ตอนที่ 275 สาส์นและผลกรรม
หลังจากที่ตัวอักษรโบราณสีทองเจิดจ้าราวกับเปลวเพลิงปรากฏขึ้นกลางอากาศ
พลังอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ออกมาก่อนเปลี่ยนเป็นพลังทำลายล้าง
ขณะเดียวกันพลังอันน่ากลัวก็ปกคลุมไปทั่วทั้งตระกูลซีเหมินแทบจะในพริบตา ทุกคนในตระกูลต่างก็เต็มไปด้วยความตื่นตกใจ
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ! ”
“เหตุใดถึงมีพลังที่น่ากลัวเช่นนี้ปกคลุมตระกูลของเราได้ ! ”
“คงมิได้เป็นเพราะท่านบรรพบุรุษร่วมมือกับเจ้าเฒ่าแห่งแคว้นกู่เฉินผู้นั้นหรอกกระมัง ? ”
“เป็นไปมิได้ ท่านบรรพบุรุษเก่งกาจเพียงใด พวกเราต่างรู้ดีอยู่แก่ใจ มิหนำซ้ำเขายังเคยบั่นทอนตบะบารมีของตนเองมาแล้วคราหนึ่งเชียวนะ ทั่วทั้งจงหยวนหามีผู้ใดเทียบเคียงได้ไม่ ! ”
“ใช่แล้ว อย่าว่าแต่มนุษย์โลกอย่างแคว้นกู่เฉินเลย แม้แต่เหล่าเจ้าสำนักของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าก็ยังต้องให้ความเคารพยำเกรงด้วยซ้ำ”
“ที่พวกเจ้าพูดมาก็ถูก แต่หากตาเฒ่าแคว่นกู่เฉินผู้นั้นนำเอาสมบัติแปลก ๆ อย่างเช่นพวกสมบัติโบราณอะไรนั่นติดตัวมาด้วยเล่า ? ”
“ที่น้องชายพูดมาก็มีเหตุผล ! ”
“เช่นนั้นจะมัวชักช้าอยู่ทำไมกัน ไปจัดการเจ้าเฒ่าแคว้นกู่เฉินผู้นั้นกันเถอะ ! ”
“ไป ข้าเองก็มิชอบขี้หน้าเจ้าเฒ่าผู้นี้มานานแล้ว ! ”
หลังจากคาดเดาไปต่าง ๆ นานา คนในตระกูลซีเหมินต่างก็มุ่งหน้าไปยังตำหนักโบราณที่ตั้งอยู่ตรงกลางด้วยความโกรธแค้น
ขณะเดียวกันซีเหมินเหลยหู่ก็ขมวดคิ้วแน่น สายตาจ้องเขม็งไปบนตัวอักษรโบราณสีทอง
เห็นได้ชัดว่าแค่เพียงพลังอันน่ากลัว ที่แผ่ออกมาจากตัวอักษรโบราณสีทองนั้น
ก็สามารถอธิบายได้แล้วว่าจักรพรรดิไร้ราตรีผู้นี้ ได้บรรลุเป็นเซียนที่ไร้เทียมทานไปแล้ว !
ผู้ที่ครอบครองสาส์นนี้ สามารถไปขอการคุ้มครองที่เขาไร้ราตรีได้ !
นั่นก็หมายความว่าหากวันใดที่บรรลุเป็นเซียนได้แล้ว
ก็สามารถนำสาส์นฉบับนี้ไปขอการคุ้มครองจากจักรพรรดิไร้ราตรี ที่เขาไร้ราตรีที่อยู่เบื้องบนได้เลย
สำหรับผู้บำเพ็ญเพียรคนอื่น ๆ แล้ว สาส์นนี้คงมิได้มีความยั่วยวนใจเท่าไรนัก
เพราะสำหรับผู้บำเพ็ญเพียรบางคนแล้ว ชั่วชีวิตนี้แค่ก้าวเข้าสู่ระดับมหายานได้ยังยากเย็นแสนเข็นเหลือคณา
หรือต่อให้ก้าวสู่ระดับมหายานได้สำเร็จ ก็ต้องผ่านการทดสอบทัณฑ์สวรรค์พิฆาตที่อันตรายให้ได้เสียก่อน จึงจะสามารถพัฒนาร่างกายได้อย่างสมบูรณ์ และบรรลุเป็นเซียนได้
ทว่านับจากอดีตมาจนถึงปัจจุบัน ผู้ที่สามารถบรรลุเป็นเซียนได้จริง ๆ นั้น มีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย
แค่คิดก็รู้แล้วว่าการบรรลุเป็นเซียนนั้นยากเย็นเพียงใด !
เช่นนั้นสาส์นนี้ของจักรพรรดิไร้ราตรี สำหรับผู้บำเพ็ญเพียรคนอื่น ๆ แล้วหาได้มีความหมายใดไม่
ทว่ากับซีเหมินเหลยหู่นั้นมิเหมือนกัน !
เขาเคยบั่นทอนตบะบารมีของตัวเองมาแล้วครั้งหนึ่ง
บัดนี้ยังมีภาพวสันต์กำเนิดที่ผู้อาวุโสเย่มอบให้อีกด้วย
อาศัยไอพลังแห่งเต๋ามากมาย รวมทั้งจิตแท้แห่งเต๋าที่แฝงอยู่ภายในภาพวสันต์กำเนิด
เชื่อว่าอย่างช้าภายในร้อยปี อย่างเร็วเพียงแค่สิบปี เขาจะต้องบรรลุเป็นเซียนได้อย่างแน่นอน
ถึงตอนนั้นหลังจากบรรลุเป็นเซียนได้สำเร็จแล้ว
เขาก็สามารถนำสาส์นฉบับนี้ ไปยังเขาไร้ราตรีเพื่อขอรับการคุ้มครอง มิจำเป็นจะต้องลดตัวลงไปขอการคุ้มครองจากเซียนกลุ่มอื่นอีกแล้ว
แค่คิดก็รู้แล้วว่าสาส์นฉบับนี้มีความหมายเพียงใดต่อซีเหมินเหลยหู่
หลังจากชั่งน้ำหนักอยู่นาน
ซีเหมินเหลยหู่ก็ได้เพ่งสมาธิเพื่อเก็บสาส์นของจักรพรรดิไร้ราตรี ก่อนจะเอ่ยถามเฉินฉีหลู่ว่า
“เฉินฉีหลู่ ข้าอยากจะรู้ว่าแคว้นกู่เฉินของเจ้า เหตุใดจึงมีสาส์นเช่นนี้ได้ ? ”
เฉินฉีหลู่ที่มีท่าทางดุดันได้ยินเช่นนั้นดวงตาพลันเปล่งประกายเย็นเยียบออกมา จากนั้นก็โค้งคำนับลงอีกครั้ง ก่อนจะตอบด้วยสีหน้าที่ยากจะคาดเดาว่า
“ผู้อาวุโสซีเหมิน ท่านคงยังมิทราบราชวงศ์ในแคว้นกู่เฉินของข้านั้นเป็นลูกหลานของจักรพรรดิไร้ราตรี เช่นนั้นนับตั้งแต่แคว้นกู่เฉินก่อตั้งขึ้นมาก็ความเคารพและบูชาจักรพรรดิไร้ราตรีมาโดยตลอด”
“ส่วนสาส์นนี้เมื่อหนึ่งร้อยปีจักรพรรดิไร้ราตรีได้ประทานให้แก่ผู้น้อย รวมถึงแคว้นกู่เฉินด้วยขอรับ”
เอ่ยถึงตรงนี้เฉินฉีหลู่ก็เงยหน้าขึ้นเหลือบมองซีเหมินเหลยหู่ ก่อนจะเอ่ยต่อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน