เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน นิยาย บท 29

ตอนที่ 29 ความกังวลของฮ่องเต้แห่งต้าเยี่ยน

“จริงสิ แล้วกลอนบทนี้ผู้ใดเป็นผู้แต่งเยี่ยงนั้นหรือ ? ” เยี่ยนหยางเหนียนหลังจากซาบซึ้งที่ในที่สุดบุตรสาวสุดที่รักของตนเองก็โตเป็นผู้ใหญ่เสียที จึงเอ่ยถามออกมา

แม้กลอนบทนี้จะดูเรียบง่าย แต่กลับเต็มไปด้วยความรู้สึกที่จริงใจ หลังจากเยี่ยนหยางเหนียนฟังจบยังอดที่จะรู้สึกสะเทือนใจมิได้

เยี่ยนปิงซินจึงเอ่ยถามกลับไปพร้อมรอยยิ้ม “เสด็จพ่อคิดว่าผู้แต่งเป็นคนเช่นไรเพคะ ? ”

เยี่ยนหยางเหนียนขมวดคิ้วเล็กน้อย “พวกเจ้าได้พบกับจอมปราชญ์ท่านนี้แล้วเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

เยี่ยนปิงซินส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม

“เช่นนั้นผู้ใดกันที่สร้างผลงานที่ให้ความรู้สึกที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ได้ ? ” เยี่ยนหยางเหนียนมองไปที่หลิวฉางเหอ พลางถามขึ้นมาด้วยความสงสัย

เยี่ยนปิงซินหันไปสบตากับหลิวฉางเหอเล็กน้อย หลังจากหลิวฉางเหอพยักหน้าให้ ก็เพ่งสมาธิเพื่อหยิบอักษรพู่กันที่ติดเข้าม้วนอย่างประณีตออกมาจากแหวนเก็บสมบัติ

“นี่คืออะไรเยี่ยงนั้นหรือ ? ” เยี่ยนหยางเหนียนเอ่ยถาม

เยี่ยนปิงซินยิ้มออกมาพลางส่งสัญญาณให้หลิวฉางเหอจับด้านหนึ่งของภาพไว้ หลังจากนั้นจึงค่อย ๆ คลี่ภาพออก

ทันใดนั้นอักษรโบราณที่เปี่ยมไปด้วยพลังก็ปรากฏสู่สายตา ไอพลังแห่งโบราณกาลนับไม่ถ้วนก็เริ่มแผ่กระจายออกมา

สีหน้าของเยี่ยนหยางเหนียนเปลี่ยนไปในพริบตา ราวกับถูกอำนาจและความน่าเกรงขามในตัวอักษรสะกดเอาไว้ จนอดที่จะก้าวถอยหลังไปมิได้

“นี่มัน ! ! ! ”

สายตาของเยี่ยนหยางเหนียนจับจ้องอยู่บนตัวอักษรโบราณ เพียงพริบตา จิตวิญญาณก็ถูกดูดเข้าไปในดินแดนลึกลับ

“เฮือก ! ”

เยี่ยนหยางเหนียนสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ หลังดึงจิตวิญญาณออกมาจากอักษรโบราณได้ แต่สีหน้าของเขายังคงเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

“คาดมิถึงว่าเพียงแค่ภาพอักษรพู่กันจะแฝงเจตจำนงแท้จริงของกระบี่เอาไว้ได้น่ากลัวเช่นนี้ ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก ! ”

จากนั้นเยี่ยนหยางเหนียนก็หันกลับไปเอ่ยกับหลิวฉางเหอด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ท่านหลิว ภาพอักษรพู่กันนี้เป็นของยอดฝีมือท่านใดกัน อีกอย่างการเดินทางครั้งนี้พวกเจ้าได้ไปพบเจอสิ่งใดมากันแน่ ? ”

เยี่ยนหยางเหนียนมีฐานะเป็นถึงโอรสสวรรค์ของแคว้นโบราณต้าเยี่ยน และยังเป็นผู้บำเพ็ญเพียรวิถีแห่งดาบที่แข็งแกร่งคนหนึ่งอีกด้วย

เช่นนั้นเขาจึงสัมผัสถึงเจตจำนงแท้จริงของกระบี่อันน่ากลัว ที่แฝงอยู่ในภาพอักษรพู่กันได้เป็นอย่างดี

จากการประเมินของเขาแล้ว ผู้ที่รังสรรค์อักษรพู่กันภาพนี้ขึ้นมาจะต้องเป็นยอดนักบำเพ็ญเพียรวิถีกระบี่เป็นแน่

หลิวฉางเหอพยักหน้าตอบรับ พลางยกมือขึ้นลูบที่นิ้วและกล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “ครั้งนี้กระหม่อมและองค์หญิงเก้าได้พบกับยอดคนท่านหนึ่งมาจริง ๆ พะยะค่ะ”

“ยอดคนเยี่ยงนั้นหรือ ? ” เยี่ยนหยางเหนียนมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้น

หลิวฉางเหอนั้นเป็นถึงมือหนึ่งของจวนผู้กล้า ผู้ที่ถูกหลิวฉางเหอขนานนามว่าเป็นยอดคนได้ ย่อมหาใช่คนที่มีความสามารถธรรมดาไม่

หลิวฉางเหอพยักหน้ารับอีกครั้ง แล้วจึงได้เอ่ยต่อ “ผู้อาวุโสท่านนี้เร้นกายอยู่ในดินแดนจิตแห่งหนึ่งของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน ครั้งนี้ที่ข้ามีโอกาสได้พบกับผู้อาวุโสท่านนี้ต้องขอบคุณองค์หญิงเก้าพะยะค่ะ”

“ปิงซินงั้นหรือ ? ” เยี่ยนหยางเหนียนหันไปมองเยี่ยนปิงซิน

เยี่ยนปิงซินพยักหน้ารับเบา ๆ พร้อมรอยยิ้มอ่อนหวาน

“เจ้ารีบเล่าให้พ่อฟังหน่อยสิว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? ” ดวงตาเยี่ยนหยางเหนียนเป็นประกายขึ้นมาทันที ก่อนจะเอ่ยเร่งด้วยความใคร่รู้

เยี่ยนปิงซินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงได้เล่าสิ่งที่นางได้พบให้เยี่ยนหยางเหนียนฟังอย่างละเอียด

เวลาผ่านไป 1 ก้านธูป หลังจากเยี่ยนหยางเหนียนได้ฟังที่เยี่ยนปิงซินเล่ามาแล้ว ใบหน้าอันน่าเกรงขามกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายผสมปนเปกันไปหมด

“คาดมิถึงว่าจะมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่ในแคว้นต้าเยี่ยนของเราด้วย”

เยี่ยนหยางเหนียนหันไปถามหลิวฉางเหออีกครั้งว่า “ท่านหลิว ผู้อาวุโสท่านนี้ตบะบำเพ็ญเพียรเป็นเยี่ยงไรหรือ ? ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน