ตอนที่ 273 คนในเมืองนี้ล้วนแต่เป็นยอดฝีมือ
เมื่อถูกเย่ฉางชิงเอ่ยเร่ง
ในที่สุดพวกซีเหมินเหลยหู่ก็ตัดสินใจหยิบตะเกียบขึ้นมา
ทว่าเยี่ยงไรเสียเนื้อนี่ก็เป็นเนื้อของจ้าวปีศาจ ภายในแฝงไว้ด้วยปราณชีวิตและกลิ่นคาวเลือดรุนแรง
แม้แต่ซีเหมินเหลยหู่ยังอดมิได้ที่จะต้องลอบเคลื่อนพลังปราณ เพื่อฝืนกลั่นพลังที่ได้รับ
ส่วนหนานกงเสวียนจีที่ตบะบารมีด้อยที่สุดในสามคนนั้น จึงกินเข้าไปได้เพียง 4 ชิ้นเท่านั้น
ครั้นจะกินหนึ่งชิ้นแล้วกลั่นพลังต่อหน้าผู้อาวุโสเย่ทันทีก็คงมิดีกระมัง ?
มิเพียงเท่านั้น หลังจากเย่ฉางชิงนั่งลงได้มิเท่าไร ก็ลุกขึ้นไปหยิบสุราชิงอี่ที่เขาหมักเอาไว้ออกมา
เนื้อเสือดำแกล้มกับสุราชิงอี่ที่หมักเอง สำหรับเขาแล้วช่างเข้ากันดีจริง ๆ
ทว่าสำหรับพวกซีเหมินเหลยหู่แล้ว กลับไร้วาสนาที่จะลิ้มรสได้
สุราชิงอี่มิเพียงรุนแรงยากที่จะต้านทานเท่านั้น อีกทั้งยังแฝงไว้ด้วยไอพลังดุดันมากมาย
การจะกลั่นพลังภายในระยะเวลาสั้น ๆ นั้น เกรงว่าแม้แต่ซีเหมินเหลยหู่เองก็มิสามารถที่จะทำได้
เช่นนั้นเมื่อสุราชิงอี่สองจอกไหลลงท้องไป บวกกับเนื้อเสือดำอีกมิกี่ชิ้น
มิเพียงแต่หนานกงเสวียนจีที่มีใบหน้าแดงก่ำแล้ว สมองยังมึนงง รอบกายยังมีกลิ่นสุรารุนแรงแผ่ออกมาด้วย ทางด้านซีเหมินเหลยหู่เองก็รู้สึกถึงความพลุ่งพล่านของเลือดลมภายในร่างกาย จนใบหน้าแดงก่ำด้วยเช่นกัน
“ท่านเย่ ตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว พวกเราเองก็ได้เวลาขอตัวแล้วขอรับ”
ซีเหมินเหลยหู่สูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะเอ่ยกับเย่ฉางชิงด้วยความนอบน้อม
เขารู้ดีว่าหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป เขาคงจะต้องเมามายอยู่ที่นี่เป็นแน่
หากผู้อาวุโสเย่เป็นเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันก็ว่าไปอย่าง ทว่าเขากลับมีความเก่งกาจจนมิอาจจะคาดเดาได้เสียด้วยซ้ำ
อีกทั้งหากตนเมามายแล้วไปล่วงเกินผู้อาวุโสเย่โดยมิได้ตั้งใจเข้า เช่นนั้นจะต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน
เช่นนั้นซีเหมินเหลยหู่จึงตัดสินใจจากไปเสียตั้งแต่ตอนนี้
อีกทั้งหนานกงเสวียนจีที่มีตบะบารมีด้อยที่สุดในบรรดาทั้งสามคน ตอนนี้ก็เริ่มมีท่าทางเมามายขึ้นมาแล้วด้วย
เย่ฉางชิงได้ยินเช่นนั้นก็กวาดตามองท่าทางที่ดูมิได้ของทั้งสามคน ก่อนที่มุมปากจะปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาอย่างอดมิได้
เวลานี้เขาชักเริ่มรู้สึกสงสัยเสียแล้วสิว่า
ผู้เฒ่าท่าทางดุจเซียนทั้งสามท่านนี้ แท้จริงแล้วใช่ผู้บำเพ็ญเพียรระดับสูงจริงหรือ ?
นี่เพิ่งจะดื่มไปเพียงมิกี่จอก พวกเขาก็ดูเหมือนจะรับมิไหวเสียแล้ว
ทั้ง ๆ สุราที่พวกเขาดื่มไปนั้นล้วนเพื่อคารวะตนทั้งสิ้น ยังมิทันได้ดื่มจริงจังเสียด้วยซ้ำ
หรือว่าพวกผู้บำเพ็ญเพียรเหล่านี้ปกติเอาแต่บำเพ็ญเพียร มิชอบดื่มด่ำสุราจึงได้เมามายง่ายดายเช่นนี้ ?
แต่ดูแล้วก็สมควรแก่เวลาจริง ๆ
วันนี้พวกเขาทั้งสามยังต้องเดินทางกลับไปอีก
หากพวกเขาเกิดเมามายขึ้นมา แล้วยังยืนกรานที่จะกลับไป
ระหว่างทางหากเกิดมีคนใดคนหนึ่งเมาจนควบคุมตัวเองมิอยู่และเข้าไปในสถานที่อันตราย สุดท้ายถูกสิ่งมีชีวิตบางอย่างในพื้นที่นั้นสังหารขึ้นมา
เช่นนั้นเย่ฉางชิงก็จะกลายเป็นตัวการของเรื่องนี้ไปด้วย !
บทเส้นทางมากมาย ความปลอดภัยต้องมาเป็นอันดับแรก !
ดื่มแล้วเหาะเหินประมาท ครอบครัวต้องร่ำไห้เป็นแน่ !
เหตุผลข้อนี้ สำหรับเย่ฉางชิงที่ใช้ชีวิตมาสองโลกแล้ว เขาย่อมรู้ดีที่สุด
คิดได้เช่นนั้นเย่ฉางชิงจึงมิขัดขวางใด ๆ อีก ก่อนจะลุกขึ้นเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ก็ดีเหมือนกัน เช่นนั้นทั้งสามท่านก็เชิญตามสบายเถอะ”
“ท่านเย่ เช่นนั้นพวกเราขอลาตรงนี้ โอกาสหน้าจะมาเยี่ยมเยียนใหม่ขอรับ”
พวกซีเหมินเหลยหู่พากันลุกขึ้นยืน ก่อนจะประสานมือคาราวะเย่ฉางชิง
เย่ฉางชิงเองก็พยักหน้ารับยิ้ม ๆ
จากนั้นก็ได้ลุกขึ้นยืนส่งทั้งสามคน
จนเวลาผ่านไปเกือบหนึ่งก้านธูป
หลังจากทั้งสามคนเดินออกจากถนนที่เย่ฉางชิงพำนักอยู่
ซือถูเจิ้นผิงก็สูดลมหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นว่า
“ผู้อาวุโสซีเหมิน พี่หนานกง พวกท่านว่าด้วยการช่วยเหลือของผู้อาวุโสเย่ ชาวเมืองแห่งนี้ล้วนเป็นเซียนกันหมดแล้วใช่หรือไม่ ? ”
“ข้าว่ามีความเป็นไปได้สูง”
หนานกงเสวียนจีที่ใบหน้าแดงก่ำเหมือนคนเมามายกล่าวขึ้นว่า “มิเช่นนั้นร่างกายของคนธรรมดาเช่นพวกเขา จะสามารถต้านทานปราณชีวิตและกลิ่นคาวเลือดที่รุนแรงของเนื้อปีศาจได้เยี่ยงไรกัน ? ”
ซีเหมินเหลยหู่พยักหน้าเห็นด้วย พร้อมเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังว่า “หากมิมีสิ่งใดผิดพลาด ต้องเป็นเช่นนั้นแน่ ๆ ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน