผิงและหนานกงเสวียนจีฉีกยิ้มออกมาแทบจะพร้อม ๆ กัน
“สูด ! ”
ซีเหมินเหลยหู่มีสีหน้าเปลี่ยนไป ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ด้วยความหวั่นเกรง
เป็นเพราะเมื่อมินานมานี้เขาสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของหลักการเต๋าฟ้าดิน จึงได้ฝืนออกฌานมา
บุคคลที่สามารถเสริมหลักการเต๋าให้แก่โลกได้เช่นนี้ แม้แต่เขาเองก็ยังอดมิได้ที่จะหวาดกลัว
เช่นนั้นเขาจึงตัดสินใจออกตามหายอดฝีมือท่านนี้ด้วยตัวเอง
แต่คิดมิถึงว่าแดนต้องห้ามที่เผ่าซีเหมินของพวกเขามีหน้าที่ปกป้องจะเกิดการเปลี่ยนแปลง จนทำให้เขาต้องใช้เคล็ดวิชาลับและแสดงตัวตนออกมา
ทว่าบัดนี้กลับบังเอิญได้ทราบว่ายอดฝีมือท่านนั้น ได้บำเพ็ญเพียรอยู่ที่เมืองเล็ก ๆ แห่งนี้
แล้วเขาจะนิ่งเฉยราวกับมิมีสิ่งใดเกิดขึ้นได้เยี่ยงไรกัน ?
‘น่าเหลือเชื่อ ! ’
‘ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก ! ’
‘คาดมิถึงว่ายอดฝีมือที่ไร้เทียมทานจะมาบำเพ็ญเพียรอยู่ที่เมืองเล็ก ๆ เช่นนี้ ! ’
คิดถึงตรงนี้ผู้แข็งแกร่งที่เร้นกายมานานปีอย่างซีเหมินเหลยหู่เอง กลับเกิดความรู้สึกหลากหลายขึ้นมาอย่างห้ามมิได้
ทั้งวิตกกังวล ตื่นเต้น ประหลาดใจ และลังเล…
ในตอนนั้นเองจู่ ๆ เงาร่างสีดำและเงาร่างสีขาวสองเงาก็ปรากฏตัวขึ้นยังด้านนอกเมืองเสี่ยวฉือ
ทั้งสองก็คือราชันทมิฬและถูสือซาน ที่ได้ออกไปบำเพ็ญเพียรอยู่ที่นอกเมืองมาสักพักแล้ว
อีกทั้งไอพลังของพวกเขาทั้งสอง ยังแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้เป็นอย่างมากอีกด้วย
ทว่าไอปีศาจกลับเบาบางลงกว่าเดิมหลายเท่า
เมื่อสัมผัสได้ถึงไอพลังของราชันทมิฬและถูสือซาน
ซีเหมินเหลยหู่ก็ได้สติขึ้นมา ดวงตาพลันเกิดประกายวาววับขึ้นมา
“เหตุใดนอกเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้จึงมีผู้แข็งแกร่งของเผ่าปีศาจได้ มิหนำซ้ำไอปีศาจยังบางเบาเช่นนี้ ต้องมีบางอย่างผิดปกติเป็นแน่ ! ”
ซีเหมินเหลยหู่หรี่ตาลง สายตาจับจ้องไปยังราชันทมิฬและถูสือซานที่อยู่ในร่างที่แท้จริง
ขณะเดียวกันราชันทมิฬและถูสือซานเองก็เหมือนจะสัมผัสได้ จึงได้หันไปมองซีเหมินเหลยหู่เช่นกัน
ทว่าสิ่งที่ทำให้ทุกคนคาดมิถึงก็คือ
ราชันทมิฬและถูสือซานมิได้ที่จะเข้าไปในเมืองเสี่ยวฉือ แต่กลับหมุนกายแล้วแปลงเป็นลำแสงสองลำพุ่งเข้ามาหาพวกของซีเหมินเหลยหู่แทน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน